คตส.ไม่อนุญาต พจมาน เลื่อนการเข้าให้ถ้อยคำคดีซื้อขายหุ้นชินฯ

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. ในฐานะอนุกรรมการตรวจสอบกรณีการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าที่ประชุมอนุกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาการขอเลื่อนเข้าให้ถ้อยคำของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร  ที่ขอเลื่อนจากวันนี้ ( 6 มิ.ย.) เป็นวันที่ 10 กรกฎาคม โดยให้เหตุผลว่าติดภารกิจสำคัญในต่างประเทศไม่สามารถกลับมาได้ทัน ซึ่งถือเป็นการขอเลื่อนในครั้งที่ 3 แต่เนื่องจากไม่มีเหตุผลเพียงพอและหลักฐานสนับสนุน อนุกรรมการจึงเห็นว่าเป็นการประวิงให้ล่าช้า ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้เลื่อนอีกต่อไป วันนี้จึงมีออกคำสั่งแจ้งไห้คุณหญิงพจมานเข้ามาให้ถ้อยคำในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ เวลา 10.00 น. โดยต้องมาด้วยตนเองไม่สามารถทำป็นหนังสือได้ ซึ่งหากไม่มา  ถือว่าเป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ คตส. มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการปรับลดตัวเลขการประเมินภาษีนิติบุคคลจากการซื้อขายหุ้นแอมเพิลริช จำนวนกว่า 20,000 ล้านนั้น นายสัก กล่าวว่า ถ้าสามารถสรุปข้อมูลได้ทันก็จะส่งให้ คตส.ชุดพิจารณาในวันจันทร์นี้ ซึ่งถือว่าการปรับลดครั้งนี้เป็นการทำให้เกิดความถูกต้องเป็นธรรม ไม่ได้เป็นการทำงานผิดพลาดของ คตส.

พีทีวี ประกาศต่อท่อน้ำเลี้ยงขนม็อบฐานเสียง ทรท.เข้ากรุง

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการวันนี้มีผู้สนับสนุนราว 3,000 คน โดยที่เต็นท์ของกลุ่ม "คนรักทักษิณไม่เอาเผด็จการ" มีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อเพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ขณะที่บนเวที นายจตุพร ปราศรัยให้กำลังใจ นส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือดา ทอร์นาโด ที่ถูกปาอุจจาระหลังจากปราศรัยโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี อย่างหยาบคายเมื่อคืนวานนี้

นายจตุพร กล่าวว่า พีทีวี รู้แต่แรกแล้วว่าพรรคไทยรักไทยต้องถูกยุบ ทางกลุ่มจึงแยกออกมาเพื่อสร้างมวลชนต่อต้านเผด็จการ ขณะที่ทุกวันนี้ พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน เป็นมุสลิมคนแรกที่ถูกจ้างให้เป็นผู้บัญชาการทหารบก แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาภาคใต้ได้ และเป็นมุสลิมคนแรกที่หันกลับมาทรยศคนที่แต่งตั้ง ทุกวันนี้มีอดีต ส.ส.ไทยรักไทยเปิดตัวเป็นกลุ่ม "คนรักทักษิณ ไม่เอาเผด็จการ" ดังนั้นเมื่อถึงวันนี้ก็ไม่ต้องสนใจแล้วว่าผู้ชุมนุมจะมาจากจังหวัดไหน ขนมาให้หมด เพราะการชุมนุมของภาคีม็อบพันธมิตรประชาธิปไตยยังมีคนจากเขตเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมได้ ทำไมการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ จะทำบ้างไม่ได้ ใครจะว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงหรือเป็นนักการเมืองมาเกี่ยวข้องก็ปล่อยให้ว่าไป

ส่งทหารเจรจา อดีต แกนนำ ส.ส.ทรท.  เชื่อแค่พูดคุยกัน  ยังไม่จับมือเคลื่อนพลเข้ากรุง

