Skip to main content
sharethis

หวิดมีเรื่องกันเอง พันธมิตรภูเก็ตบุกกรุงแจ้นกลับด่วน


มติชนออนไลน์ - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 6 ก.ย. นายวิโรจน์ แจ้ว แกนนำกลุ่มพันธมิตรรักภูเก็ต และแผ่นดิน พร้อมด้วยสมาชิกกลุ่มสวมเสื้อสีเหลืองประมาณ 300 คน ได้เดินทางมารวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า แต่ละคนหิ้วกระเป๋าเดินทาง ติดตัว


 


โดย นายวิโรจน์ กล่าวว่า เดินทางมาจากภูเก็ตเพื่อมารวมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะต้องการขับไล่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้ลาออกจากตำแหน่ง โดยตนเป็นแกนนำพามา เพราะก่อนหน้านี้กลุ่มของตนได้ปิดสนามบินภูเก็ต จนทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อการทำมาหากินของคนในจังหวัด ตนจึงเจรจาว่า จะพาเข้ามาชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่กรุงเทพฯ โดยจะพามาอยู่ที่นี่ 4 วัน หากใครอยู่ได้ก็ให้อยู่ต่อไป ใครอยู่ไม่ได้เมื่อถึงเวลาก็จะมารับกลับบ้าน และขณะนี้กำลังจะพาประชาชนที่เดินทางมาด้วยกันกลับบ้าน


 


 นายวิโรจน์ กล่าวถึงสาเหตุที่รีบนำกลุ่มของตนกลับ จ.ภูเก็ต ว่า จากการมาร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ พบว่า มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงต้องพาคนออกไป เพราะไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด จึงประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้จัดรถบัสจำนวน 6 คัน มารับผู้ชุมนุมไปส่งที่ จ.ภูเก็ต ส่วนใครจะกลับหรือไม่เป็นสิทธิ์ของทุกคน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทั้งรัฐบาล และสังคมก็เห็นด้วยที่จะให้มีการทำประชามติ ดังนั้นพวกตนจึงจะกลับไปรอดูสถานการณ์ก่อน ส่วนจะกลับมาอีกหรือไม่นั้น ต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง


 


ระหว่างที่ นายวิโรจน์ กำลังรอรถมารับเพื่อกลับบ้านนั้น ได้มีกลุ่มพันธมิตรฯ บางส่วนเดินเข้ามาต่อว่า นายวิโรจน์ ว่า เป็นคนของพรรคพลังประชาชน และพยายามชักจูงให้ผู้ชุมนุมเดินทางกลับ จากนั้นการ์ดของกลุ่มพันธมิตรฯ ก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับชักเหล็กแป๊บที่เหน็บไว้ด้านหลังเสื้อเพื่อเข้ามาทำ ร้าย จนเกือบจะเกิดการปะทะกันเกิดขึ้น ทั้งกับ นายวิโรจน์ และกับกลุ่มผู้สื่อข่าว โดยการ์ดพันธมิตรฯ อ้างว่า กลัวนักข่าวจะมาทำข่าวว่าม็อบได้เลิกการชุมนุมแล้ว ทั้งนี้ สถานการณ์ก็คลี่คลายไปได้ด้วยดี แม้ว่าขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมกำลังจะออกเดินทางได้มีรถเก๋ง และรถกระบะของกลุ่มพันธมิตรฯ หลายคันขับวนก่อกวนตลอดเวลา จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขับรถมานำกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางกลับไป.


 


 


นักศึกษาลั่นหยุดเรียน9-11กย. "หมัก" ไม่ออก-พร้อมหยุดยาว


เว็บไซต์คมชัดลึก- ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า วันนี้มีนักศึกษาจำนวนมากจากทุกสถาบันทยอยเดินทางเข้าร่วมชุมนุม ที่บริเวณเวทีพันธมิตรฯ สะพานมัฆวานฯ โดยมีแกนนำเครื่อข่ายเยาวชนกู้ชาติเพื่อประชาธิปไตย จัดเตรียมสถานที่และตั้งโต๊ะลงทะเบียนนักเรียน นิสิตและนักศึกษาจากทุกสถาบัน ส่วนเวทีพันธมิตรฯสะพานมัฆวานฯ กลุ่มพันธมิตรยกให้เป็นพื้นที่การแสดงออกและทำกิจกรรมของเยาวชน มีแกนนำพันธมิตรฯ เช่น นายพิภพ ธงไชย และนายวีระ สมความคิด รวมถึงนักดนตรีผลัดเปลี่ยนขึ้นเวทีปราศรัยและเล่นดนตรีเพื่อสร้างความคึกคักให้ทั่วพื้นที่เวทีสะพานมัฆวานฯ ตลอดเวลา



   


นายวสันต์ วานิช แกนนำเครือข่ายเยาวชนฯ เปิดเผยว่า การชุมนุมของเยาวชนวันนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 80 สถานศึกษาทั่วประเทศ แต่ที่มาถึงแล้วลงทะเบียนไว้มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 50 สถานศึกษา โดยคาดว่าส่วนที่เหลือจะทยอยเข้าร่วมชุมนุมในช่วงกลางคืนในส่วนของรายชื่อจะลงทะเบียนเฉพาะแกนนำของสถานศึกษาเท่านั้นเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า กลุ่มเยาวชนมีพลังมากพอที่จะหยุดเรียนเพื่อกดดันรัฐบาล โดยกำหนดการจะใช้ยุทธการณ์ดาวกระจายเคลื่อนขบวนไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และอีกจุดหนึ่งกำลังดูความปลอดภัย หากปลอดภัยจะจัดกำลังอีกชุดหนึ่งให้เคลื่อนไปยังหน้า บช.น.



