Skip to main content
sharethis



การเมือง


 


 


ก.ต่างประเทศส่งหนังสือชี้แจงนิตยสารไทม์ถึงการลงพระปรมาภิไธยในวันที่ 19 ก.ย.


กรมประชาสัมพันธ์ - กระทรวงการต่างประเทศ ส่งหนังสือชี้แจงนิตยสารไทม์ ถึงการลงพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา



นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่เว็บไซต์นิตยสารไทม์นำพระนามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร่วมลงคะแนนเสียงบุคคลทรงอิทธิพลของโลก ซึ่งมีทั้งหมด 204 รายนามจากทั่วโลก ว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศได้ส่งอี-เมลล์ถึงนิตยสารไทม์โดยมีใจความสำคัญเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้คำนำหน้าชื่อกษัตริย์ต้องตามด้วยพระนามทันที


 



ส่วนการยึดอำนาจของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยคณะปฎิรูปฯได้ขอพระราชทานความเห็นชอบการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อให้การบริหารราชการเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งการลงพระปรมาภิไธยดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยินดีและเห็นชอบกับการปฎิรูปที่เกิดขึ้นตามที่นิตยสารไทมส์กล่าวอ้าง ทั้งนี้ในอดีตที่ผ่านมาก็มีนิตยสารอื่น ๆ นำพระนามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร่วมลงคะแนนเสียงมาแล้ว



 


อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ขอให้มองในแง่ดีเนื่องจากในการให้ข้อมูลของนิตยสารไทม์ก็มีส่วนหนึ่งที่ระบุว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นที่รักเคารพของชาวไทย


 


 


ประธานคตส.ยันฟ้อง"จาตุรนต์ ฉายแสง"หมิ่นประมาทในความผิดอาญาแผ่นดิน


กรมประชาสัมพันธ์ - นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคระกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. กล่าวถึงกรณีที่ คตส. จะฟ้องร้องนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย หลังออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ คตส. เป็นศาลเตี้ยว่า คตส.จะฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาทเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ซึ่งแตกต่างจากความผิดส่วนบุคคล ซึ่งอาญาแผ่นดินไม่สามารถยอมความได้ พร้อมระบุไม่ได้เป็นการขู่หรือปรามไม่ให้บุคคลอื่นวิจารณ์การทำงานของ คตส. เนื่องจากทุกคนสามารถแสดงความเห็นได้ แต่ไม่ควรพูดในลักษณะหมิ่นประมาท ส่วนการฟ้องร้องจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ โดยเป็นการแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป



 


นายนาม ยังกล่าวถึงการต่ออายุการทำงานของ คตส. ว่า เป็นหน้าที่รัฐบาล และ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ แต่เท่าที่หารือเบื้องต้น หากมีการต่ออายุการทำงานออกไปอีก 3 เดือน ระหว่างนั้นจะไม่มีการรับเรื่องใด ๆ ไว้ตรวจสอบเพิ่มเติมอีก



 


 


สนช.มีมติยกเว้นใช้ข้อบังคับข้อ 130 ขยายเวลาพิจารณาร่างรธน.


เว็บไซต์คมชัดลึก - สนช.มีมติยกเว้นใช้ข้อบังคับข้อ 130 ขยายเวลาการพิจารณาร่างรธน.หลังรับร่างจาก ส.ส.ร. ออกไปเป็น 15 วัน ก่อนเปิดถกร่างรธน.17 พ.ค.นี้


 


นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสนช. ได้ขอหารือสมาชิกในเรื่องการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญว่า ในวันที่ 26 เม.ย.นี้ ทางสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จะส่งร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกมาให้ สนช. เพื่อขอความเห็น สนช.จะมีเวลา 30 วันในการพิจารณาส่งความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามข้อบังคับการประชุมสนช.ข้อที่ 130 กำหนดว่า เมื่อได้รับร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ให้ส่งไปยังคณะกรรมาธิการวิสามัญการปฏิรูปการเมืองเป็นการด่วน และให้คณะกรรมาธิการพิจารณาและรายงานความเห็นต่อประธานสนช.ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว เมื่อประธานได้รับรายงานความเห็นของคณะกรรมาธิการตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมเป็นเรื่องด่วนเพื่อให้ที่ประชุมสภาพิจารณาและเสนอความเห็นไปยังคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันนับแต่วันที่ประธานสนช.ได้รับร่างรัฐธรรมนูญ