เว็บไซต์แนวหน้า - พล.ท.สุจิตร  สิทธิประภา   แม่ทัพภาคที่ 2  เปิดเผยถึงกรณีที่อดีต ส.ส.อีสานพรรคไทยรักไทยพร้อมมวลชนจะเดินทางเข้ามาชุมนุมต้าน คมช.ในกรุงเทพฯ ว่า เป็นเพียงข่าวว่าจะดำเนินการเช่นนั้น  แต่การเคลื่อนไหวในพื้นที่ไม่มี   ทั้งนี้  กองทัพภาคที่ 2 ให้หน่วยขึ้นตรงได้ติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวตลอดเวลาอยู่แล้ว  จากการติดตามที่เขาพูดจากันในกลุ่ม ก็เห็นว่ายังไม่คิดที่จะทำให้เกิดความวุ่นวาย  ยังนิ่งๆ กันอยู่

"ยังถือว่าไม่ได้เป็นการประกาศตัว เป็นเพียงการพูดคุยกันในกลุ่มเขาเท่านั้น แล้วให้สัมภาษณ์ ทั้งนี้เราก็ติดตามพูดจากับเขา  และ ยังไม่มีการเคลื่อนไหวเอามวลชนเข้ามา  ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนนี้ผมยังคิดว่าไม่มีอะไร  เขาก็พูดจากันเท่านั้นแต่การที่เขาจะสร้างความไม่สงบในการนำมวลชนเข้าไปเคลื่อนไหวในกรุงเทพฯ  ตอนนี้ยังไม่มี  ในส่วนของเราก็ได้แต่เฝ้าระวัง"  พล.ท.สุจิตร กล่าว

พล.ท.สุจิตร กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราได้คุยและพบปะกับอดีต ส.ส. มาตลอด ทั้งก่อนมีคำพิพากษาของศาลในคดียุบพรรค และ หลังมีคำพิพากษา  ซึ่งหากเขามีอะไรก็พูดคุยกัน  ถ้าเขามีอะไรผิดปกติก็จะไปพูดคุยกับเขาอีกที ตอนนี้รอดูอยู่ว่าในแต่ละกลุ่มเขาได้พูดคุยตกลงกันว่าจะทำอะไร อย่างไร ก็จะรอดูเขาอีกชั้นหนึ่ง

แม่ทัพภาคที่ 2   กล่าวว่า ในการพูดคุยเจรจากับกลุ่มต่างๆ นั้น ถ้าเป็นระดับเคลื่อนไหว  ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มย่อยก็จะมอบหมายให้ระดับผู้บังคับกองพันที่ดูแลในพื้นที่ไปพูดคุย   แต่หากเป็นระดับ  ส.ส. ก็จะเป็นระดับผู้บัญชาการมณฑล  แต่เท่าที่ประเมินแล้วยังไม่มีการนำมวลชนเข้ากทม. ในตอนนี้ ในส่วนของกองทัพภาค ก็ยังปฏิบัติตามแผน พิทักษ์ 1 เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเข้ามาในกทม.เป็นการติดตามสถานการณ์ไปเรื่อยๆ

อ.นิติศาสตร์ มธ. เห็นแย้งคำสั่ง ตุลาการรัฐธรรมนูญ กรณีใช้คปคฉบับ 27 ตัดสิน กก.บห.ทรท.

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประกอบด้วย นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ นายประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช นายฐาปนันท์ นิพิฏฐกุล นายปิยบุตร แสงกนกกุล และนายธีระ สุธีวรางกูร ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์คำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ กรณีการยุบพรรคการเมือง ความยาว 7 หน้ากระดาษ มีเนื้อหาสรุปคือ ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี ของกรรมการบริหารพรรคที่ถูกยุบตามประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ประกาศ คปค.) ฉบับที่ 27 ข้อ 3

บทวิเคราะห์ของคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ ยังเห็นว่า การนำประกาศ คปค. มาใช้บังคับ ยังเป็นการใช้กฎหมายย้อนหลังในทางที่เป็นผลร้ายต่อผู้ถูกร้องในคดี แม้ตุลาการฯ จะอ้างว่าไม่ใช่โทษทางอาญา แต่ทางคณาจารย์เห็นว่า ภายใต้หลักการปกครองโดยกฎหมาย บนพื้นฐานแห่งความยุติธรรมหรือหลักนิติรัฐ เป็นที่ยอมรับกันว่าเพื่อให้บุคคลผู้ตกอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมาย เกิดความไว้วางใจและเกิดความเชื่อถือต่อการใช้อำนาจของรัฐ จึงต้องห้ามมิให้มีการตราและใช้กฎหมายย้อนหลังในทางที่เป็นผลร้ายกับบุคคล

