โดย อรณัฐ เปาชม
เมื่อปลายเดือนกันยายน มูลนิธิสืบนาคะเสถียรนำคณะสื่อมวลชนเดินทางสำรวจพื้นที่ที่จะมีการสร้างเขื่อนแม่วง เนื่องมาจากทางกรมชลประทานได้เตรียมเสนอรัฐบาลเร่งก่อสร้างเขื่อนแม่วง ภายในปี 2550 นี้
พื้นที่ก่อสร้างเขื่อนแม่วง อยู่ที่ ตำบลแม่เล่ย์ กิ่งอำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งตามแผนจะมีระยะเวลาในการก่อสร้าง 6 ปี งบประมาณทั้งโครงการประมาณ 7,216.570 ล้านบาท โดยได้มีการศึกษาพื้นที่สองบริเวณเพื่อเปรียบเทียบพื้นที่ที่เหมาะสมในการสร้างเขื่อน ซึ่งแบ่งเป็นสองขนาดคือ
บริเวณสร้างเขื่อนแม่วงตอนบน ใช้พื้นที่เขาสบกก กั้นลำน้ำแม่วง ในบริเวณนี้เมื่อมีการสร้างเขื่อนน้ำจะท่วมพื้นที่ป่าสักที่มีความอุดมสมบูรณ์
Site A (เขื่อนแม่วงตอนบน) บริเวณเขาสบกก กั้นลำน้ำแม่วง ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ต. แม่เล่ย์ อ. แม่วงก์ จ. นครสวรรค์ และ Site B (เขื่อนแม่วงตอนล่าง) บริเวณเขาชนกัน กั้นลำน้ำแม่วงในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่วงก์-แม่เปิน
ก่อนหน้านี้ นาย
อันที่จริงเขื่อนแม่วงถูกนำเสนอมาตั้งแต่ปี 2528 เป็นเขื่อนขนาดใหญ่มีความสูง
อดิศักดิ์ จันทวิชานุวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาชนในพื้นที่กล่าวว่า "ปัจจุบันมีการใช้น้ำเพื่อการเกษตรจากลำน้ำแม่วงในปริมาณที่มากเพียงพออยู่แล้ว แต่น้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำสะแกกรังยังมีไม่เพียงพอ เกิดปัญหาน้ำเน่าเสียเนื่องจากไม่เกิดการไหลเวียน จนในอดีตต้องมีการขุดคลองเชื่อมระหว่างสะแกกรังกับเจ้าพระยา เพื่อให้น้ำจากเจ้าพระยาเข้ามาทำหน้าที่ไหลเวียนน้ำในสะแกกรัง ถ้ามีเขื่อน น้ำจากแม่วงที่จะไหลเข้าสะแกกรังก็จะยิ่งน้อยลงอีก ส่งผลต่อระบบนิเวศในแม่น้ำสะแกกรังและอาจเกิดความขัดแย้งระหว่างคนต้นน้ำกับท้ายน้ำได้"
เมื่อเดินทางถึงที่พักในบริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่เรวา ชื่นชมกับธรรมชาติของป่าที่ชาวเมืองไม่เคยได้เห็นแล้วก็ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่า บริเวณที่ยืนอยู่หากมีการสร้างเขื่อน Site A ก็จะกลายเป็นตีนเขื่อน และพื้นที่ป่าข้างหน้าที่มองเห็นก็จะกลายเป็นบริเวณที่มีน้ำท่วม
หลังจากนั้นได้พบกับคุณ
"อย่างตรงบริเวณเขาชนกัน ถ้าเราทำฝายสักตัว ตัวละประมาณ 20-30 ล้านบาท แล้วทดลองดูว่าลดปัญหาน้ำท่วมได้ไหม ค่อยๆ ทำไป แต่ต้องทำทั้งระบบ ถนนที่กีดขวางทางไหลของน้ำก็ทำทางลอดให้มันดี ส่วนไหนเป็นพื้นที่แห้งแล้งที่เปิดหน้าดินกันหมดเพื่อปลูกมันสำปะหลัง ลองปลูกต้นไม้เพื่อช่วยซับน้ำ ป้องกันหน้าดินไม่ให้เกิดการชะล้างสูง เพิ่มความชุ่มชื้นกับดิน เราลองทำกันดู" ข้อเสนอจากนักอนุรักษ์
เราได้พูดคุยเพิ่มเติมกับผู้ที่ใช้ประโยชน์จากผืนป่าและลำน้ำแม่วงอย่างแท้จริงอย่างณรงค์ แรงกสิกร ประธานเครือข่ายแม่วง ชุมชนคนรักป่า ซึ่งชี้แจงว่า ชาวบ้านคิดว่าถ้ามีเขื่อนจะมีการจัดระบบการใช้น้ำอย่างถูกต้อง เพราะถูกนักการเมืองมาปั่นกระแสไว้ แต่ทางกลุ่มอนุรักษ์พยายามให้ข้อมูลอีกด้านว่ามีเขื่อนแล้วอาจไม่ได้ใช้น้ำตามปกติ เวลาน้ำน้อยเขาก็ปิดน้ำ ถ้าน้ำมากเขาก็เปิดน้ำ
ณรงค์ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวทางในการแก้ปัญหาเรื่องน้ำโดยไม่ต้องสร้างเขื่อนว่า "ตอนนี้ก็มีกลุ่มขององค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัดที่คิดจะสร้างฝายเล็กๆ ของเขาเอง จะทดลองให้เห็นว่าการมีเขื่อนใหญ่ๆ กับฝายแบบนี้มันได้ผลประโยชน์พอๆ กันไหม"