   


โดย 2 จุดเมื่อเคลื่อนขบวนไปถึงจะจุดเทียนและอ่านแถลงการณ์หยุดเรียนทั่วประเทศวันที่ 9-11 ก.ย.นี้ การนัดหยุดเรียนนี้ เป็นเพียงมาตรการเริ่มต้นเท่านั้น เพื่อดูท่าทีรัฐบาล หากยังไม่ยอมลาออกจะหยุดเรียนต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยจะสลับกันหยุดเรียนทั่วประเทศ อย่างน้อยแห่งละ1 คณะวิชา ไปจนกว่ารัฐบาลจะลาออก และกำลังอยู่ระหว่างปรึกษาว่า การนัดหยุดเรียนจะให้อิสระแต่ละสถาบันหรือรวมกันหมด พร้อมระบุว่าการนัดหยุดเรียนครั้งนี้มีผลกระทบต่อการเรียนอย่างมาก เนื่องจากอยู่ระหว่างการสอบปลายภาค ที่จะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า



   


นายวสันต์ กล่าวว่า ที่ออกมาแสดงพลังครั้งนี้เพื่อแสดงให้นักเรียน นักศึกษารู้ว่า การทำหน้าที่ของเยาวชนไทยที่ดี ไม่ใช่เอาแต่เรียนเท่านั้น ต้องออกมาต่อสู้กับสิ่งที่จะกระทบต่อสังคมส่วนรวมด้วย เพราะหากจบออกมาแล้ว แต่ขาดอุดมการณ์ จะเป็นสังคมของคนที่ไร้สติ


 


 


นศ.เคลื่อนพลบุกสตช.พรุ่งนี้ จี้คดีลอบยิงนักศีกษาม.รามฯ


เว็บไซต์คมชัดลึก- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเหตุลอบยิง 2 นักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหงในนาม"เครือข่ายพลังนักศึกษาเพื่อสังคม" ระหว่างการเดินขบวนไปเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลาออกที่บ้านพัก ถ.นวมินทร์ เมื่อคืนวันที่ 4 ก.ย. ล่าสุดทางเครือข่ายได้ออกแถลงการณ์เพื่อชี้แจงรายละเอียดของเหตุการณ์ทั้งหมดพร้อมทั้งประกาศว่า จะเคลื่อนไหวกดดัน สตช.ทุกทางเพื่อให้ความจริงเรื่องนี้ความกระจ่าง



   


แถลงการณ์ ระบุว่า ระหว่างทางที่กำลังเดินขบวนนั้น ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ขบวนของเราเดินทางมาถึงทางโค้งการเคหะแห่งชาติ คลองจั่น มือปืน 2 คน ขับมอเตอร์ไซค์ สวมแจ๊คเกทสีดำ ได้เปลี่ยนเลนวิ่งเข้าหาขบวนสาดกระสุนใส่เพื่อนของเรา 2 คนล้มฟุบลงต่อหน้า และขับหนีไป เสียงตะโกนหมอบลงๆ ดังลั่น ทั้ง 300 ชีวิตหมอบลงกับพื้น น้องผู้หญิงบางคนตกใจกลัว ตัวสั่น ร้องไห้ เพื่อนเราตะโกนบอกตำรวจที่ยืนอยู่ใกล้ๆให้จับคนร้าย แต่ก็ไม่เป็นผล...ในที่สุดเราต้องยกเลิกภารกิจและเคลื่อนขบวนมายัง สน.ลาดพร้าวเพื่อแจ้งความ และขอให้ตำรวจจับตัวมือปืนมาลงโทษให้ได้ภายใน 2 สัปดาห์ ล่าสุดเพื่อนเราสองคนปลอดภัยแล้ว นอนรักษาตัวอยู่ที่ร.พ.ศรีสยาม



   


ทั้งนี้ หลังเหตุการณ์ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์อย่างไร้ยางอายว่า "สาเหตุที่ถูกยิงเพราะนักศึกษาส่งเสียงดังจนชาวบ้านรำคาญ" นั้น เครือข่ายฯจะไปประณามความคิดที่มักง่ายเช่นนี้และจะวางพวงหรีดไว้อาลัย เรียกร้องให้ สตช. วางท่าทีที่เหมาะสม หยุดรับใช้รัฐบาลทรราช และจะเรียกร้องให้เร่งหาคนผิดมาลงโทษโดยเร็วที่สุดก่อนเหตุการณ์จะบานปลายในวันอาทิตย์ ที่ 7 กันยายน เวลา 13.00 น. ที่ สตช.



   


แถลงการณ์ระบุด้วยว่า จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทางเครือข่ายมีมติว่าจะเคลื่อนไหวต่อไปแต่จะยุติการเดินขบวนในเวลากลางคืน เพราะอำนาจรัฐชั่วร้ายกว่าที่เราคาดการณ์ไว้มากนัก เราขอประณามผู้ที่อยู่เบื้องหลังความรุนแรงในครั้งนี้ และคิดว่าเขาต้องการเชือดไก่ให้ลิงดูเพื่อปรามนักศึกษาสถาบันอื่นๆ ที่กำลังออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้นๆ แต่เราคิดว่าอำนาจรัฐกำลังคิดผิดและดูถูกพลังนักศึกษามากเกินไป เรามั่นใจว่าพลังบริสุทธิ์ของเราพร้อมที่จะออกมายืนเคียงข้างประชาชนและความถูกต้องเสมออย่างไม่กลัวเกรง



   


"จุดยืนของเครือข่ายฯมี 3 ประการคือ 1.ต้องขับไล่นายสมัครออกไปโดยเร็ว 2. ไม่ยอมรับพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ 3.กรณีการลอบยิง 2 นักศึกษาต้องมีความกระจ่าง ขอเชิญชวนเพื่อนนักศึกษาและประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมที่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงในวันที่ 8 กันยายน นี้ เวลา 16.30 น.เป็นต้นไป และจะมีการเคลื่อนไหวไปทวงความเป็นธรรมต่อทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นวุฒิสภา สภาทนายความ ฯลฯ"แถลงการณ์ ระบุ



   


นายสิกขนันท์ หนูเล็ก อดีตนายกองค์การนักศึกษา ม.รามคำแหง ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้เราจะไปทวงถามความคืบหน้าของคดีที่สตช.เพราะเมื่อเรายื่นคำขาดเอาไว้ 2 สัปดาห์ แต่ปรากฎว่าทางตำรวจไม่ใส่ใจที่จะทำทั้งๆที่เป็นคดีอุกอาจและเกี่ยวข้องกับการเมืองชัดเจน ทางเครือข่ายฯจะไปยื่นหนังสือเรียกร้องให้ตำรวจเอาจริงเอาจัง หากไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนจะวางหรีดที่สตช.



