สืบเนื่องหลังจากกรณีเมื่อวันที่ 27 ม.ค.51 ที่เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.11 จังหวัดยะลา ซึ่งตั้งค่ายอยู่ใกล้โรงเรียนพาณิชยการยะลา ได้ร่วมกันตรวจค้น จับกุมนักศึกษา ทั้งหมด 7 คน (อ่านย้อนหลัง: ทหาร ฉก.11 จับกุม 7 นักศึกษาจังหวัดยะลา คุมตัวค่ายอิงคยุทธ) ล่าสุด มีรายงานเพิ่มเติมแจ้งว่า มีการจับกุมนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาเพิ่มอีก 2 คน
โดยผู้ที่ถูกจับ 7 คนที่ถูกจับกุมในวันที่ 27 ม.ค. ได้แก่ นาย
การตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ทหารเกิดขึ้นขณะกำลัง เตรียมตัวไปเล่นฟุตบอลต้านยาเสพติด พงยาวีคัพ โดยเจ้าหน้าที่ทหารกล่าวหาว่า นักศึกษาทั้งหมดมียาบ้าและอาวุธปืนในครอบครอง แต่หลังจากการตรวจค้นก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ ตามข้อกล่าวหา นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ชุดที่ทำการตรวจค้นได้ทำการยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 2 เครื่อง (เครื่อง PC และโน้ตบุ๊ค) โทรศัพท์มือถือจำนวน 7 เครื่องและกล้องถ่ายรูปดิจิตอล 1 ตัว โดยอ้างซ้ำว่า "พบวงจรระเบิดในเครื่องคอมพิวเตอร์"
สำหรับรายละเอียดของผู้ที่ถูกจับเพิ่มเติมอีก 2 คนนั้น นาย
หลังจากนั้นเพื่อนได้ทราบภายหลังว่า นาย
ทั้งนี้ รายงานแจ้งด้วยว่าการจับกุมของเจ้าหน้าที่ มีการซ้อม นาย
สืบเนื่องจากกรณีการจับกุมนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏยะลานี้ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) และองค์กรภาคี ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา เรื่อง การจับกุมนักศึกษาจังหวัดยะลา โดยสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อวันที่ 18-21 ที่ผ่านมา ทางสมาพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดยะลา (สนย.) ซึ่งมีนายกุยิ อีแตเป็นคณะกรรมการ มีโครงการอบรมความรู้ด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดยะลาขึ้น ซึ่งทางสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยได้เป็นผู้ร่วมจัดโครงการด้วย
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักศึกษาในสถาบันการศึกษาในจังหวัดยะลาในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติของรัฐที่ไม่ไว้วางใจ หวาดระแวงต่อนักศึกษาอยู่ตลอดเวลาเพราะการจับกุมในครั้งนี้ขาดซึ่งพยานหลักฐานที่บ่งชี้ชัดว่านักศึกษาทั้ง 7 คน ได้กระทำความผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใด และข้อกล่าวหาในการจับกุมก็ขาดน้ำหนักที่จะทำให้เชื่อได้ว่านักศึกษาทั้ง 7 คน มีส่วนพัวพันกับขบวนการก่อความไม่สงบจริง อย่างที่ทางภาครัฐกล่าวอ้าง
ในแถลงการณ์ของระบุว่า "สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยไม่เคยคาดหวังต่อการแก้ปัญหาความรุนแรงในสามจังหวัดภาคใต้ในวิธีทางของรัฐ ว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง สาเหตุเนื่องมาจากที่ผ่านมามักมีการจับกุมผู้บริสุทธิ์อยู่เสมอ อีกทั้งยังมีการซ้อมทรมานผู้ต้องสงสัยด้วยวิธีการทารุณโหดร้ายมาโดยตลอดดังเช่นกรณีของ นายมะสุกรี อาดัม นักศึกษามอ.ปัตตานีที่ถูกซ้อมภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ทหารอย่างไร้มนุษยธรรม ดังที่เคยเป็นข่าว
ต่อกรณีดังกล่าว สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยเรียกร้องต่อรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องต่อการกำหนดนโยบายการแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ดังนี้
1. ให้มีการสอบสวนผู้ถูกจับกุมที่เป็นนักศึกษาให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และหากว่ากระบวนการสอบสวนแล้วนักศึกษากลุ่มดังกล่าวไม่มีความผิด ให้มีการเร่งปล่อยตัวโดยเร็ว อีกทั้งห้ามมิให้มีการบังคับ ข่มขู่ หรือ ซ้อมทำร้ายร่างกายเพื่อให้รับสารภาพตามข้อกล่าวหาเด็ดขาด หากพบว่ามีการซ้อมเพื่อให้รับสารภาพทางสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยจะจัดชุมนุมเคลื่อนไหวในพื้นที่ทันที เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับกลุ่มเพื่อนนักศึกษาที่เสียสละทำงานโดยมุ่งหวังให้เกิดสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
2. หากมีการพิสูจน์แล้วว่านักศึกษากลุ่มดังกล่าวไม่มีความผิด รัฐต้องชี้แจงต่อสาธารณะชนและสังคมว่านักศึกษาที่ทำงานด้านสันติวิธีกลุ่มดังกล่าวไม่มีความผิด และการเข้าจับกุมเป็นความผิดของรัฐที่เข้าใจผิดต่อการทำงานของนักศึกษา
3. รัฐจะต้องใช้ความระมัดระวังต่อการปฏิบัติงานในการเข้าจับกุม ต้องเคารพในประเพณี วัฒนธรรม และศาสนา โดยเฉพาะการตรวจค้นศาสนสถาน และต้องมีหลักฐานที่ชี้ชัดได้จริงๆ มิใช่ใช้ความรู้สึก สงสัย หวาดระแวง ในการเข้าจับกุม
4. สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย เรียกร้องให้องค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งในประเทศและต่างประเทศจับตาและเฝ้าติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของรัฐบาลไทยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่มีอย่างต่อ เนื่องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
แถลงการณ์ ออกโดยองค์กรภาคีต่างๆ ได้แก่ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.), เครือข่ายนักศึกษาเพื่อพิทักษ์ประชาชน (คพช.), กลุ่มกิจกรรมนักศึกษาเพื่อสังคมมหาวิทยาลัยรามคำแหง, เครือข่ายนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม(คนท.), เครือข่ายนักศึกษาเพื่อสันติภาพ, สมาพันธ์นิสิตนักศึกษา ปัตตานี ยะลา สงขลา นราธิวาส, ศูนย์ประสานงานนักศึกษาและประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้
เอกสารประกอบ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)