Skip to main content
sharethis

ภฤศ ปฐมทัศน์ : รายงาน


องอาจ เดชา : ภาพ


 


 



เมื่อวันที่ 26 ก.ย.50 เวลาประมาณ 19.00 น. ณ ลานหน้าอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย มีประชาชนชาวเชียงใหม่ ประมาณ 50 คน ร่วมกันชุมนุมสวดมนต์ภาวนาส่งกำลังใจเพื่อให้กับพี่น้องประชาชนชาวพม่าที่กำลังต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย


 


ในการชุมนุมครั้งนี้มีการอ่านสาส์นสันติภาพ ในนาม "ประชาชนผู้รักความเป็นธรรมและประชาธิปไตย เพื่อสันติภาพและประชาธิปไตยในพม่า" ระบุว่า


 


นับเป็นเวลาหลายสิบวันของการเคลื่อนไหวอย่างสันติ ภายใต้การนำของกลุ่มพระภิกษุสงฆ์ แม่ชี นักศึกษา ประชาชนชาวพม่าที่ต้องการให้ชาติเกิดสันติภาพ แก้ปัญหาความทุกข์ยากของประเทศ ด้วยการเดินสวดมนต์เปล่งเสียงภาวนาว่า "ขอให้สันติและความมั่นคงปลอดภัยอยู่ยืนนาน ขออย่าให้ประชาชนต้องเป็นทุกข์เลย" ทั้งในเมืองย่างกุ้ง, เมืองจอกปาดวง, เมืองซิททเว, เมืองพะโค, เมืองอองลัน, เมืองปากอกกู และเมืองมัณฑะเลย์ รวมทั้งเดินขบวนการสวดมนต์รอบมหาเจดีย์ชเวดากองและเจดีย์สุเล


 


การประท้วงครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง การขึ้นราคาสินค้าก๊าชและน้ำมัน และความขัดแย้งด้านกลุ่มชาติพันธุ์ที่ถูกรัฐบาลทหารทำลายมาอย่างยาวนาน


           


ล่าสุด รัฐบาลเผด็จการทหารพม่า ได้นำกองทหารพร้อมอาวุธ กำลังเข้าควบคุมพื้นที่ ในเมืองย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ แบะประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่สองเมืองดังกล่าว โดยห้ามจัดชุมนุมทางการเมือง ซึ่งต่อมาก็ได้นำกองกำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมของพระภิกษุสงค์ด้วยความรุนแรง พวกเราในนาม "กลุ่มนักกิจกรรมผู้รักความเป็นธรรมและสันติภาพ" อันประกอบไปด้วย นักพัฒนาเอกชน นักศึกษา ทนายความ นักสิทธิมนุษยชน ศิลปินและประชาชนผู้รักความเป็นธรรมและประชาธิปไตยทั่วไป พวกเรามีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าวในประเทศพม่าเป็นอย่างยิ่ง


           


จึงได้ร่วมกัน ณ ลานครูบาศรีวิชัยเจ้า องค์บุญแห่งแผ่นดินลานนาแห่งนี้ เพื่อทำพิธีสวดมนต์ ภาวนา ตามพิธีกรรมของพระพุทธศาสนา และศาสนพิธีของศาสนาอื่นๆ ในสากลโลก เพื่อส่งกระแสจิตนำสาส์นแห่งสันติภาพของพวกเรา ไปยังการชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตย พระภิกษุสงฆ์ ในประเทศพม่า ให้ประสบความสำเร็จได้รับชัยชนะอย่างสันติ


           


เราขอประณาม การใช้ความรุนแรงของรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าต่อกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างป่าเถื่อน ในครั้งนี้ เราขอเรียกร้องมายังรัฐบาลประเทศไทย ได้แสดงท่าทีที่ชัดเจนเพื่อประณามพฤติกรรมของรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าที่สลายการชุมนุมของกลุ่มพระภิกษุสงฆ์ และประชาคมโลกได้ร่วมกันออกมาตรการแทรกแซงและกดดันอย่างเข้มข้น เพื่อให้เกิดการเจรจาที่จะนำพม่าไปสู่สันติภาพและประชาธิปไตยโดยเร็ว และรัฐบาลประเทศที่ทำการธุรกิจค้าขายกับพม่าต้องยุติทันที


           


