Skip to main content
sharethis


ภาพที่ BBC รายงานว่าทหารไทยได้ทำการจับกุมอพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายจากบังกลาเทศและพม่า ก่อนผลักดันออกนอกประเทศ ด้วยที่เรือไม่มีเครื่องยนต์ ปล่อยให้ลอยอยู่กลางทะเลด้วยอาหารและน้ำประทังชีวิตเพียงน้อยนิด


 



ผู้อพยพที่รอดตาย จากการช่วยเหลือของ ยามชายฝั่งอินเดีย ที่เกาะอันดามัน (ภาพจาก: BBC)


เมื่อวันที่ 15.. 51 ที่ผ่านมา สำนักข่าว BBC รายงานว่า ทหารไทยได้ควบคุมตัวผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายจากบังกลาเทศและพม่า แล้วบังคับให้ขึ้นเรือกลับประเทศของตนทั้งที่เรือไม่มีเครื่องยนต์ ปล่อยให้ลอยอยู่กลางทะเลด้วยอาหารและน้ำประทังชีวิตเพียงน้อยนิด เชื่อว่าต้องการปล่อยให้ตายกลางทะเล


รายงานของบีบีซีอ้างการเปิดเผยของผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวระบุว่า กลุ่มผู้อพยพได้จ่ายเงินให้กับนายหน้าเพื่อให้พาขึ้นเรือมาที่ประเทศไทย เพราะต้องการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่กลับมาถูกทหารไทยควบคุมตัวไว้ที่เกาะทรายแดง แล้วจับมัดมือพาขึ้นเรือออกทะเลไปโดยมีอาหารและน้ำเพียงน้อยนิดเท่านั้น ผู้รอดชีวิตที่ได้รับการช่วยเหลือจากยามชายฝั่งอินเดีย ที่เกาะอันดามัน เปิดเผยว่า ยังมีผู้ที่ต้องการขอลี้ภัยอีกหลายร้อยคนหายสาบสูญ หลังจากเดินทางออกจากบังกลาเทศและพม่าตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา


นายซอว์ วิน หนึ่งในผู้รอดชีวิตที่ได้รับการช่วยเหลือจากยามชายฝั่งอินเดีย เปิดเผยหลังจากถูกปล่อยให้ลอยอยู่ในทะเลนานถึง 12 วัน ว่าทหารไทยได้มัดมือของทุกคนเอาไว้แล้วนำตัวขึ้นเรือที่ไม่มีเครื่องยนต์ ก่อนจะใช้เรือยนต์ลากเรือผู้อพยพลงทะเลไปแล้วปล่อยให้ลอยอยู่กลางทะเล ทั้งๆ ที่ไม่มีอาหารและน้ำ โดยนายวินเชื่อว่าทหารไทยต้องการให้พวกผู้อพยพเหล่านี้ตายบนเรือ


ส่วนผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ เปิดเผยว่า มีผู้อพยพราว 400 คน ถูกทหารนำตัวขึ้นเรือลำใหญ่ ที่มีเพียงข้าว 2 ถุง และน้ำอีก 2 ถัง สำหรับดื่ม หลังจากผ่านไป 2 วัน อาหารและน้ำก็หมดลง ผู้อพยพบนเรือต้องอยู่โดยไม่มีอาหารและน้ำนานเกือบ 15 วัน ก่อนจะเห็นประภาคารจึงได้พากันกระโดดลงทะเลแล้วว่ายน้ำขึ้นฝั่ง และได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ชายฝั่งของอินเดียพาไปพักยังที่พักชั่วคราว


นายออน โรฮิงยา หนึ่งในชาวพม่าที่อพยพครั้งนี้ เปิดเผยว่า ตนและลูกชายพร้อมเพื่อนๆ อีก 7 คน ถูกทหารไทยจับตัวและบังคับให้ขึ้นเรือลำใหญ่ที่ไม่มีเครื่องยนต์ แต่ปรากฏว่าลูกชายและเพื่อนของตนอีก 3 คน รอดชีวิตมาได้ ส่วนอีก 4 คน เสียชีวิต เนื่องจากขาดน้ำและอาหาร หลายคนได้กระโดดลงทะเลเพื่อไปตายเอาดาบหน้า เมื่อเรือลอยไปใกล้กับเกาะอันดามันแล้ว เหลือคนอยู่บนเรือเพียงกว่าร้อยคนเท่านั้น


ด้านเจ้าหน้าที่ของเกาะอันดามันที่ช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้เอาไว้ เปิดเผยว่า แต่ละคนอยู่ในสภาพขาดน้ำอย่างรุนแรง และสามารถช่วยเหลือได้เกือบทั้งหมด ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้ออกมาประณามไทยต่อการกระทำอันไร้ซึ่งมนุษยธรรมต่อผู้อพยพผิดกฎหมายในครั้งนี้



