Skip to main content
sharethis

ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า วันนี้(18 พ.ย.)เวลา 10.00 น.นายจำรัส อัตถสุริยานันท์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 นัดสั่งคดีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ,นายสนธิ ลิ้มทองกุล ,นายพิภพ ธงไชย ,นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ,นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ,นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงาน ,นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ,นายอมร อมรรัตนานนท์ และนายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วมพันธมิตรฯ ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1-9 รวม 3 ข้อหา ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินตามประมวลกฎหมายอาญา 116 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ และเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกไปแต่ไม่เลิก มาตรา 215 และ 216 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


 


โดยคดีนี้ ก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 9 และในวันส่งสำนวนสั่งฟ้อง นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 ในการสั่งคดีดังกล่าว โดยมีเนื้อหาสรุปว่า การที่พนักงานสอบสวนตั้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้ง 9 เล็งเห็นได้ถึงเจตนาที่จะกลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางอาญา ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่าพนักงานสอบสวน ได้สรุปสำนวนการสอบสวนโดยมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องในทุกข้อหาโดยเร่งรัด ไม่ให้โอกาสอย่างเพียงพอในการต่อสู้คดีทั้งที่ผู้ต้องหาทั้ง 9 เพิ่งได้ยื่นคำให้การเมื่อวันที่ 30 ต.ค.51 และยังได้แสดงความประสงค์ที่จะให้การเพิ่มเติมอีก ขณะที่เกณฑ์การวินิจฉัยมูลความผิดในการสั่งฟ้องของพนักงานสอบสวน ก็จะต้องมีเหตุผลสมควรเพียงพอที่จะนำผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญาเพื่อให้ศาลวินิจฉัยในชั้นสุดท้ายว่าผู้ต้องหากระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่อันเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ฯ พ.ศ.2550 มาตรา 39 และ 40 แต่การใช้ดุลยพินิจสั่งคดีของพนักงานสอบสวนเป็นไปตามอำเภอใจนอกขอบเขตความชอบด้วยกฎหมายที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงกับผู้ต้องหาทั้ง 9 โดยไม่ได้รับการเยียวยาตามกฎหมาย ดังนั้นผู้ต้องหาทั้ง 9 จึงจะขอนำเสนอพยานบุคคล พยานเอกสาร เพื่อประกอบการพิจารณาสั่งคดีของอัยการเพิ่มเติมที่จะรวบรวมเสนอรายละเอียดให้อัยการภายใน 30 วันนับแต่วันนี้ และหากอัยการต้องการจะตรวจสอบปากคำของผู้ต้องหาทั้ง 9 ก็พร้อมจะให้ความร่วมมือ


 


นายนิติธร กล่าวว่า การตั้งข้อหาดังกล่าว เป็นไปเพื่อให้สอดรับกับการตั้งข้อหากบฎในการออกหมายจับที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการส่อให้เห็นว่ามีความพยายามที่จะใช้กระบวนการยุติธรรมกลั่นแกล้งให้แกนนำพันธมิตร ฯ ต้องได้รับโทษทางอาญา


 


อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงเวลานัด ทางฝ่ายผู้ต้องหาทั้งหมด ยกเว้น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เดินทางมารายงานตัว แต่อัยการยังไม่สามารถสั่งคดีได้ทันในวันนี้ โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากก่อนหน้าที่ หลังจากที่พนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้อัยการ ทางฝ่ายผู้ต้องหาทั้งหมด ได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรม ในการสอบพยานเพิ่มเติม และจนถึงขณะนี้ การสอบพยานเพิ่มเติมยังไม่เสร็จสิ้น อัยการจึงต้องเลื่อนการสั่งคดีออกไป เป็นวันที่ 21 ม.ค.2552


 


นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตร กล่าวว่า วันนี้อัยการนัดจะสั่งคดีเป็นครั้งแรก และแกนนำทั้ง 7 คน ได้เดินทางมารายงานตัว แต่อัยการได้เลื่อนสั่งคดีออกไป เพราะอยู่ระหว่างการสอบสวนพยานตามที่ได้ร้องขอความเป็นธรรมไป และหากวันที่ 21 ม.ค.2552 อัยการพร้อมที่จะสั่งคดี ก็จะนำผู้ต้องหาทั้งหมด มารายงานตัวต่อไป ขณะที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และผู้ต้องหาอื่นรวม 7 คน ได้ลงลายมือชื่อ ก่อนที่จะเดินทางกลับ


 


ที่มา: http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000136351

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net