พวกเรา "กลุ่มนักกิจกรรมผู้รักความเป็นธรรมและสันติภาพ" จะได้ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดในประเทศพม่าอย่างใกล้ชิดเพื่อกำหนดกิจกรรมสนับสนุนที่เหมาะสม และจะได้ประสานงานไปยังกลุ่มนักกิจกรรมผู้รักความเป็นธรรมและสันติภาพกลุ่มอื่นๆ เราจะต้องไม่ปล่อยให้การต่อสู้ของพระภิกษุสงฆ์และพี่น้องประชาชนพม่าถูกโดดเดี่ยวจากสังคมโลกอีกต่อไป


 


ในขณะที่ ธันวา สิริเมธี บรรณาธิการสาละวินโพสต์ หนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันในพม่า ว่า สถานการณ์มันเริ่มรุนแรง รัฐบาลได้ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม แต่ในที่นี้มีพระสงฆ์อยู่ด้วย จากที่แต่ก่อนมีการเดินขบวนนำโดยกลุ่มนักศึกษารัฐบาลก็ใช้วิธีทั้งปราบทั้งจับกุม แต่ในคราวนี้จะมีประเด็นเรื่องของศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะฉะนั้น การที่ไปทำร้ายพระสงฆ์ ซึ่งเป็นที่พึ่งทางใจด้วยความรุนแรง เชื่อว่าจะยิ่งทำให้สถานการณ์ในพม่านำไปสู่ความเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ถ้าหากรัฐบาลยังคงปฏิบัติเช่นเดิม


 


เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงแนวโน้มการปฏิบัติของประเทศนานาชาติหลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ บรรณาธิการสาละวินโพสต์ กล่าวว่า ในเวทีที่ประชุมที่นิวยอร์คตอนนี้ ก็มีการหยิบยกประเด็นพม่ากับอิหร่านขึ้นมาเป็นประเด็นหลักในการประชุม ในแง่ของจีนกับอินเดียยังไม่ชัดเจน เพราะว่าจีนเราก็รู้อยู่ว่าเป็นผู้สนับสนุนหลักของทหาร ทางด้านอาเซียนเราก็ยังไม่มีความชัดเจน มีแต่ว่าจะไม่ให้ใช้ความรุนแรง แต่ในเมื่อความรุนแรงมันเกิดขึ้นแล้ว เราจะต้องดูว่าประเทศเหล่านี้จะมีปฏิกริยากับความรุนแรงครั้งนี้อย่างไร


 


"ถ้าทหารพม่ายังใช้ความรุนแรง ใช้วิธีปราบเหมือนเดิม เราก็อาจจะย้อนยุคกลับไปในช่วงปี 1988 ที่ใช้กำลังทหารปราบ ทำให้ประชาชนไม่กล้าออกมา คือในช่วงปี 1988 ประเทศพม่ายังคงปิดประเทศ ข่าวสารอะไรต่าง ๆ ก็ไม่อาจเผยแพร่ออกมาได้ แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์ต่างๆ เผยแพร่ออกมาตลอดเวลา ถ้ารัฐบาลยังคงใช้ความรุนแรงอยู่ ทั่วโลกก็คงจับตามอง การสื่อสารต่าง ๆ มันอาจจะทำให้มี Action ที่เด็ดขาดกับรัฐบาลพม่า เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น แต่ก็ยังไม่มั่นใจเสียทีเดียวว่าประเทศอื่น ๆ จะกล้ามีนโยบายเด็ดขาดกับพม่ามากแค่ไหน เพราะว่าแต่ละประเทศก็มีผลประโยชน์กับพม่าในระดับแตกต่างกัน ถ้าประเทศต่างๆ ได้แต่เฝ้ามอง ความหวังที่เราจะเห็นประชาธิปไตยในพม่าได้ริบหรี่ลงไปกว่าเดิม"


 


ทั้งนี้ บรรณาธิการสาละวินโพสต์ ยังวิเคราะห์ถึงแนวโน้มการเคลื่อนไหวของประเทศสหรัฐฯ ต่อการเหตุการณ์ในพม่าครั้งนี้ ด้วยว่า เท่าที่ดูที่ จอร์จ บุช ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ ก็มีอยู่ 3 ข้อ ซึ่งก็เป็นข้อเดิม ๆ ว่าจะเพิ่มการคว่ำบาตรของพม่าให้มากยิ่งขึ้น การแบนวีซ่าผู้นำพม่า ซึ่งมันไม่ทันกับสถานการณ์ เพราะคนพม่ากำลังตายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน


 