   


"เรื่องที่เพื่อนเรา 2 คนถูกลอบยิงระหว่างเดินขบวนขับไล่รัฐบาล กำลังถูกตำรวจบิดเบือนว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือนักศึกษาก่อความรำคาญให้ชาวบ้าน ถือว่าไม่เป็นความจริง เป็นการตั้งธงเพื่อให้รูปคดีออกมาเป็นเช่นนั้น ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมืองแน่นอน เป็นความพยายามที่จะสกัดกั้นขบวนการนักศึกษาไม่ให้ออกมาไล่รัฐบาล ขอเรียกร้องให้ตำรวจเลิกเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการรังแกประชาชนได้แล้ว ถ้ากรณีนี้ไม่กระจ่าง" ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ กล่าว


 


 


อาจารย์ -นิสิต-ศิษย์เก่าจุฬาฯ วอน"สมัคร"ลาออกก่อนกลียุค


เว็บไซต์คมชัดลึก - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. กลุ่มจามจุรีรักชาติ ซึ่งประกอบด้วยอาจารย์ นักศึกษา และบุคลากร จากทุกคณะทุกหน่วยงาน ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประมาณ 200 คน พร้อมสวมเสื้อสีชมพูอย่างพร้อมเพรียงมารวมตัวที่หน้าวัดเบญจมบพิตร ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนมายังทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯลาออกจากตำแหน่ง



   


ผศ.นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงค์ อาจารย์จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้อ่านแถลงการณ์ในนามกลุ่มจามจุรี ว่า เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันน่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหากปล่อยไว้วิกฤตการณ์จะยิ่งเลวร้ายกลายเป็นกลียุค เนื่องจากความขัดแย้งทางอุดมการณ์และทรรศนะทางการเมืองที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดการปะทะกันของคนไทยอยู่หลายครั้ง ซึ่งนายสมัครก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ กลับกลายเป็นต้นตอของปัญหาเสียเอง ซึ่งท่าทีการเป็นปรปักษ์ของนายกฯไม่อาจช่วยบรรเทาวิกฤติดังกล่าวได้ ความชอบธรรมของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจึงต้องสิ้นสุดกลุ่มจามจุรีจึงขอเรียกร้องดังนี้ คือ



   


1.ขอให้รัฐบาลประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉินทันที เพราะสถานการณ์ขณะนี้ไม่อยู่ในภาวะฉุกเฉินหากคงประกาศ พ.ร.ก.ฉบับนี้ไว้ จะกลายเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการปราบปรามผู้ที่มีความคิดเห็นต่างทางการเมือง 2.ขอให้นายสมัครลาออกจากตำแหน่ง 3.ขอให้สถานีวิทยุและโทรทัศน์เครือข่ายของกรมประชาสัมพันธ์ หยุดเป็นเครื่องมือของรัฐบาล หยุดอธิบายเหตุผล เพื่อสร้างความชอบธรรมแก่รัฐบาล แล้วหันมาเสนอข่าวสารข้อเท็จจริงที่รอบด้าน และ 4.ขอให้รัฐบาลเห็นเป็นภารกิจสำคัญที่จะต้องปกป้องผู้ชุมนุมทางการเมือง ซึ่งแม้จะมีความเห็นที่ต่างกับรัฐบาลเพื่อให้เกิดความมั่นคงและความปลอดภัยในการชุมนุมโดยสันติและปราศจากอาวุธ



   


ด้านผศ.จรูญ ณ ระนอง อดีตอาจารย์คณะคุรุศาสตร์ จุฬาฯและอดีตนายกสโมสรอาจารย์จุฬาฯ กล่าวว่า นายสมัครต้องการสลายผู้ชุมนุม ดังนั้นผู้ที่จะช่วยได้คือ นิสิต นักศึกษา ข้าราชการ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมื่อคืนวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีการระดมกำลังตำรวจมาเป็นจำนวนมาก แต่เขาไม่กล้าสลายการชุมนุมเนื่องจากมีกลุ่มนิสิต นักศึกษา จำนวนมากมาร่วมชุมนุม และที่แน่ๆตอนนี้ทหารก็ไม่เอาด้วย ดังนั้นขอเรียกร้องให้นิสิต นักศึกษาที่อยู่หอพักให้มาร่วมกันชุมนุมด้วย


 


 


"สมศักดิ์" ยัน ปธ.วุฒิยังไม่ประสานขอเจรจา ย้ำจุดยืน "หมัก"ต้องลาออกก่อนเท่านั้น


เว็บไซต์แนวหน้า - นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์หลังฝนตกหนักในทำเนียบรัฐบาลเป็นวันที่ 2 ถึงข้อเสนอที่นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาที่อ้างว่าจะประสานการเจรจากับพันธมิตรฯว่า ไม่จริง ยังไม่มีการประสานมาแต่อย่างใด หากจะมีการประสานมาต้องผ่าน 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯเท่านั้น หากเป็นคนอื่นๆแสดงว่าโดนแอบอ้าง



   


"และนายประสพสุขก็อย่าสร้างความสับสน เพราะพันธมิตรฯยืนยันจะไม่ยุติการชุมนุมจนกว่ารัฐบาลจะลาออก หากมีการเจรจาเกิดขึ้นเมื่อใดมันจะเป็นการสร้างความชอบธรรมให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯทันที"นายสมศักดิ์ กล่าว