ส่วนหลักการห้ามใช้กฎหมายย้อนหลังในทางที่เป็นผลร้ายกับบุคคลนั้น มีความมุ่งหมายให้ใช้บังคับเฉพาะกับกรณีการกระทำที่มีโทษในทางอาญาเพียงประการเดียวหรือไม่ คณาจารย์ฯ เห็นว่า หากพิจารณาจากนานาประเทศ หลักการดังกล่าวนอกจากจะนำไปปรับใช้อย่างเคร่งครัดกับการกระทำที่เป็นโทษในทางอาญาแล้ว ยังได้นำไปปรับใช้อย่างเข้มข้นกับการกระทำที่ไม่ใช่โทษในทางอาญาอีกด้วย เช่น ในสาธารณรัฐฝรั่งเศส หรือสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี

"โกวิท" เตรียมฟ้องศาลปกครอง กรณีนายกฯ ย้ายไม่ชอบด้วยกฎหมายต่อศาลปกครอง พรุ่งนี้

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - หลังจากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) รับทราบมติการพิจารณาของอนุ ก.ตร.ร้องทุกข์ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามมติคณะอนุกรรมการฯ 9 ต่อ 4 ว่า การกระทำของนายกรัฐมนตรีถูกต้องสามารถกระทำได้

รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังที่ พล.ต.อ.โกวิท รับทราบมติการประชุม พล.ต.อ.โกวิท ได้มอบหมายให้ นายนรินทร์ วงศ์ไทย ทนายความ เตรียมฟ้องร้องต่อศาลปกครองในวันพรุ่งนี้  โดยจะร้องขอให้ศาลปกครองรีบพิจารณาเรื่องนี้เป็นการด่วน เนื่องจาก พล.ต.อ.โกวิท จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ ถ้าการพิจารณาล่าช้าจะก่อความเสียหายต่อ พล.ต.อ.โกวิท อย่างร้ายแรง

กรมการค้าภายใน เริ่มคุ้มเข้มการตรวจสอบราคาสินค้า หลังปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 4 %

กรมประชาสัมพันธ์ - นายศิริพล  ยอดเมืองเจริญ  อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการอีกร้อยละ 4 ที่มีผลบังคับในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ทางกรมการค้าภายเตรียมมาตรการควบคุมราคาสินค้าอย่างเข้มงวดมากขึ้น โดยขั้นแรกขอความร่วมมือผู้ประกอบการผลิต และนำเข้ารายการสินค้าที่สำคัญกว่า 100 รายการ ไม่ให้ขึ้นราคาและเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าเด็ดขาด พร้อมทั้งขอความร่วมมือห้างสรรพสินค้าที่สำคัญกว่า 20 รายให้ตรึงราคาจำหน่ายสินค้าในช่วงนี้ และหากผู้ผลิตขึ้นราคาสินค้าขอให้แจ้งมายังกรมการค้าภายในได้ทันที เนื่องจากปรับขึ้นเงินเดือนในครั้งนี้รัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า  ซึ่งไม่มีผลโดยตรงใด ๆ ทั้งสิ้นที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ

อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปได้จัดทีมเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจากส่วนกลางและค้าภายในทุกจังหวัด ให้รายงานสถานการณ์อย่างต่อไปจนถึงเดือนตุลาคม เพื่อให้ทราบความเคลื่อนไหวของราคาสินค้า พร้อมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ติดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน ทั้งนี้หากตรวจสอบพบว่ามีการปรับขึ้นราคาจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

โอเปกขู่ราคาน้ำมัน"ทะลุหลังคา" ถ้าโลกหันไปใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ

ผู้จัดการรายวัน - องค์การโอเปกกล่าวเตือนประเทศตะวันตกเมื่อวันอังคาร(5)ว่า ความพยายามที่จะพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ(biofuels) เพื่อเป็นแหล่งพลังงานทางเลือกซึ่งสามารถแก้ปัญหาโลกร้อนได้นั้น คือการเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งพรวด "ทะลุหลังคา" อับดัลลา เอลบาดรี เลขาธิการองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) กล่าวว่า โอเปกกำลังพิจารณาที่จะตัดลดการลงทุนใหม่ๆ เพื่อการผลิตน้ำมัน เป็นการตอบโต้กับความเคลื่อนไหวของทางโลกพัฒนาแล้วที่จะใช้เชื้อเพลิงชีวภาพให้มากขึ้น

