วันที่ 10 ต.ค.51  ความคืบหน้าการชุมนุมของชาวบ้านเครือข่ายสิ่งแวดล้อม 6 เครือข่ายของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ที่ชุมนุมหน้าศาลากลางต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. เพื่อเรียกร้องให้นายปานชัย บวรรัตนปราณ  ผู้ว่าราชการจังหวัดออกมารับเรื่องร้องเรียน และความคิดเห็นของชาวบ้านเกี่ยวกับแผนพัฒนาเวสเทิร์นซีบอร์ด

จนกระทั่งในวันที่ 10 ต.ค.เวลาประมาณ 8.00 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดยังคงไม่ออกมาพบและรับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้าน จึงได้มีมติว่าร่วมกันว่า ภายในเที่ยงวันที่ 10 ต.ค. หากผู้ว่ายังไม่พบชาวบ้าน กลุ่มชาวบ้านก็จะเดินทางเพื่อตามหาผู้ว่าฯ เพื่อให้รับเรื่องร้องเรียนและแก้ไขปัญหาที่ชาวบ้านเรียกร้อง

จากนั้นเวลาประมาณ 12.00 น. ชาวบ้านได้มีการเดินธรรมชาติยาตราเพื่อตามหาตัวผู้ว่าราชการจังหวัดจากศาลากลางจังหวัดมุ่งหน้าไปยังอำเภอหัวหินซึ่งเป็นบ้านพักของผู้ว่าฯ แต่เมื่อเดินถึงสี่แยกบ่อนอก ชาวบ้านเกิดอาการเหนื่อยล้า มีคนแก่เป็นลมหลายคน ทำให้กลุ่มชาวบ้านตัดสินใจหยุดพักบริเวณสี่แยกบ่อนอกในเวลา 16.00 น. โดยปิดเส้นทางสัญจรบนถนนเพชรเกษมทั้งขาขึ้นและลงสู่ภาคใต้ โดยตัวแทนชาวบ้านขึ้นปราศรัยกล่าวขอโทษผู้สัญจรไปมา พร้อมทั้งบอกกล่าวความเดือดร้อนของตนบนเวทีปราศรัย จากนั้นเวลาประมาณ 18.00 น. ผู้ว่าฯ ได้ยอมพบกับกลุ่มชาวบ้าน โดยมีการพูดคุยและเซ็นหนังสือรับรองว่าจะไม่สนับสนุนโครงการโรงถลุงเหล็กในพื้นที่จังหวัดประจวบตามที่ชาวบ้านต้องการ จึงมีการสลายการชุมนุม

จินตนา แก้วขาว แกนนำคนหนึ่งกล่าวว่า ชาวบ้านได้ยื่นข้อร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดในเบื้องต้น และยังต้องมีการหารือกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องอีกต่อไป โดยประเด็นหลักที่นำเสนอคือ ชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับยุทธศาสตร์ของจังหวัด ที่มีเรื่องอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ และที่ผ่านมาชาวบ้านไม่มีส่วนร่วมด้วยในการกำหนดยุทธศาสตร์ นอกจากนี้ยังรวบรวมรายชื่อและโฉนดของชาวบ้านเพื่อคัดค้านการเปลี่ยนผังเมืองหลายอำเภอเป็นสีม่วง

จินตนากล่าวอีกว่า นอกจากนี้กลุ่มชาวบ้านยังยืนยันให้ผู้ว่าฯ เซ็นหนังสือรับรองว่าจะไม่ให้การสนับสนุนโครงการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กอย่างออกหน้าอย่างที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกปฏิบัติกับกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ หากคัดค้านโครงการจะโดนเพ่งเล็งอย่างมาก ขณะที่หากสนับสนุนโครงการไม่เป็นไร หรือการออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนของผู้ว่าฯ ที่สนับสนุนอุตสาหกรรมเหล็กโดยอ้างว่าเป็นนโยบายของรัฐ โดยท้ายที่สุด ผู้ว่าฯ ก็ยอมลงนาม ชาวบ้านจึงแยกย้ายสลายการชุมนุม