   


ส่วนการประชุมครม.สัญจรที่จ.อุดรธานีในวันที่ 9 ก.ย.และพันธมิตรฯอุดรฯประกาศจะขัดขวางการประชุมนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า พันธมิตรฯส่วนกลางไม่ได้มีมติเรื่องนี้และเป็นการดำเนินการของพันธมิตรฯอุดรฯมันเป็นสิทธิเสรีภาพที่ทำได้แต่ขอให้ดูเรื่องความปลอดภัยด้วย หากจังหวัดและตำรวจ จ.อุดรฯดูแลการชุมนุมประท้วงไม่ได้พันธมิตรฯอุดรฯก็ไม่ควรเคลื่อนไหว



   


ส่วนการเมืองใหม่ที่พันธมิตรฯเสนอขึ้นมานั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จะดำเนินการหลังนายกฯลาออกและไม่หวั่นไหวหากรัฐบาลนำเรื่องนี้มาโจมตีพันธมิตรฯ ตอนนี้นายกฯมีภาพเป็นนักโต้วาทีไม่มีความน่าเชื่อถือ การเคลื่อนไหวทุกวันของนายกฯนั้นเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง การดำเนินโครงการใดๆก็จะทุจริต



   


ส่วนปัญหาน้ำท่วมในทำเนียบฯนายสมศักดิ์ กล่าวว่า พลตรีจำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯประสานไปยังกทม.ให้ส่งรถมาดูดน้ำแล้ว และมันไม่ใช่อุปสรรคในการชุมนุม ส่วนตัวเงินตัวทอง 2 ตัวที่หนีออกจากทำเนียบฯไปนั้นก็เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลจะไม่มีที่อยู่ ฝนที่ตกมาลงก็เป็นการชะล้างความชั่วออกจากทำเนียบฯ มันคือการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น



   


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่ฝนตกลงมาอย่างหนักที่ทำเนียบรัฐบาล ส่งผลให้ระบบไฟฟ้าของกลุ่มพันธมิตรมีปัญหาและดับทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นของส่วนเวทีใหญ่และไฟสนามที่ให้ความสว่างกับผู้ชุมนุม


 


 


"จาตุรนต์"หนุน พรก.ฉุกเฉิน อ้างอำนาจกองทัพ สกัดทำปฎิวัติยึดอำนาจเอง ข้องใจสังคมจี้"สมัคร"ลาออก-ยุบสภา


เว็บไซต์แนวหน้า - นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนตั้งให้เป็นทีมที่ปรึกษายุททธศาสตร์ในการรับมือกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อต่อสู้กลุ่มพันธมิตรว่าตนเพียงแนะนำให้คำปรึกษาทางการเมืองไป แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปร่วมขึ้นเวทีที่ไหน ตอนนี้ปัญหาบ้านเมืองไปไกลแล้วเพราะพันธมิตรฯละเมิดกฎหมายร้ายแรง แต่ไม่เข้าใจสังคมทำไมกลับมากดดัน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้ลาออกหรือยุบสภา ทั้งๆที่ควรไปกดดันกลุ่มพันธมิตรฯมากกว่าเพราะข้อเสนอเหล่านั้นไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ ส่วนการจัดทำประชามตินั้น ก็เห็นด้วยแต่ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาโดยตรง



   


เมื่อถามว่าล่าสุด ทาง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯระบุอาจยอมเจรจาหากนายกฯสมัคร ลาออกก่อน นายจาตุรนต์ก ล่าวว่า พันธมิตรพูดเช่นนี้ก็เหมือนโจรจี้เครื่องบิน แล้วจะบอกว่าปล่อยตัวประกัน หากยอมทำตามเงื่อนไข ส่วนบทบาทของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.นั้น ตนมองว่าต้องให้กำลังใจท่านรวมทั้งต้องพยายามชี้ให้ ผบ.ทบ.เห็นว่าปัญหาอยู่จุดไหนว่าจะทำอะไรได้มากขึ้น แม้ว่าขณะนี้จะเลยจุดหารือตาม พรก.ฉุกเฉินก็ตาม แต่ตรงนี้ถือเป็นบททดสอบที่กองทัพไทยกำลังได้รับโอกาสในการเข้ามาแก้ปัญหาของประเทศครั้งนี้



   


ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรที่มีกระแสหลายฝ่ายเรียกร้องให้ยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน นายจาตุรนต์กล่าวว่า ควรจะคง พรก.ไว้เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่จะเกิดในอนาคตเพื่อให้ทหารรสามารถใช้อำนาจเข้าไปดูแลได้ ขณะเดียวกันจะได้ป้องกันไม่ให้ทหารยึดอำนาจ หรือกระทำรัฐประหารเสียเอง


 


 


พันธมิตรฯอุดร ออกแถลงการณ์ต้านนายกฯมาประชุมครม.สัญจร


เว็บไซต์เดลินิวส์ - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมโรงแรมต้นคูณ อ.เมือง จ.อุดรธานี นายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.อุดรธานี ได้อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 3/2551 ของพันธมิตรฯ จ.อุดรธานี เรื่องการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่ จ.อุดรธานี โดยมีใจความสรุปได้ว่า ตามที่ปรากฎเป็นข่าวว่ารัฐบาลหุ่นเชิด นำโดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาประชุม ครม.สัญจร ที่จ.อุดรธานี ในวันอังคารที่ 9 กันยายน นั้น กลุ่มพันธมิตรฯ จ.อุดรธานี เห็นว่า นายกรัฐมนตรีและคณะหมดความชอบธรรมไปแล้วตั้งแต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำพิพากษาว่าแถลงการณ์ร่วม ไทย-กุมพูชา คณะรัฐมนตรีของนายสมัคร ทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ซึ่งเรื่องแบบนี้ในประเทศที่เจริญแล้วจะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกสถานเดียว นี่ยังไม่นับรวมถึงกรณีที่รัฐมนตรีร่วมคณะรัฐบาล 3 คน ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาแล้วว่ามีความผิดในคดีหวยบนดิน ซึ่งตามกฎหมายแล้วจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที่