 


นายมีชัย กล่าวว่า ระยะเวลา 7 วันนับตั้งแต่วันที่รับร่างเป็นระยะเวลาในการพิจารณาเพื่อเสนอความเห็นในร่างรัฐธรรมนูญสั้นมาก รวมทั้งสมาชิกสนช.เองคงมีประเด็นต่างๆที่จะนำเสนออีก ดังนั้นตนจึงขอหารือสมาชิกของดใช้ข้อบังคับที่ 130 เพื่อให้ขยายเวลาการพิจารณาออกไป 15 วัน เมื่อครบ 15 วันแล้วให้เสนอประชุมสนช. ซึ่งหากเป็นไปตามนี้วันที่ครบกำหนด 15 วัน คือ วันที่ 11 พ.ค.ที่คณะกรรมาธิการจะต้องส่งร่างรัฐธรรมนูญพร้อมประเด็นต่างๆที่เห็นว่าควรแก้ไขมาให้ตนเพื่อบรรจุเข้าวาระการประชุม สนช. ซึ่งตนจะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมสนช.ได้ในวันที่ 17 พ.ค. โดยเปิดให้สมาชิกแสดงความคิดเห็นตลอดทั้งวัน ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นด้วยตามข้อเสนอของนายมีชัย



 


 


สนช.แนะรัฐ-คมช. เด็ดขาดปราบม็อบ


ไอ.เอ็น.เอ็น. - นายสำราญ รอดเพชร สมาชิกสภานิติบัญญาติแห่งชาติ หรือ สนช.เสนอญัตติเรื่องการชุมนุมทางการเมืองที่ผิดกฎหมายและมาตรการป้องกันไม่ให้มีการกระทำอันเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยได้แสดงความเป็นห่วงการจัดกลุ่มเคลื่อนไหวของพีทีวี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 เมษายนนี้ ว่าจะมีปริมาณคนมากกว่าเดิมเพราะมีการประสานเครือข่ายทั้งในและต่างจังหวัด รวมถึงมีเงินสนับสนุนเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังเชื่อด้วยว่าก่อนการตัดสินคดียุบพรรคในวันที่ 30 พฤษภาคม จะมีการเคลื่อนไหวที่มากขึ้นกว่าเดิม โดยเห็นว่า รัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.ควรต้องมีการข่าวที่มีประสิทธิภาพ เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต้องอดทนต่อการยั่วยุที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงต้องมีความเด็ดขาดในการใช้กฎหมายด้วย


 


อย่างไรก็ตาม นายสำราญ ยังเชื่อด้วยว่า ขบวนการใต้ดินในการที่จะล่ารายชื่อเพื่อถอดถอน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จึงอยากให้รัฐบาลออกมาแสดงท่าทีที่จริงจังในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว


 


 


เว็บ "แม้ว" ได้ทีแพร่ภาพ - ประชุมโดฮาทั่วโลก


ผู้จัดการออนไลน์ - เว็บไซต์ ไฮทักษิณ ได้เผยแพร่ข่าวและภาพถ่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการเดินทางไปกาตาร์ เพื่อร่วมประชุมโดฮาฟอรัม ว่า "กาตาร์ต้อนรับ "ทักษิณ" สมเกียรติ" โดยมีรายละเอียดว่า การประชุมโดฮาฟอรัมว่าด้วยประชาธิปไตย การพัฒนา และการค้าเสรี (THE 7TH DOHA FORUM ON DEMOCRACY, DEVELOPMENT AND FREE TRADE) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 เม.ย.ที่กรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์


 


พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งถูกยึดอำนาจจาก คณะทหารที่ทำการปฏิวัติ เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ปีที่แล้ว และจนบัดนี้ยังไม่สามารถเดินทางกลับประเทศ ได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติจากทางการกาตาร์ รวมทั้งยังได้พบปะกับอดีตผู้นำของหลายประเทศ และบรรดานักธุรกิจในหลายๆ แขนง เพื่อแลกเปลี่ยนทรรศนะด้านต่างๆ