คำเตือนของโอเปกซึ่งเป็นผู้ควบคุมการผลิตน้ำมันราว 40% ของทั่วโลกนี้ บังเกิดขึ้นขณะที่กลุ่ม 8 ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก(จี8) กำลังประชุมระดับผู้นำสุดยอดกันตั้งแต่วานนี้(6) โดยมีเรื่องการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศเป็นวาระสำคัญที่สุด ทั้งสหรัฐฯและยุโรปต่างต้องการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ มาต่อสู้กับภาวะโลกร้อน แถมยังเห็นกันว่าจะเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยด้านพลังงานได้ด้วย

ทั้งนี้โอเปกวางแผนจะลงทุนประมาณ 130,000 ล้านดอลลาร์ในระยะเวลาจนถึงปี 2012 เพื่อเพิ่มผลผลิตน้ำมันของตน ทั้งนี้โดยที่ยังไม่นำเอาผลผลิตของอิรักมาคำนวณ ทางองค์การคาดหมายว่าเมื่อถึงปี2010 ศักยภาพการผลิตของพวกตนจะเท่ากับสูบน้ำมันดิบขึ้นมาได้ 39.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน(บีพีดี) สูงขึ้นจาก 35.7 ล้านบีพีดีในปัจจุบัน นอกจากนั้นจากปี 2013 ถึง 2020 โอเปกยังวางแผนจะลงทุนอีก 500,000 ล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐานทางการผลิต ทว่าเรื่องนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับทิศทางแนวโน้มของเชื้อเพลิงชีวภาพ

ก.พลังงาน ยืนยันไม่ยกเลิกน้ำมันเบนซิน95 ประกาศเดินหน้าส่งเสริมแก๊สโซฮอล์อย่างต่อเนื่อง

กรมประชาสัมพันธ์ - กระทรวงพลังงาน  ยืนยัน เดินหน้าส่งเสริมแก๊สโซฮอล์ต่อ  พร้อมยังไม่ประกาศยกเลิกน้ำมันเบนซิน 95  เพื่อดูแลผู้บริโภค   นายปิยสวัสดิ์  อัมระนันทน์   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  ยังยืนยัน ว่ากระทรวงพลังงานจะส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์อย่างต่อเนื่องโดยยังไม่ยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 95จนกว่าจะมีหลักประกันให้แน่ใจว่ารถยนต์ในประเทศทุกคันสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้ขณะเดียวกันเห็นว่าจำเป็นต้องพิจารณาผลกระทบของผู้บริโภคจากทุกกลุ่มมิใช่ทำตามข้อเรียกร้องของบางกลุ่มเท่านั้น

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่าการหารือในที่ประชุมรัฐมนตรีพลังงานของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคหรือเอเปค  ซึ่งได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์กับประเทศต่างๆพบว่าประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีความก้าวหน้าเรื่องการส่งเสริมแก๊สโซฮอล์มากที่สุด

กยศ.จี้นศ.คืนเงินกู้ยืม/เผยงวดแรก29,723ล.

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - นางฑิตติมา  วิชัยรัตน์  รักษาการผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา  ให้สัมภาษณ์ ในการประชุมสัมมนาตามโครงการสร้างเครือข่ายการประชาสัมพันธ์สื่อมวลชนท้องถิ่น ที่ห้องประชุมโรงแรมเนวาด้าแกรนด์   จ.อุบลราชธานี ว่า ในวันที่  5  กรกฎาคม  2550  จะเป็นวันครบกำหนดชำระคืนกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา  จึงขอให้ผู้กู้ยืมกองทุน ฯ ที่ครบกำหนดชำระหนี้ก่อนถึงวันดังกล่าวด้วย โดยในปี  2550  นี้  กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา  มีผู้ที่ครบกำหนดชำระเงินคืนงวดแรกจำนวน  296,553  ราย  คิดเป็นยอดหนี้ประมาณ  29,723  ล้านบาท