   


นอกจากนนั้น นายกฯยังเจ้าเล่ห์ ยืมมือผู้อื่นไปกระทำการต่างๆ ที่ตัวเองต้องการ แต่ไม่ยอมรับว่าเป็นการกระทำของตนเอง เช่น การบุกเข้ามาทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ ของกลุ่ม นปก.เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก แต่บอกว่ารัฐบาลไม่เกี่ยว ทั้งๆ ที่มี ส.ส.และรัฐมนตรีของพรรคพลังประชาชนหลายคนอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้น พันธมิตรฯอุดรธานี จึงอยากให้นายกฯล้มเลิกการจัดประชุม ครม.สัญจร ที่จ.อุดรธานี เพื่อความสงบสุขของพี่น้องในจ.อุดรธานี และเห็นว่า นายกฯควรลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากหมดศักดิ์ศรี และความชอบธรรม


 


 


มทภ.3ส่งทหารคุ้มกันโรงไฟฟ้าแม่เมาะ


เว็บไซต์สยามรัฐ - พล.ต.สุรพล เจียมสมบูรณ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรีจังหวัดลำปาง ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงฝ่ายความมั่นคงของมณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรีจังหวัดลำปาง ไปประสานงานกับผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ด้านรักษาความปลอดภัยหลายฝ่ายของโรงไฟฟ้า และเหมืองลิกไนต์ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ที่ตั้งอยู่ใน อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากตามที่กลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ได้เคยประกาศไว้ว่าอาจจะมีการชุมนุม และปิดล้อมโรงไฟฟ้า และเหมืองลิกไนต์แม่เมาะ



   


ดังนั้น ทางกองทัพภาค 3 เห็นว่าหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง อาจจะกระทบต่อการดำเนินงานผลิตกระแสไฟฟ้า และการขุดถ่านหินลิกไนต์แม่เมาะ ซึ่งโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เป็นโรงไฟฟ้าหลักที่จ่ายไฟของประเทศ ทางกองทัพภาค 3 จึงได้สั่งการพิเศษให้มณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรีจังหวัดลำปาง จัดส่งกำลังเข้าไปหารือ เพื่อเตรียมความพร้อม และซักซ้อมแผนในการเตรียมรับมือกับกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ซึ่งผลดี จะทำให้ทางทหาร และโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เกิดความเข้าใจที่ตรงกันว่า จะปฎิบัติงานอย่างไร หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง สำหรับในการหารืออาจจะต้องมีการประชุมลับกันในสัปดาห์หน้า จากนั้นทางมณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรีจังหวัดลำปาง ก็จะสรุปผลส่งไปยังกองทัพภาค 3 ทราบ ถึงแผนในการเตรียมรับมือครั้งนี้


 


 


ชมรมรัก "บิ๊กจิ๋ว" วอนตั้งรัฐบาลแห่งชาติ


เว็บไซต์สยามรัฐ - ที่ศูนย์ประสานงานชมรมคนรักพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมกลุ่มคนรักพล.อ.ชวลิตฯ เกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาของประเทศโดยเฉพาะกรณีความขัดแย้งทางสังคม ระหว่างรัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่มีแนวโน้มจะมีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น



   


นายปรีชา จตุรงค์เสรีกุล ประธานชมรมคนรักพล.อ.ชวลิตฯ ภาคอีสาน กล่าวว่าแนวทางที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาขณะนี้ ควรอย่างยิ่งที่นายกรัฐมนตรี ต้องลาออกแล้วดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติหรือรัฐบาลเฉพาะกาลเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศเพราะการต่อต้านโดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแนวร่วมที่นอกจากประชาชน ได้มีกลุ่มนักศึกษาได้ออกมาเรียกร้องให้นายสมัครฯ ลาออก ที่ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่อาจจะเกิดปัญหาความรุนแรงในความเห็นขณะนี้ รัฐบาลเอง ไม่ควรที่จะยื้อสถานการณ์ออกไปแต่ควรอย่างยิ่งที่จะเร่งระดมสมอง ด้วยการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลที่น่าจะรวมเอา อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายชวน หลีกภัย หรือแม้แต่นายบรรหาร ศิลปอาชา เข้ามาช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศ ที่จะเป็นการแก้ไขปัญหาประเทศมากกว่าที่จะปล่อยให้สถานการณ์ตึงเครียดอยู่ในขณะนี้



   


ในด้านของกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรเองก็เชื่อว่าจะมีเหตุผลของการเคลื่อนไหว แต่ในเมื่อรัฐบาลไม่สามารถที่จะใช้กฎหมายหรือปกครองประเทศได้ก็ควรที่จะจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลหรือรัฐบาลแห่งชาติจากนั้นเมื่อทุกอย่างเข้าระบบแล้ว จึงหันมาดำเนินการจัดการเลือกตั้ง



   


ประธานชมรมคนรัก พล.อ.ชวลิตฯ กล่าวอีกกว่า ถึงแม้ว่าในอนาคตจะมีการยื้อเวลา แล้วทำการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ก็ไม่เป็นการแก้ไขปัญหาประเทศแต่จะเป็นการทำให้ประเทศชาติเสียหายจึงต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการทบทวนวิกฤตแห่งชาติก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงมากไปกว่านี้


 


 


ปชป.ชี้ทางออก-ตันวิกฤตประเทศอยู่ที่พรรคการเมือง


เว็บไซต์คมชัดลึก - นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า วิกฤตการเมืองวันนี้จะถึงทางออกหรือทางตัน ขึ้นอยู่กับการร่วมรับผิดชอบของพรรคการเมืองทุกพรรค ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของวิกฤติการณ์เช่นนี้ ซึ่งทางเลือกจะอยู่ที่เงื่อนไขอาจเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ ที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นในเย็นวันนี้(6 ก.ย.) และวันพรุ่งนี้(7 ก.ย.) ก่อนการประชุมร่วมนิติบัญญัติ 3 ฝ่าย ในวันที่ 8 ก.ย.นี้