 


ทั้งนี้ การเดินทางไปเข้าร่วมประชุมดังกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีขึ้นตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีกาตาร์ เช่นเดียวกับที่มีการเชิญผู้นำและอดีตผู้นำจากหลายประเทศเข้าร่วมด้วย อาทิ ประธานาธิบดีฟินแลนด์ รวมทั้งเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ทั้งนี้ ระหว่างเปิดการประชุม ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ฮาหมัด อัล-ตานี กษัตริย์ผู้ครองกาตาร์ และพระราชินีชีคกาโมซาห์ บินต์ นัสซาร์ อัล-มิสเน็ด ทรงเสด็จมาเข้าร่วมเพื่อเป็นเกียรติด้วย อีกทั้งดาวเทียมของทางการกาตาร์ได้ถ่ายทอดสดการประชุมไปยังหลายประเทศทั่วโลก สำหรับเนื้อหาส่วนหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวนั้น ได้ระบุถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจโลกที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และความสำคัญของประชาธิปไตยต่อการพัฒนาด้านการการค้า เศรษฐกิจ พร้อมระบุว่า การพัฒนาที่ยั่งยืนจะต้องเกิดจากรัฐบาลที่มาจากประชาชน และประชาชนยอมรับ


 


 


ยธ.เล็งขยายอายุความคดีทุจริตเป็น 30 ปี เอาผิดคนโกงชาติ


ผู้จัดการออนไลน์ - นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรมเตรียมเสนอแก้ไขกฎหมาย เกี่ยวกับอายุความในคดีอาญาที่เป็นความผิดร้ายแรง โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับการคดีทุจริตประพฤติมิชอบ คดีปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเตรียมเสนอให้ขยายอายุความจากเดิม 20 ปี เป็น 30 ปี รวมทั้งจะต้องไม่นับอายุความในช่วงที่ผู้ต้องหาหลบหนีคดีด้วย


 


"การเสนอแก้กฎหมายในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากจะทำให้สามารถติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้โดยไม่ติดปัญหาเรื่องอายุความกรณีผู้ต้องหาหลบหนี นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรมยังเตรียมเสนอแก้ไขกฎหมายอื่นเกี่ยวกับการทุจริตประพฤติมิชอบอีกหลายฉบับ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา" รมว.ยุติธรรม กล่าว


 


นายชาญชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวขณะนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังเร่งพิจารณากันอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ดี เนื่องจากคณะกรรมการกฤษฎีกามีเพียง 12 คณะ แต่ต้องพิจารณากฎหมายจำนวนมาก จึงยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ในเร็วๆ นี้หรือไม่


 


 


"วีระ" ฟ้องรมว.กลาโหม เรียก 50 ล้าน


ไอ.เอ็น.เอ็น. - นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี เดินทางเข้ายื่นฟ้อง พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีฯ กลาโหม เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท หลังจากรัฐมนตรีฯ กลาโหมได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน ว่าเมื่อกลุ่มพีทีวีได้รับเงินสนับสนุนมาแล้วก็ต้องมีการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยนายวีระกล่าวว่า พล.อ.บุญรอด ได้พูดในลักษณะดังกล่าวหลายครั้ง เพื่อทำลายขบวนการของประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยและทำให้กลุ่มพีทีวีถูกเกลียดชัง หมดความน่าเชื่อถือ ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายกระบวนการประชาธิปไตยอย่างรุนแรงอย่างไรก็ตามศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ครั้งแรก 21 มิ.ย. นี้ เวลา 13.30 น.