"เรามีฝายเล็กๆ หลายๆ ตัว ทดน้ำเก็บไว้ในลำคลอง เราก็มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี ที่ผ่านมามันได้ผล พอฝ่ายราชการมาเห็นก็บอกว่าน่าจะทำเป็นฝายขนาดใหญ่ 10-20 ล้าน แต่เราบอกว่าเราไม่ต้องการใหญ่โตขนาดนั้นเพราะเกินความจำเป็นที่จะใช้มัน ดังนั้นในความคิดของชาวบ้านบริเวณรอบพื้นที่สร้างเขื่อนก็ไม่ได้เรียกร้องให้มีการสร้างแต่อย่างใด ในทางกลับกันพวกเขาต้องการที่จะเก็บรักษาผืนป่าไว้มากกว่า แล้วใครกันที่เป็นผู้ต้องการเขื่อนอย่างแท้จริง"
เช้าวันรุ่งขึ้น ศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคเสถียร พาคณะนักข่าวขึ้นไปบริเวณจุดชมวิวมออีหืด ซึ่งจากจุดนั้นทำให้มองเห็นพื้นที่บริเวณที่จะทำการสร้างเขื่อนทั้งสองขนาด
"ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องสร้างเขื่อน จากที่กรมชลประทานสำรวจพื้นที่เพื่อเปรียบเทียบถึงผลที่จะได้รับและงบประมาณที่จะเสียไปกับการชดใช้ในการสร้างเขื่อนนั้น เราควรจะมีทางเลือกมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่จะสร้างเขื่อนที่ไหนดี ระหว่างการชดใช้ให้กับป่าเพียง 500 ล้าน ในการสร้างเขื่อนบริเวณเขาสบกก กับการชดใช้ให้กับประชาชนหมื่นล้าน ในการสร้างเขื่อนบริเวณเขาชนกัน ถ้ามีการจัดการน้ำแบบบูรณาการโดยชุมชนมีส่วนร่วมจะดีกว่า" ศศินกล่าว
พื้นที่ป่าสักบริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่เรวา ป่าเป็นป่าที่มีกว่าอายุ 20-30 ปี ต้นไม้บางต้นก็อายุร่วมร้อยปี
จากการได้เดินผ่านพื้นที่ป่าบริเวณลำน้ำแม่เรวาเป็นระยะทางกว่า
นอกจากนี้แม่วง ยังเป็นผืนป่าส่วนหนึ่งของป่าตะวันตกมีอาณาเขตติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง พื้นที่มรดกทางธรรมชาติของโลกแห่งเดียวในประเทศไทย ถือว่ามีความสำคัญต่อระบบนิเวศและชีวิตความเป็นอยู่ทั้งพืชและสัตว์ที่สามารถเคลื่อนย้ายหากินไปมา เป็นแหล่งหลบภัยของสัตว์ป่า เป็นแหล่งรักษาพันธุกรรมที่สามารถอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพให้อยู่ได้ รวมถึงเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ มีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งแหล่งธรรมชาติเหล่านี้สามารถให้ประโยชน์กับคนท้องถิ่นและประเทศได้อย่างมาก
ถ้าหากเกิดน้ำท่วมขึ้นจากการสร้างเขื่อนแม่วงก์ตอนบน ก็จะทำให้พื้นที่ป่าลดน้อยลง ส่งผลต่อสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่บริเวณที่จะสร้างเขื่อนแม่วงก์ ซึ่งเพิ่มเริ่มฟื้นตัวก็จะถูกทำลายลงอีกครั้ง
จากเสียงสะท้อนของทั้งกลุ่มอนุรักษ์และประชาชนในพื้นที่ต่างระบุว่า การทำเขื่อนเพื่อการชลประทานนั้นไม่มีความจำเป็น เพราะน้ำบริเวณพื้นที่ชลประทานนั้นมีมากอยู่แล้ว ส่วนการแก้ปัญหาน้ำท่วมนั้นยังมีวิธีการที่เหมาะสมมากกว่าซึ่งชาวบ้านจะมีส่วนร่วมวางแผนและกำหนดทิศทางได้กว้างขวาง
อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าล่าสุดของโครงการสร้างเขื่อนแม่วงก์โดย นาย
คงต้องรอดูกันต่อไปว่า ทางเลือกเก่าแก่ของรัฐจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ แต่อย่างน้อยๆ คงต้องฝ่าด่านเสียงและข้อมูลอีกด้านหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นด้านตรงข้ามกับรัฐเลยทีเดียว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)