   


"แสดงว่าเป็นความจงใจของรัฐบาลอย่างชัดเจน ที่เตรียมการให้คนปะทะกันอีกครั้ง นอกจากนั้นพรรควิตกต่อทาทีของหลายฝ่าย เช่น กรณีของนักจัดรายการที่ จ.อุดรธานี ได้ออกอากาศว่า ถ้าเจอพันธมิตรฯ ที่ไหน ก็ให้รุมทำร้ายที่นั่น ตรงนี้จะเป็นชนวนของความขัดแย้ง ความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นและลุกลามปานปลายมากกว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันพรรคการเมืองทุกพรรค ต้องไม่ตั้งหรือสร้างเงื่อนไขเพิ่มเติม โดยเปิดโอกาสให้กระบวนการเจรจาสามารถดำเนินไปได้ ซึ่งคิดว่าจุดเริ่มต้นการแก้ไขจะสามารถเกิดขึ้นได้" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว



   


โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีความห่วงใยในท่าทีของนายกรัฐมนตรี ที่ดูเหมือนไม่ให้โอกาสการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ และท่าทีต่างๆของนายกฯที่ปรากฎออกมาก็สอดรับกับท่าทีของพรรคพลังประชาชนจากการประชุมแกนนำเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยพูดถึงคณะทำงานชุดที่ 2 คือเรื่องการทำงานด้านมวลชน ซึ่งพูดชัดว่าจะให้การสนับสนุนกับมวลชนทั่วประเทศที่ออกมาชุมนุม ตนคิดว่าในภาวะที่ประชาชนมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอยู่แล้ว มีความจำเป็นที่นักการเมืองต้องแสดงความเป็นผู้นำ ในการสร้างความสมานฉันท์ให้ได้



   


นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า เมื่อนายกฯ ออก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มาแล้ว กลับรวบอำนาจไว้ เพราะเหล่าทัพไม่ยอมใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สังคมควรจะตรวจสอบว่าการที่ให้ความรับผิดชอบอยู่กับเหล่าทัพ แต่อำนาจกลับมาอยู่กับตัวเองนั้น จะเป็นทางออกหรือไม่ ดังนั้นยังมีความหวัง


 


 


คลังปฏิรูประบบจัดเก็บอุดรูรั่วภาษี


บ้านเมือง - นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวภายหลังพิธีมอบรายงานศึกษาพร้อมงานวิจัย "โครงการศึกษาและพัฒนาประมวลรัษฎากร" ว่า มูลนิธิเพื่อสนับสนุนการพัฒนาวิชาการทางนิติศาสตร์จุฬาฯ ใช้เวลาศึกษาวิจัยประมาณ 1 ปี และได้มอบให้กับกรมสรรพากร เพื่อนำไปปรับปรุงจำนวนรัษฎากรในบางเรื่อง บางข้อซึ่งยังเป็นกฎหมายเก่าที่มีช่องโหว่และไม่เป็นธรรม อาทิ เรื่องของนิติบุคคล บุคคลธรรมดา ภาษีธุรกิจข้ามชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีการแก้ไขมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์และยังมีการค้นหายากอยู่ โดยหลังจากกรมนำไปปรับปรุงแล้วจะนำส่งให้กระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป ขณะที่ผลการวิจัยเป็นการรวบรวมคำคิดเห็นจากหลายบุคคลทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งผู้เสียภาษีและผู้เก็บภาษีจะให้ข้อมูลอย่างครอบคลุม


 


"กฎหมายภาษีสรรพากรนั้น ล้าสมัยมาเกือบ 70 ปีแล้ว จึงต้องมีการแก้ไขปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน สิ่งที่ต้องแก้ไขมีทั้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีธุรกิจข้ามชาติ เป็นต้น ซึ่งกรมฯ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับประมวลฯ เข้ามาศึกษาวิจัย เพื่อให้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากที่สุด รัฐบาลจะปรับปรุงประมวลฯ ก็มีแพ็กเกจอยู่ในมือทุกเรื่อง ซึ่งจะนำเสนอตามลำดับต่อไป" นายศานิต กล่าว


 


สำหรับเป้าการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลกลางปี 51 ที่ต้องยื่นในเดือนสิงหาคมนั้น ต่ำกว่าเป้า 19,000 ล้านบาท เนื่องจากวันที่ 30-31 สิงหาคม เป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ส่งผลให้มีการยื่นเสียภาษีในวันที่ 1 ก.ย.51 ถึง 80% ส่วนเป้าหมายในการจัดเก็บภาษีทั้งปีอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท คาดว่าจะจัดเก็บได้เกินเป้า 50,000 ล้านบาท


 


ด้านนายธิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยกฎหมาย และการพัฒนา คณะนิติศาสาตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ทางจุฬาฯ ได้ศึกษาภาษีสรรพากรมากว่า 1 ปีแล้ว โดยกระบวนการวิจัยหลักๆ มี 3 เรื่อง คือ 1.ความลำบากในการทำความเข้าใจประมวลฯ 2.มีบทบัญญัติหลายเรื่องที่ขาดความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี เช่น สามีและภรรยาต้องเสียภาษีรวมกัน และ 3.บทบัญญัติขาดมาตรการเลี่ยงภาษีอากร โดยในต่างประเทศจะมีบัญญัติเอาไว้ แต่สำหรับประเทศไทยไม่มี


 