 


ทั้งนี้นายวีระ ยังกล่าวถึงการชุมนุมใน 27 เม.ย.นี้ว่าจะอยู่ในหัวข้อเรื่อง "ฉีกรัฐธรรมนูญโจรจุด จุด จุดปล้นประชาธิปไตย"โดยจะมีการเคลื่อนไหวในจุดใดนั้น จะต้องดูตามสถานการณ์ และจะสิ้นสุดในวันเดียว พร้อมทั้งจะมีการชุมนุมอย่างสงบ


 


 


 


เศรษฐกิจ


 


 


รมว.คลัง ลงนามยืดเก็บ VAT 7% ออกไปอีก 1 ปี


ผู้จัดการออนไลน์  - นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยเกี่ยวกับมาตรการผ่อนภาระผู้ประกอบการธุรกิจภายในประเทศ ในขณะนี้ โดยระบุว่า ได้ลงนามต่อเวลาการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ซึ่งจะหมดเวลาการจัดเก็บในวันที่ 31 ก.ย.นี้ โดยจะยืดเวลาออกไปอีก 1 ปี และเตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในเร็ววันนี้


 


ส่วนแนวทางการหารือกับกลุ่มธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ 4 แห่ง ซึ่งกำลังจะมีขึ้นในวันที่ 2 พ.ค.ที่จะถึงนี้ กล่าวว่า อยากให้ธนาคารเฉพาะกิจ 4 แห่งมีความรอบคอบในเรื่องมาตรการปล่อยสินเชื่อสู่รากหญ้า ส่วนมาตรการบัญชีระหว่างประเทศ ฉบับที่ 39 หรือ ไอเอเอส 39 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) บังคับใช้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อสู่รากหญ้าของธนาคารเฉพาะกิจ 4 แห่ง เนื่องจากต้องมีการสำรองเต็มจำนวน


 


ที่ผ่านมา การกู้ของประชาชนระดับรากหญ้า มักประสบปัญหาการขาดหลักประกันว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละธนาคาร ซึ่งอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ที่ตราขึ้นเฉพาะธนาคารนั้นๆ และจะไม่มีการหารือกับธปท.เพื่อให้ผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวแต่อย่างใด


 


 


รัฐบาลประกาศเดินหน้ากองทุนหมู่บ้าน


เว็บไซต์คมชัดลึก - นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ซึ่งนับเป็นการประชุมนัดแรกตั้งแต่มีการปรับเปลี่ยนรัฐบาล สรุปว่าจะเดินต่อโครงการกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งปี 2551 นี้ได้มีการอนุมัติปรับงบประมาณเพิ่มขึ้นในด้านบริหารและส่งเสริมการพัฒนาเป็นจำนวนกว่า 371 ล้านบาท


 



รองนายกฯ กล่าวว่า นโยบายนี้มีหลักการที่ดีเมื่อเทียบกับนโยบายประชานิยมอื่นๆ ของรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งน่าจะทำประโยชน์ให้ประชาชนได้ แต่ต้องปรับให้มีการจัดการที่ดีขึ้น ต้องดูว่าของเก่ามีอะไรดี นำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องสร้างใหม่หรือตั้งชื่อใหม่ โดยหลักการให้สอดคล้องกับแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เพียงโยนเงินให้เท่านั้น ดังนั้นกองทุนหมู่บ้านฯ ต้องเป็นองค์กรการเงินของชุมชนท้องถิ่นที่มีบทบาทมากกว่าการจัดการ "เงิน" แต่เน้นการจัดการความรู้ และมุ่งสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม



 


"เครือข่ายกองทุนทุกระดับต้องเชื่อมโยง เรียนรู้ ช่วยเหลือเกื้อกูล กำกับดูแลเชิงสังคมและร่วมผิดชอบร่วมกันอย่างเป็นกระบวนการ ต้องประเมินสถานภาพของกองทุนตามกรอบประเมินของหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้วย ซึ่งจะจัดให้มีสัมมนารับฟังความเห็นจากผู้แทนเครือข่ายระดับจังหวัดและภาคีพันธมิตรในเดือนมิถุนายนนี้" นายไพบูลย์ กล่าว


 



ทั้งนี้ งบประมาณปี 51 ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนทั้งหมดคือ 11,571 ล้านบาท แยกเป็นด้านบริหาร 88 ล้านบาท งบส่งเสริมการพัฒนา 283.4 ล้านบาท ที่เหลืออีก 11,200 ล้านบาทเป็นงบประมาณเพื่อการชำระหนี้ ซึ่งกองทุนได้กู้ยืมมาจากธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร รวม 92,000 ล้านบาท โดยหนี้จำนวนนี้ได้ชำระไปแล้ว 68,900 ล้านบาท และจะชำระงวดสุดท้ายในปีหน้า