"อภิสิทธิ์" ระบุกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงข่าวทหารไทยทารุณผู้ลี้ภัย


จากนั้นเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 51 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ กล่าวกรณีที่บีบีซีเสนอข่าว ทหารเรือทารุณกรรมผู้หลบหนีเข้าเมืองผิด กม. ว่า เรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ไปแล้ว เราพยายามดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และก็ยินดีจะร่วมมือกับต่างประเทศในการแก้ปัญหาคนเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย เพราะว่าเรื่องนี้กระทบความมั่นคงของเรา แต่หลักของเราก็ชัดเจนว่า การทำอะไร ต้องยึดหลักสิทธิมนุษยชน และเรื่องนี้ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ตนได้นัดกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆมาคุยด้วยโดยกำลังประสานเวลากันอยู่ ซึ่งขณะนี้ได้ตัวผู้ประสานงานและบุคคลที่จะมาคุยแล้วและรอเวลาที่สะดวก โดยจะพยายามให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ทราบว่า มีข้อเท็จจริงที่ลักลั่นกันอยู่อย่างไรและมีอะไรที่เขาสงสัย ก็จะได้ช่วยกันแก้



เขากล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามในส่วนนโยบายของเรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้วซึ่งเรื่องผู้ลักลอบเข้าเมืองผิด กม. ได้มีการประชุม ไปตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อนและในนโยบายก็เขียนชัดว่า ต้องยึดหลักสิทธิมนุษยชน



ทหารยืนยันไม่ทรมาน แต่ชาว "โรฮิงยา" ถือเป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศ


ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่า ทหารไทยกระทำทารุณกับผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮิงยาว่า ยืนยันว่า ไม่มีการทรมาน ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ ทั้งนี้ในการจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมืองนั้น เรามีมาตรการอยู่แล้ว และการดำเนินการจะเป็นไปตามลำดับตั้งแต่การสกัดกั้นและการจับกุม ซึ่งยืนยันว่า มีการดำเนินการอยู่แล้วในเรื่องนี้


อย่างไรก็ตามตนมีแนวความคิดที่จะหารือกับประเทศพม่า เพื่อประสานในการแก้ไขปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมือง แต่ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้หารือและดำเนินการ


พล.ร.อกำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ ยืนยันว่า ข่าวทหารเรือไทยกระทำการทารุณโหดร้ายกับผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮิงยา ด้วยการปล่อยลอยลำกลางทะเลให้เสียชีวิต ถือเป็นข่าวที่ไม่เป็นความจริง และเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ เพราะตนมีหลักฐานว่า ทหารเรือได้ดำเนินการอย่างมีมนุษยธรรม และเราไม่ใช่ทหารที่ป่าเถื่อน ส่วนภาพถ่ายที่สื่อมวลชนต่างประเทศนำมาแสดง อาจเป็นภาพจากนักท่องเที่ยวที่ไม่รู้ขั้นตอนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่


"ภาพตอนที่เราจับกุม คงนึกภาพออกว่า คน 200 คนหลบหนีเข้าเมืองมา ผิดกฎหมาย กำลังทหารเรามีเพียง 18 คน เราจำเป็นจะต้องให้เขาถอดเสื้อออก เพื่อดูว่ามีอาวุธหรือไม่ จำเป็นต้องให้เขานอนคว่ำแล้วเอามือไว้บนศีรษะ มิเช่นนั้น คน 18 คน จะคุมคน 200 คนได้อย่างไร อันนี้เป็นวิธีปฏิบัติของเรา เป็นการป้องกันตัวไม่ให้คน 200 คนมาทำร้ายคนของเรา 18 คน" พล.ร.อกำธร กล่าว


ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮิงยาถือเป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศ


เพราะเข้ามาครั้งละ 100-200 คน ทำให้เกิดปัญหาด้านสังคมและสาธารณสุขตามมา ดังนั้น เชื่อว่าคงไม่มีคนไทยคนไหน ต้องการให้ผู้หลบหนีเข้าเมือง 200 คนบุกเข้ามาในประเทศไทยอย่างเสรีทุกวัน


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้นำภาพถ่ายการจับกุมชาวโรฮิงยามาแสดงให้สื่อมวลชนดูด้วยว่าทหารเรือได้มีการดูแลผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองตามหลักมนุษยธรรม มีการเลี้ยงข้าวและจัดให้อยู่ในที่ร่มไม้ ก่อนที่จะส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องผลักดันออกนอกประเทศ เพราะทหารเรือได้รักษากฎหมายตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองด้วย


 


ที่มา: สำนักข่าว BBC, เว็บไซต์มติชน, เว็บไซต์คมชัดลึก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net