"ถ้าจะ Action จริง ๆ มันจะต้อง Action ในระดับของการเข้าไปแก้ปัญหาวันนี้ รัฐบาลพม่าจะเข้าหรือไม่เข้าอเมริกาก็ไม่มีปัญหาอะไร Action จากนานาชาติในขณะนี้น่าจะเป็นการรีบเข้าไปช่วยเหลือประชาชน ซึ่งมีความเดือดร้อนจากวิถีชีวิตประจำวัน เรื่องปากท้อง เรื่องน้ำมันขึ้นราคา ได้ข่าวว่าพระเองก็ต้องรวบรวมอาหารเข้ามาช่วยเหลือคนยากจนเหมือนกัน แล้ววันนี้ก็มีกลุ่มคนพม่าที่อยู่ในประเทศไทยก็ได้ส่งอีเมล์มา ขอให้รวบรวมเงินที่จะส่งกลับไปให้กับคนที่กำลังประท้วงอยู่ตอนนี้สำหรับซื้ออาหาร เพราะฉะนั้น เฉพาะชีวิตประจำวันก็ยังต้องลำบากกันเลย ไหนจะเรื่องการเมืองที่ยังคาราคาซังอยู่ ตอนนี้ประชาชนก็ได้รับความเดือดร้อนมาก"


 


อย่างไรก็ตาม บรรณาธิการสาละวินโพสต์ ยังได้เรียกร้องให้คนไทย น่าจะมีส่วนในการออกมามีเสียงในการที่จะยุติความรุนแรงในพม่า เพราะที่แน่ๆ ถ้าการปราบปรามยังคงดำเนินไปอย่างนี้ จะต้องมีผู้ลี้ภัยเพิ่มขึ้นในประเทศไทยแน่นอน แล้วภาระเหล่านี้ประเทศไทยเราก็แบกรับมามากพออยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าความรุนแรงในพม่ายังคงอยู่ประเทศไทยจะต้องได้รับผลกระทบแน่นอน  


 


ในขณะที่ นายทิฆัมพร รอดขันเมือง นักศึกษาคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หนึ่งในผู้เข้าร่วม ก็ได้แสดงทัศนะต่อเหตุการณ์ในพม่าว่า ในความรู้สึกไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยน้ำมือของรัฐบาลทหารพม่ามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่เคยเห็นด้วยกับสถานภาพที่ไม่มีสิทธิเสรีภาพมากขนาดนี้ แล้วเราก็เห็นด้วยกับการที่ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามแต่ จะเป็นพระสงฆ์ เป็นแม่ชี หรือคนทั่วไปจะออกมาทำแบบนี้ เขาควรจะทำนานแล้วด้วยซ้ำ


 


"ที่พระสงฆ์เป็นผู้นำออกมาออกมาครั้งนี้ คิดว่า พระสงฆ์เป็นชนชั้นเดียวในนั้นที่เคลื่อนไหวได้โดยไม่ต้องเกรงใจรัฐบาล ความเสี่ยงมันจะต่ำกว่าที่ชาวบ้านจะออกมา เมื่อชาวบ้านจะออกมา จะถูกจัดการโดยวิธีไหนก็ได้ แต่ถ้าเป็นพระสงฆ์ออกมาจะมีเหมือนทีสิ่งที่ครอบเขาไว้ว่า เฮ้ย ! คุณไม่มีสิทธิที่จะทำ แล้วขบวนการของพระสงฆ์ในพม่าเป็นขบวนการที่เข้มแข็งเป็นอย่างมาก"


 


นายทิฆัมพร กล่าวอีกว่า ตอนนี้ คนพม่าน่าจะมีความตื่นตัวมากขึ้น และจะเห็นผลสะท้อนออกมาจากองค์การต่าง ๆ รอบ ๆ พื้นที่ แม้แต่การประชุม UN ก็ออกมาคว่ำบาตรพม่าในการประชุม รวมถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ออกมาคว่ำบาตรพม่า เพราะการเคลื่อนไหวของคนเป็นสิ่งชี้วัดประชาธิปไตยอย่างหนึ่ง ถ้ารัฐบาลทหารพม่าทำแบบนี้ก็แสดงว่าพร้อมจะทำลายอำนาจของประชาชนได้ทุกเมื่อ


 


"เราคิดว่าในกระแสของโลกทั่วไป ยังไงๆ ก็ยังสนับสนุนพระสงฆ์และประชาชนชาวพม่าในการออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ต่อ เพราะมันอาจจะเป็นการเคลื่อนไหวที่จะพลิกหน้าประวัติศาสตร์พม่าเลยก็ได้"


 


 


ประมวลภาพการชุมนุมสวดมนต์ภาวนาส่งกระแสจิตกำลังใจเพื่อให้กับพี่น้องประชาชนชาวพม่าที่กำลังต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย


 



 


 



 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net