 


สรรพากรนครศรีฯตั้งทีมชุดเฉพาะกิจเก็บภาษี"จตุคาม"


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - นางศิริพร บุญเจริญ สรรพากรพื้นที่นครศรีธรรมราช เปิดเผย ถึงแนวทางการจัดเก็บภาษีจัดสร้างจตุคาม รามเทพ ว่าขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานชุดเฉพาะกิจขึ้นมารับผิดชอบโดยตรงแล้ว ประกอบด้วย สรรพากรพื้นที่สาขา ชุดสืบสวนฐานภาษี และคณะทำงานดังกล่าว กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อหลักฐาน เพื่อวางแผนการทำงานนำไปสู่การจัดเก็บที่รัดกุมที่สุด



 


ขั้นตอนนั้น จะเริ่มต้นเรียกกลุ่มผู้สร้างรายใหญ่ๆ มาพิสูจน์ทราบรายได้จากการจัดสร้าง หากไม่ยอมปฏิบัติตาม ก็จะใช้กระบวนการทางกฎหมาย ขณะเดียวกันจะประสานงานกับวัด เพื่อหาข้อมูลหลักฐานแวดล้อมด้วย "หากกลุ่มผู้สร้างยอมชี้แจงรายได้ ระบบการจัดเก็บก็จะง่ายขึ้น ซึ่งขณะนี้มีรายชื่อแต่ละกลุ่มแล้ว และเวลานี้ได้ประสานขอข้อมูลกับวัดแล้ว ดังนั้นหากกลุ่มผู้สร้างรู้ตัวว่า สร้างวัตถุมงคลเพื่อเชิงพาณิชย์แล้ว ขอให้มาเข้าสู่ระบบภาษีโดยดี เพราะเราจะหาพยานหลักฐานมัดอย่างมั่นคง"



 


ส่วนแนวทางการหาหลักฐานนั้น จะตรวจสอบว่ารายได้ที่ได้จากการให้ประชาชนบูชาจตุคาม ถูกนำไปบำรุงศาสนสถานหรือทำกุศล ตามที่ประกาศไว้ในวัตถุประสงค์การสร้างหรือไม่ และสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นมีค่าใช้จ่ายมากน้อยเท่าไหร่ ประเมินราคาแล้วตรงหรือเหมาะสมกับรายได้ที่ผู้สร้างได้รับหรือไม่ ซึ่งจุดนี้วัดต่างๆ รู้ดี เมื่อประเมินแล้วค่าก่อสร้างต่างๆ น้อยกว่ารายได้ที่กลุ่มผู้สร้างได้รับ กลุ่มผู้สร้างเหล่านั้นต้องมาแจ้งรายได้เพื่อเสียภาษี



 


"วันนี้ เรารู้ว่ามีวัดหรือองค์กรต่างๆ ที่ถูกนายทุนอ้างชื่อเพื่อสร้างจตุคาม และถูกเอาเปรียบจำนวนมาก ดังนั้นวัดสามารถแจ้งข้อมูลมาที่สรรพากรพื้นที่ได้ โดยข้อมูลทั้งหมดจะเก็บไว้เป็นความลับ สามารถส่งข้อมูลมาที่ สรรพากรพื้นที่นครศรีธรรมราช 20/2 ม.1 ถ.นครศรี-ปากพนัง ต.ท่าไร่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช 80000"



 


 


สนช.มติเอกฉันท์รับ "ก.ม.ต่างด้าว"


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นประธานการประชุม สนช. เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ของนายสมชาย สกุลสุรรัตน์ สมาชิก สนช. โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการเป็นเอกฉันท์ 135 เสียง และที่ประชุมเห็นชอบให้ใช้ร่างของ ครม. เป็นหลักในการพิจารณา 83 เสียง ต่อ 44 เสียง โดยหากสมาชิกขอแปรญัตติสามารถยื่นเรื่องต่อสภาฯ ได้ภายใน 7 วัน


 