ส่วนจำนวนผู้กู้ยืมที่ครบกำหนดชำระเงินคืนกองทุนฯ ต่อเนื่องตั้งแต่รุ่นแรกถึงปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น  1,752,912  ราย  ทั้งนี้ หากชำระเงินล่าช้าจะต้องเสียค่าปรับ ดอกเบี้ย ร้อยละ  12  หรือ  18  ซึ่งกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา รัฐบาลได้ดำเนินการมาต่อเนื่องเพื่อเป็นการสร้างโอกาสทางการศึกษา  โดยเมื่อสำเร็จการศึกษาและมีงานทำ จะต้องชำระคืนเงินกู้แก่กองทุนฯ เพื่อปล่อยสินเชื่อให้แก่นักเรียนนักศึกษาต่อไป

ประชุมจี - 8 เริ่มวันนี้ เยอรมัน เหลว ดึงประเด็นโลกร้อนหารือ

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - การประชุมของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้น 8 ประเทศ หรือ จี 8 กำลังจะมีขึ้นในวันนี้ ที่เมืองไอลิเก็นดัมม์ ทางตอนเหนือของเยอรมนี ล่าสุด ผู้ชุมนุมประท้วงหลายร้อยคนพยายามที่ปีนข้ามกำแพงยาว 12 กิโลเมตรเพื่อบุกเข้าไปถึงโรงแรมที่ใช้จัดการประชุม ขณะที่ผู้ประท้วงอีกกลุ่มได้ขว้างปา ก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งผลทำให้ต้องมีการฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อควบคุมสถานการณ์  สำหรับประเด็นในการประชุม ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะไม่มีการหารือเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนซึ่งเป็นตั้งใจของผู้นำเยอรมนี ที่ไม่ได้รับการสนองตอบจากสหรัฐ

ด้านสมเด็จพระสันตปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ได้เรียกร้องให้ผู้นำ จี 8 ตระหนักถึงความช่วยเหลือที่จะให้กับประเทศยากจนและการช่วยเรื่องการลดการติดเชื้อเอดส์ในทวีปแอฟริกา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่สมเด็จพระสันตปาปาออกพบกับปะกับประชาชน ได้เกิดเหตุชุลมุนขึ้นเมื่อมีชายนิรนามได้พยายามปีนขึ้นไปรถจิ๊ปที่พระองค์ประทับอยู่ ทำให้องค์รักษ์ต้องเข้าขัดขวางและดึงชายคนดังกล่าวออกไป ซึ่งแม้จะเกิดเหตุการณ์นี้ แต่สมเด็จพระสันตปาปายังทรงโบกพระหัตถ์ให้กับผู้แสวงบุญต่อไป ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการละเมิดระบบรักษาความปลอดภัยของสมเด็จพระสันตปาปานับตั้งแต่ทรงเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายน

ประเทศกำลังพัฒนาจะจัดการประชุมที่กรุงเบอร์ลินในระหว่างการประชุมจี  8

กรมประชาสัมพันธ์ - บรรดาผู้นำบราซิล จีน อินเดีย เม็กซิโกและแอฟริกาใต้   ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาจะจัดการประชุมที่กรุงเบอร์ลินของเยอรมนีในวันพรุ่งนี้   ก่อนเข้าร่วมเจรจากับบรรดาผู้นำของกลุ่มจี  8

นายกรัฐมนตรีมานโมฮัน   ซิงห์   ของอินเดียกล่าวว่า ก่อนการประชุมกับบรรดาผู้นำจี 8     ประธานาธิบดีเม็กซิโกจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประเทศนอกกลุ่มจี  8  ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมกลุ่มจี 8  ด้วย   ซึ่งประเทศนอกกลุ่มจี  8  จะหารือถึงจุดยืนของกลุ่มที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการพัฒนาโลก  ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีอังเกลา  เมร์เคล ของเยอรมนีเป็นผู้เชิญผู้นำประเทศกำลังพัฒนา  5  ประเทศนี้เข้าร่วมหารือกับผู้นำกลุ่มจี  8  ในเรื่องต่างๆ   เช่น  การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศโลก  การเปิดการค้าเสรีและการบรรเทาความยากจน  โดยนางเมร์เคล   ต้องการให้ผู้นำกลุ่มจี 8  ยืนยันจุดประสงค์ในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน  แต่เตือนว่าความพยายามดังกล่าวจะไม่ได้ผลถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากประเทศกำลังพัฒนา