Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธานกรรมการ ศูนย์ข้อมูล วิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ AREA


 


 


            หญิงก็เป็นมนุษย์ เป็นอีกครึ่งหนึ่งของประชากรที่ค้ำจุนโลก แต่หญิงมักถูกกดขี่ทางเพศ หรือถูกมองเป็นเพียงวัตถุทางเพศเพื่อบำบัดความใคร่ของบุรุษ ตำนานการกดขี่ทางเพศมีเล่ากันไม่รู้จบในทุกเชื้อชาติ และทุกลัทธิความเชื่อทางศาสนาก็ว่าได้       


            แม้แต่คำว่าฉบับ "Woman on top" ของ Hi-Class ก็ยังอาจถูกตีความเป็นเรื่องการร่วมเพศได้อย่างง่ายดาย ผมลองหาคำดังกล่าวใน Google ปรากฏว่า ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเช่นนี้จริง ๆ นี่แสดงให้เห็นถึงโลกทัศน์ของคนส่วนใหญ่มักมองเรื่องหญิงเป็นวัตถุทางเพศเป็นสำคัญ


 


0 0 0


 


            ถ้าลองคิดดูว่า หากเราพบหญิงคนหนึ่งมีความสวยหยาดเยิ้มทุกอย่าง ขาดอย่างเดียวคือ ขาดอวัยวะเพศหญิง หญิงคนนั้นอาจไม่มีค่าอะไรเลยในสายตาของชายทั่วไปเพราะไม่สามารถร่วมเพศได้ หญิงคนนั้นย่อมไม่เป็นที่ปรารถนาของชายใด และก็คงยากที่ชายใดจะรับว่าหญิงคนนั้นเป็นชายได้ด้วย


            หากกล่าวอย่างถึงที่สุด ก็อาจมีชายจำนวนหนึ่งที่ยินดีร่วมเพศกับหญิงคนนั้นทางทวารหนัก อย่างไรก็ตามนี่เป็นความลักเพศ ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดปกติจากสามัญชนทั่วไปเพราะการร่วมเพศมักเป็นเพื่อการสืบเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่การนี้ไม่อาจบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้


            การลักเพศนี้ผิดหรือไม่ ผมไม่อาจยืนยืน ถือเป็นรสนิยมส่วนตัวที่ขับเคลื่อนโดยฮอร์โมนที่ผิดปกติไปของร่างกาย แต่โดยที่บุคคลลักเพศเป็นของคนส่วนน้อยอย่างยิ่งในสังคม จึงถือเป็นความผิดปกติ ผิดธรรมชาติ


 


0 0 0


 


            บางคนอาจมองไกลไปถึงว่าการกดขี่ทางเพศหนักกว่าการกดขี่ทางชนชั้นเพราะแม้แต่ชายชนชั้นกรรมาชีพที่ถูกนายทุนกดขี่ ก็ยังกดขี่หญิงของตนเอง จึงทำให้คนที่เชื่อในการต่อสู้ทางเพศมองว่า การต่อสู้นี้เป็นสรณะของมนุษย์ชาติด้วยซ้ำไป


            ในอีกทางหนึ่งบางคนอาจว่าการกดขี่ทางเพศหนักกว่าการกดขี่ทางชนชาติเสียอีก เพราะผู้ปกครองในหมู่ประเทศราชที่ถูกเอาเปรียบโดยประเทศเจ้าหรือประเทศจักรวรรดินิยม ก็ยังกดขี่ประชากรหญิงของตนเองอย่างแสนสาหัส เรียกได้ว่า แม้ชายในประเทศราชจะถูกหมิ่นโดยชายจากประเทศเจ้า แต่หญิงในประเทศราชก็ยังถูกชายในประเทศเดียวกันกดขี่อีกชั้นหนึ่ง


            ความจริงการมองในลักษณะนี้ดูคล้ายถูก แต่อาจจะผิด เพราะถ้ามองเช่นนี้ ก็มองกันไม่รู้จบ เช่น บางคนอาจบอกว่าเด็กถูกกดขี่จากผู้ใหญ่ หรือชายลักเพศ (เกย์) เป็นเพศที่ต่ำกว่าหญิงเสียอีก บางคนอาจเถียงว่า "ดี้" หรือหญิงที่มีรสนิยมชอบหญิงต่างหากที่ต่ำต้อยด้อยหน้าที่สุดในสังคม กล่าวให้ถึงที่สุด อาจกล่าวได้ว่า ดี้ที่เป็นเอดส์ต่างหากที่ต่ำที่สุด เป็นต้น การถกเถียงกันอย่างนี้ก็อาจเป็นการถกเถียงที่ไม่รู้จบไปได้


 


0 0 0


 


            การมองชายและหญิง หรือ หญิงและชาย แบบแยกส่วนเช่นนี้ ย่อมไม่อาจหาทางออกได้ และย่อมกลายเป็นประเด็นอันโอชะสำหรับการเคลื่อนไหวทางการเมือง การเคลื่อนไหวทางสังคม การเกิดเอ็นจีโอ การหากินกับผู้เสียเปรียบในสังคม การเอาดีใส่ตัว มารยาสาไถ ฯลฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่ผ่านมาจึงได้เกิดตำนาน "น้ำเน่า" มากมายในสังคมอย่างสนุกปาก


            ปรากฏการณ์ที่เราเห็นกันจนชินตาก็คือหญิงมักถูกชายเอาเปรียบ แต่ก็แปลกที่หญิงไม่ช่วยหญิง โดยเฉพาะหญิงที่เป็นแม่ผัวกลับปฏิบัติอย่างโหดร้ายต่อหญิงที่เป็นลูกสะใภ้ ยิ่งกว่าที่ชายจะพึงปฏิบัติต่อหญิงเสียอีก ต่อเมื่อหญิงผู้เป็นลูกสะใภ้ได้เลื่อนฐานะเป็นแม่ผัวเสียเองในชั่วรุ่นต่อมา ก็เกิดปรากฏการณ์ "กงกำกงเกวียน" ขึ้นมาอีก


 


0 0 0


 


            ความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ในโลกนี้มีการเอาเปรียบของคนส่วนน้อยต่อคนส่วนใหญ่ คนส่วนน้อยที่ครอบครองปัจจัยการผลิต กับคนส่วนใหญ่ที่ขายแรงงานอย่างหนักในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อแลกกับความอยู่รอด ไม่ใช่เรื่องการกดขี่ทางเพศเป็นสำคัญ ส่วนประเทศผู้กดขี่ที่เติบใหญ่มาก เข้า ก็อาจพัฒนาการเป็นจักรวรรดินิยม ออกไปล่าเมืองขึ้นต่อประเทศอื่น เช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ทั้งสเปน โปรตุเกส อังกฤษ เยอรมนี เป็นต้น


            อย่างไรก็ตามด้วยการปล้นสะดมจากประเทศกำลังพัฒนาหรือประเทศเมืองขึ้น ก็เลยทำให้ชนชั้นล่างในประเทศผู้กดขี่เอง ตนลืมตาอ้าปากได้มากขึ้นจากการแบ่งปันทรัพยากรที่ปล้นสะดมมา จึงกลายเป็นเรื่อง "บาปกรรม On Line" ฐานะความได้เปรียบของเจ้าผู้ปกครองก็เลยง่อนแง่น การสถาปนาประชาธิปไตยในประเทศจักรวรรดินิยมจึงเกิดขึ้น


            แต่ในขณะเดียวกันฐานะของหญิงในประเทศเมืองขึ้นก็กลับยิ่งเสื่อมทรามลง มีหญิงจำนวนมากที่ต้องขายบริการทางเพศเพื่อความอยู่รอด หรือทำงานที่ได้ค่าตอบแทนน้อยกว่าชาย นี่จึงเป็นเพียงการผลักดันการกดขี่ทางชนชั้นจากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกพื้นที่หนึ่งเป็นสำคัญ แต่ในอีกแง่หนึ่งหญิงขายบริการก็อาจมีรายได้งดงามกว่านักธุรกิจชายเสียอีก ยิ่งถ้ามีชื่อเสียง ยิ่งมีรายได้งาม เป็นต้น


 


0 0 0


 


            ปัญหาหญิงชายนี้จะแก้กันตรงไหนดี บางคนก็บอกว่าต้องเอาธรรมะเข้าข่ม อาศัยศาสนาเข้าช่วย แต่ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ชายก็เอาศาสนามากดขี่หญิงอยู่เหมือนกัน บางคนก็บอกต้องแก้ที่ใจ ที่ Mind Set ก่อน แต่ผมเชื่อว่าประเด็นชี้ขาดก็คือ การกระจายทรัพยากรอย่างเพียงพอ เช่นในประเทศตะวันตก มีทรัพยากรปริมาณมากพอจากการปล้นสะดมประเทศอาณานิคม ก็ทำให้เกิดช่องว่างทางชนชั้นน้อยลง


            หากเราแก้ปัญหาการกดขี่ขูดรีดในสังคมไปได้ จัดการแบ่งปันทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม การกดขี่ทางเพศเพื่อความอยู่รอดของอีกฝ่ายก็จะหมดไป เรื่อง "น้ำเน่า" ต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลพวงที่เกิดขึ้น ก็จะค่อย ๆ หมดไปด้วยการยกระดับจิตสำนึกทางสังคม โลกทัศน์ก็จะดีขึ้น เราจึงต้องอาศัยการ "รู้รักสามัคคี" ระหว่างหญิงและชายในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวก่อน


            อย่า ลืมว่า มหาตมะ คานธี กล่าวไว้ว่า "Earth provides enough to satisfy every man's need, but not every man's greed" หรือแปลว่า โลกมีทรัพยากรเพียงพอสำหรับความจำเป็นของมนุษย์แต่ไม่เพียงพอสำหรับความโลภของใคร


            หญิงชายล้วนต่างแบกโลกไว้ครึ่งหนึ่ง!


 




………………………………………………..


* ดร.โสภณ พรโชคชัย เป็นประธานกรรมการศูนย์ข้อมูล วิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ AREA (www.area.co.th) ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลที่มีฐานข้อมูลที่กว้างขวางที่สุดในไทยและเริ่มสำรวจอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2537 ขณะนี้ยังเป็นประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย กรรมการหอการค้าสาขาจรรยาบรรณ สาขาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ปรึกษาหอการค้าไทยสาขาอสังหาริมทรัพย์ และกรรมการสภาที่ปรึกษาของ Appraisal Foundation ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมวิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สินในสหรัฐอเมริกาที่แต่งตั้งขึ้นโดยสภาคองเกรส Email: sopon@area.co.th


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net