ทั้งนี้การเสนอการแก้ไขนั้นมีทั้งหมด 16 ด้าน เช่น การเสนอปรับเปลี่ยนระบบการหักภาษี ณ ที่จ่าย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม สะดวกแก่บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยเสนอให้จัดเก็บอัตราเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงเอกชนบางแห่งแยกสัญญาหวังลดภาระการจ่ายภาษี การกำหนดให้หญิงที่มีสามีควรแยกการจ่ายภาษี การรวมกลุ่มของคณะบุคคลในการทำธุรกิจเสนอให้แยกรายได้ให้แต่ละบุคคลเพื่อเสียภาษี การเพิ่มข้อบัญญัติป้องกันการหลีกเลี่ยงการเสียภาษี เพราะปัจจุบันจะใช้กฎหมายแพ่งในการป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี แต่ไม่สามารถครอบคลุมได้ทั้งหมด การเสียภาษีซ้อนของเอกชนไทยที่ไปทำธุรกิจในต่างประเทศ โดยจะมีการจัดรูปแบบภาษีให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย


 


นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กฎหมายภาษีสรรพากรเป็นกฎหมายที่มีการใช้มานานมากแล้ว ซึ่งภาคเอกชนส่วนใหญ่นั้นเห็นด้วยที่จะมีการปรับปรุงแก้ไขเพื่อความถูกต้องและเป็นธรรม อีกทั้งเพื่อให้ผู้ที่เสียภาษีเต็มใจเสียภาษีและสามารถดึงผู้ที่ไม่เคยเสียภาษีเข้าสู่ระบบมากขึ้น


 


ความมั่นคง-ภาคใต้


ไต่สวนคนหาย3จ.ใต้ครั้งแรกจี้รัฐคุ้มครองญาติผู้สูญหาย


เว็บไซต์คมชัดลึก- นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ โครงการเข้าถึงความยุติธรรมและการคุ้มครองทางกฎหมาย มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ศาลยะลารับคำร้องไต่สวนกรณีคนหายสามจังหวัดเป็นกรณีแรก ทั้งนี้จากการเรียกร้องความเป็นธรรมต่อกรณีคนหายในสามจังหวัดภาคใต้ เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2551 ทนายความจากมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา ได้เดินทางไปยื่นคำร้องตามป.วิอาญา ม.90 กรณีนายมะยาเต็ง มะรานอ นักการภารโรง โรงเรียนบ้านบางลาง ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา หายตัวไป ศาลได้ไต่สวนภรรยาผู้ร้องในวันเดียวกันนั้น โดยคำเบิกความของภรรยานายมะยาเต็ง ระบุถึงพฤติกรรมการหายตัวไปของนายมะยาเต็ง มะรานอ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2551 ว่ามีเจ้าหน้าที่ทหาร เข้ามาค้นบ้าน ยึดรถยนต์กระบะ โทรศัพท์มือถือและทรัพย์สินอื่น ๆ อีกหลายรายการ ของนายมะยาเต็งและภรรยา พร้อมกับควบคุมตัวนายมะยาเต็ง ไปต่อหน้าต่อตาภรรยาและบุตรชายสองคน ซึ่งมีอายุเพียง 11 ปีและ 3 ปี กระทั่งปัจจุบันเป็นเวลากว่า 14 เดือนแล้วที่นายมะยาเต็งถูกควบคุมตัวและหายไปโดยไม่มีใครทราบชะตากรรม



   


ภรรยานายมะยาเต็งได้ตัดสินใจดำเนินการทางกฎหมาย เนื่องจากต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับสามีและต้องการทราบสถานภาพของสามีว่ามีชีวิตอยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่หรือไม่อย่างไร และครอบครัวประสบปัญหาทางสภาพจิตใจและทางด้านเศรษฐกิจอย่างหนัก ทั้งเรื่องหนี้สินการผ่อนชำระงวดรถกระบะ และกรณีการเป็นหนี้ของนายมะยาเต็งต่อสหกรณ์ออมทรัพย์ครูยะลา อีกทั้งยังสูญเสียสิทธิต่างๆ มากมายในฐานะลูกจ้างนักการภารโรงของกระทรวงศึกษาธิการ อีกด้วย



   


ต่อมา วันที่ 21 สิงหาคม 2551 ศาลจังหวัดยะลาได้มีคำสั่งออกหมายเรียกผู้บัญชาการหน่วยทหารพรานที่ 41 มาไต่สวนเรื่องการหายไปของนายมะยาเต็ง โดยศาลนัดไต่สวนในวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2551



   


นางสาวพรเพ็ญ ยังระบุว่าเหตุการคนหายรายล่าสุดเกิดขึ้นกับนายอุสมาน ซา อายุ 26 ปี ลูกจ้างประจำ ของสำนักงานไปรษณีย์ หายไปขณะออกไปส่งจดหมายในเขต อ.เมือง จ.ยะลา มีหลักฐานการเซ็นชื่อเข้าทำงานเวลา 7.30 น. ในวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ต่อมาเวลา 8.00 น. นายอุสมาน ซา ได้ออกไปแจกจ่ายจดหมายในเขตเมืองยะลา หลังจากนั้นก็ไม่พบว่านายอุสมานได้กลับบ้านในช่วงเย็นวันนั้นดังเช่นปกติ ญาติได้แจ้งกับหัวหน้าไปรษณีย์ และได้ติดตามหาพร้อมทั้งทำบันทึกประจำวันว่านายอุสมาน ซา หายตัวไป



   


ต่อมาทางญาติได้รับแจ้งว่าพบมอเตอร์ไซค์ในสถานที่แห่งหนึ่งในเขตพื้นที่อำเภอเมืองยะลา พร้อมจดหมายทุกฉบับไม่มีการสูญหายแต่อย่างไร ญาติระบุว่าก่อนหน้านี้นายอุสมาน ซา ถูกเรียกตัวให้ไปรายงานตัวกับหน่วยทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดยะลาหลายครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อประมาณวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ก่อนการหายตัวไปเพียง 9 วัน ญาตินายอุสมาน ซาได้ร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และต่อองค์กรสิทธิมนุษยชนเพื่อให้ช่วยติดตาม แต่ปัจจุบันยังไม่ทราบความคืบหน้า



   


นางสาวพรเพ็ญ กล่าวอีกว่า จากการสรุปข้อมูลภาพรวมเหตถการณ์บุคคลสูญหาย ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (เดือนกรกฎาคม 2550-ปัจจุบัน) ประกอบด้วย 1. นายมะยาเต็ง มาระนอ ถูกบังคับให้หายไป เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2550 2.นายมะยูนิต โล๊ะนียา อายุ 30 ปี ถูกบังคับให้หายไปวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 3.นายมะรูดิน วะวา ถูกบังคับให้หายไปวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2550 4.นาย แวอะซีส แวซุ ถูกบังคับให้หายไปวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 5. นายอุสมาน ซา อายุ 26 ปี ถูกบังคับให้หายไป วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2551



   


นางสาวพรเพ็ญ ระบุว่าจากการที่คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ โดยการนำของนางอังคณา นีละไพจิตร ได้จัดงานรำลึกถึงบุคคลที่ถูกบังคับให้หายไป เมื่อวันที่ 29-30 สิงหาคม ที่ผ่านมา บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ The Nation ได้เขียนบทความที่น่าสนใจในวันที่ 1 กันยายน 2551ที่ผ่านมาเพื่อเรียกร้องให้ประเทศไทยลงนามในอนุสัญญาฯ ว่าด้วยการบังคับให้บุคคลหายไป และร่วมกันสร้างระบบป้องกันไม่ให้เกิดการบังคับให้บุคคลหายไป ปกป้องครอบครัวที่เรียกร้องความยุติธรรม และเรียกร้องให้มีการสืบสวน สอบสวนที่เป็นธรรม เพื่อให้ทราบว่าบุคคลอันเป็นที่รักมีสถานะภาพอย่างไร การนำคนผิดมาลงโทษ การกำหนดฐานความผิดว่าการทำให้บุคคลหายไปเป็นคดีอาญา และเยียวยาให้ญาติผู้สูญหายอย่างเป็นธรรม


 


 


กอ.รมน.ภาค 4 ออกมาตรการใหม่ คุมเข้มความปลอดภัยผู้สื่อข่าว


เว็บไซต์แนวหน้า- พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก และผู้อำนวยการกองปฏิบัติการข่าวสาร กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า กอ.รมน.ภาค 4 ได้กำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับสื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนใต้ใหม่เ หลังจากเกิดเหตุความรุนแรงขึ้นทำให้มีผู้สื่อข่าวเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ทั้งนี้ สำหรับระเบียบและมาตรการใหม่ ประกอบด้วย การปฏิบัติงานในพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยงสูง ให้ผู้สื่อข่าวทุกแขนงแสดงบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าว และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัดตลอดเวลา การนำเสนอข่าวให้ระมัดระวังการใช้ถ้อยคำ ซึ่งอาจนำไปสู่ความรู้สึกขัดแย้ง แบ่งแยก โดยเฉพาะเรื่อง เชื้อชาติ ศาสนา เพศ หรืออื่นๆ หลีกเลี่ยงการนำเสนอภาพที่สยดสยอง และมีผลกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลของผู้บริสุทธิ์ ครอบครัวและญาติ หลีกเลี่ยงคำพูดหรือข้อความที่มีลักษณะสนับสนุนการไม่ไว้วางใจกัน อันเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน และคำพูดหรือข้อความในลักษณะชี้นำ ส่งเสริมให้เกิดการยกย่องการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ และควรนำเสนอข่าวในลักษณะให้ผู้กระทำผิด คืออาชญากรที่ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยความเป็นธรรม



   


"ทั้งนี้หากไม่ได้รับความสะดวกในการปฏิบัติงาน หรือมีข้อขัดข้องสงสัย สามารถติดต่อข้อมูล และประสานรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ทั้งนี้การออกมาตรการลักษณะดังกล่าว ตนยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาลิดรอนเสรีภาพสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าว แต่เป็นมาตรการป้องกันอันตรายพื้นฐานเท่านั้น" โฆษกกองทัพบก กล่าว


 


 


ต่างประเทศ


สามี "นางบุตโต" เป็นประธานาธิบดีปากีสถานคนใหม่


เว็บไซต์คมชัดลึก - นายกาซี โมฮัมหมัด ฟารุก ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งปากีสถานประกาศวันนี้ว่า นายอาซิฟ อาลี ซาร์ดารี สามีของ อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน เบนาซีร์ บุตโตได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีปากีสถานคนใหม่ ด้วยคะแนนเสียง 281 จากทั้งหมด 426 เสียงในรัฐสภา และได้คะแนนเสียงส่วนใหญ่จากสภาท้องถิ่น 3 จากทั้งหมด 4 จังหวัด ยังไม่รวมคะแนนจากจังหวัดปันจาบ



   


การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการลงคะแนนของสมาชิกวุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎรและสภาท้องถิ่นอีก 4จังหวัด โดยประธานาธิบดีปากีสถานมีอำนาจในการยุบสภา แต่งตั้งผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างๆ และเป็นประธานคณะกรรมาธิการร่วมระหว่างพลเรือนและทหารซึ่งควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศอยู่



   


ก่อนหน้านี้ เกิดเหตุรถยนต์พลีชีพที่จุดตรวจชานเมืองเปชวา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถานทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 16 ราย บาดเจ็บราว 80 คน



   


นักวิเคราะห์มองว่า นายซาร์ดารีเป็นนักการเมืองหัวเสรีนิยมที่สนับสนุนตะวันตก และคาดว่า เขาจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศ โดยเฉพาะการเป็นพันธมิตรเหนียวแน่นของสหรัฐในการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย ขณะที่ ซาร์ดารี ยังมีปัญหาภายในประเทศที่รอการแก้ไข เช่นปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net