ทั้งนี้ สนช.ได้มีมติเลือกกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว 27 คน โดยกระทรวงพาณิชย์เสนอ 5 คน เช่น นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรนุช โอสถานนท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายคณิสสร นาวานุเคราะห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสมาชิก สนช. ได้เสนอรายชื่อกรรมาธิการ 22 คน เช่น นายการุณ กิตติสถาพร นางสาวอรจิต สิงคาลวนิช นายประมนต์ สุธีวงศ์ นายสันติ วิลาสศักดานนท์ นายบดินทร์ อัศวาณิชย์ ว่าที่ ร.อ.จิตร ศิรธรานนท์ นายสมชาย สกุลสุรรัตน์ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี นายกฤต ไกรจิตติ นายฐิติพันธุ์ เอื้อบุญชัย


 



นางอรนุช โอสถานนท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ อภิปรายว่า ร่างกฎหมายของ ครม. ได้แก้ไขคำนิยามคำว่าคนต่างด้าว ให้รวมถึงบริษัทที่จดทะเบียนในไทย และมีคนต่างด้าวมีสิทธิออกเสียงเกินครึ่ง เนื่องจากปัจจุบันมีคนต่างด้าวเข้ามาทำธุรกิจที่สงวนไว้ ผ่านนิติบุคคลที่จดทะเบียนในไทย โดยหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตาม ด้วยการออกหุ้นให้คนไทยมีสิทธิออกเสียงได้น้อยลง จึงต้องมีการแก้ไขคำนิยามให้มีความรัดกุมมากขึ้น และได้แก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เพราะองค์ประกอบปัจจุบันไม่เอื้อต่อการทำหน้าที่



 


นอกจากนี้ ร่าง ครม.ได้เพิ่มอัตราโทษปรับและโทษจำคุก แก่ผู้กระทำผิดเพราะโทษเดิมไม่รุนแรง ส่งผลให้ไม่เกรงกลัวกฎหมาย รวมทั้งได้แก้ไขบัญชี 3 ให้มีความเหมาะสมมากขึ้น และปรับปรุงให้กรรมการ หุ้นส่วนหรือผู้มีอำนาจดำเนินการแทนบริษัทที่รู้เห็นเป็นใจในการทำผิดต้องได้รับโทษตามที่กำหนด


 



นางอรนุช กล่าวว่า ร่างกฎหมายของ ครม.และสมาชิก สนช. มีความใกล้เคียงกันมาก โดยข้อแตกต่างที่มีเพียงเล็กน้อย สามารถหารือในชั้นกรรมาธิการวิสามัญได้ ข้อสังเกตของ สนช.ยังมีปัญหาเรื่องคำนิยาม ที่กำหนดให้ครอบคลุมสิทธิการออกเสียง ซึ่งเห็นว่าคำนิยามดังกล่าว เป็นการควบคุมอำนาจการบริหารบริษัทไว้ครึ่งหนึ่งอยู่แล้ว โดยการกำกับดูแลจะต้องหาจุดที่พอดี ระหว่างการคุ้มครองผู้ประกอบการไทยและการให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน ส่วนการคุ้มครองบริษัทที่จะกลายเป็นบริษัทต่างด้าวเมื่อกฎหมายใหม่บังคับใช้ เป็นเรื่องที่สมาชิก สนช.ส่วนใหญ่ยอมรับ


 



นางอรนุช กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันว่าประเทศไทย ไม่ได้ละเมิดพันธกรณีกับองค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ศึกษาแล้วว่า การแก้ไขกฎหมายตามที่ ครม.เสนอครั้งนี้ อยู่ในอำนาจที่รัฐบาลไทยดำเนินการได้ แต่ถ้าเกิดข้อโต้แย้งแล้วนำไปสู่การพิจารณาว่า ประเทศไทยขัดข้อตกลงดับบลิวทีโอ จะมีมาตรการรองรับเช่นเดียวกับ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ซึ่งที่ผ่านมาไทยได้ลงนามเขตการค้าเสรีกับออสเตรเลียและอนุญาตให้ออสเตรเลียเข้ามาทำธุรกิจบางประเภทได้



 


นายคณิสสร นาวานุเคราะห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลได้เสนอร่างกฎหมายฉบับนี้เข้ามาแล้ว ก็หวังว่าจะสามารถออกกฎหมายมาบังคับใช้ได้ ภายในรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการของกรรมาธิการวิสามัญ ซึ่งกรรมาธิการในสัดส่วนกระทรวงพาณิชย์ 5 คน ก็มีสิทธิที่จะเสนอความคิดเห็นในการแก้ไขกฎหมายได้เหมือนกรรมาธิการคนอื่น โดยถ้าคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วก็เสนอเข้า สนช.เพื่อเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2-3 ก่อนที่จะทูลเกล้าฯ ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ลงพระปรมาภิไธย



 


นายสมชาย สกุลสุรรัตน์ สมาชิก สนช. กล่าวว่า การที่สมาชิก สนช.เสนอร่างกฎหมายขึ้นมาอีกฉบับ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนกลับคืนมา เพราะที่ผ่านมาการลงทุนชะงักตัวลง เพราะนักลงทุนรอพิจารณาว่าการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ จะมีผลกระทบมากน้อยเพียงใด โดยร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ จะช่วยลดความเสี่ยง จากความไม่แน่นอนของกฎหมายลง ซึ่งสาระของกฎหมายทั้ง 2 ฉบับมีความใกล้เคียงกัน เมื่อกระทรวงพาณิชย์ได้รับฟังความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น การตัดประเด็นนิรโทษกรรมของผู้กระทำผิดตามมาตรา 35 และ 36 ออก การเพิ่มโทษจำคุกจาก 3 ปี เป็น 5 ปี



 


นายสมชาย กล่าวว่า ร่างกฎหมายของสมาชิก สนช. กำหนดให้เอาผิดผู้ให้คำปรึกษาให้บริษัทต่างด้าวทำธุรกิจในบัญชีแนบท้ายได้ ซึ่งการช่วยเหลือดังกล่าวสมควรได้รับการลงโทษ โดยเห็นว่าการให้คำปรึกษาที่สุจริต สามารถดำเนินการได้ แต่ไม่ควรให้คำปรึกษาเพื่อให้ผู้อื่นไปกระทำผิด รวมทั้งกฎหมายฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันใช้มาแล้ว 8 ปี มีจุดอ่อนที่คำนิยามที่พิจารณาเฉพาะสัดส่วนการถือหุ้น จึงทำให้มีบริษัทหาทางเลี่ยงกฎหมาย จึงสมควรที่ต้องแก้ไขกฎหมายฉบับนี้



 


 


คุณภาพชีวิต


 


 


แพทยสภาไฟเขียวแม่เครียดขอทำแท้งได้


เว็บไซต์คมชัดลึก - พญ.เพ็ญศรี พิชัยสนิธ เลขาธิการสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ กล่าวในการสัมมนา "บทบาทสตรีไทยกับการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ" จัดโดยสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ว่า ปัจจุบันพบว่าผู้หญิงมีปัญหาเรื่องสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์มาก โดยเฉพาะการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ตั้งแต่เป็นเด็กหญิง เนื่องจากการถูกล่อลวง รู้เท่าไม่ถึงการณ์ การมีเพศสัมพันธ์อย่างไม่ปลอดภัย


 



ดังนั้น ระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายทำแท้ง แพทยสภาจึงขยายขอบเขตการทำแท้งเพิ่มขึ้น จากเดิมให้ทำแท้งได้ 2 กรณี คือ จากการตั้งครรภ์โดยการข่มขืน และการตั้งครรภ์ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมารดา ขยายไปสู่การตั้งครรภ์ไม่พร้อมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและชีวิตความเป็นอยู่ของมารดา จนเกิดความทุกข์ตึงเครียดอย่างรุนแรง ต้องการทำแท้งสามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อตรวจพิสูจน์ผลเสียที่เกิดกับมารดา หากแพทย์ 2 คนชี้ว่าส่งผลต่อสุขภาพจิตแม่จริง ก็วินิจฉัยให้ทำแท้งได้


 



น.ส.สุนันท์ ดวงจันทร์ หัวหน้าโครงการสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า ความรุนแรงต่อสตรี พบมากที่สุด คือ ความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะความรุนแรงทางเพศส่งผลให้ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ติดเชื้อ ตกเลือด เป็นมะเร็งปากมดลูก รวมทั้งการทำร้ายร่างกาย จิตใจ ที่น่าห่วง คือ กรณีพ่อข่มขืนลูกพบทั้งในครอบครัวมีการศึกษาฐานะดีลงมาถึงครอบครัวระดับล่าง


 



จากข้อมูลโรงพยาบาลตำรวจเมื่อวันที่ 1 ม.ค.-31ธ.ค.49 แห่งเดียว พบเด็กและสตรีเข้ารับการตรวจพิสูจน์จากการถูกข่มขืน 1,314 ราย เป็นเด็กอายุ 0-18 ปี 1,003 ราย เป็นชาย 3 รายที่เหลือเป็นหญิง ส่วนอายุ 19 ปีขึ้นไปมี 311 ราย กลุ่มที่ถูกข่มขืนมากที่สุด คือ อายุ 15-19 ปี โดยสมาคมฯได้รับการร้องขอให้ช่วยเหลือกรณีตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ปี 49 จำนวน 21,796 ราย


 



ด้านน.ส.นาถฤดี เด่นดวง อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ม.มหิดล กล่าวถึงการล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงานและสถานศึกษาว่า ผู้กระทำส่วนใหญ่เป็นผู้บังคับบัญชา หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน ครู อาจารย์ ครูฝึกสอน กระทำทั้งในรูปแบบหมาหยอกไก่ และสมภารกินไก่วัด เช่น ความพยายามใกล้ชิดทางกาย จ้องมอง จับหน้าอก พูดจาเชิญชวน ตลกลามก แสดงภาพโป๊หรือเกี่ยวกับเพศทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ถึงขั้นข่มขู่ทำร้าย ข่มขืน ต่อผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน ลูกศิษย์ จึงไม่อยากให้ผู้ตกเป็นเหยื่อนิ่งเฉย ต้องปฏิเสธแสดงท่าทีต่อต้าน รวบรวมหลักฐาน เช่น คราบอสุจิ ร่องรอยการทำร้าย และพยานบุคคล เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งมีทั้งโทษทางอาญาและโทษตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน


 



 


"ไพบูลย์" เข้มประกาศ "8จุดเสี่ยงขายสื่อลามกในกทม.


เว็บไซต์คมชัดลึก - "ไพบูลย์" เข้มประกาศ "8 จุดเสี่ยงขายสื่อลามกในกทม. ต้องเป็นพื้นที่สีขาว 100% ไล่จี้ผู้รับผิดชอบเรียงตัว จัดการห้างที่ปล่อยให้ขายซีดีโป๊ ตำรวจรายงานผลคดีทุก 1 เดือน จำคุกกี่ราย ทำผิดซ้ำเท่าไร



 


ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีประชุม "สกัด 8 จุดเสี่ยงสื่อลามก" โดยมีนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสื่อปลอดภัยเป็นประธาน หารือร่วมกับ นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่ากทม. พล.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตัวแทนผู้ประกอบการห้างต่างๆ อาทิ ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ห้างสรรพสินค้าเซียร์รังสิต ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ตะวันนา ซึ่งมีการลักลอบขายสื่อลามก


 



นายไพบูลย์ กล่าวว่า มีข้อมูลยืนยันว่า 8 พื้นที่ในกทม.และปริมณฑล คือ ห้างพันธุ์ทิพย์ สีลม คลองถม บ้านหม้อ ห้างสรรพสินค้าเซียร์ รังสิต ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ตะวันนา และสะพานพุทธ มีการลักลอบจำหน่ายสื่อลามก อาทิ วีซีดีโป๊ หนังสือลามก การ์ตูนโป๊ เชื่อว่าเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่รับทราบ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทุกฝ่ายจะร่วมมือกัน ที่ประชุมตกลงร่วมกันว่า จะขจัดสื่อลามกให้หมดไปจาก 8 พื้นที่ โดยเร็วที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับ ดำเนินคดีถึงที่สุด และรายงานผลมายังคณะกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ว่าศาลสั่งจำคุกกี่คดี เพื่อลบล้างความเชื่อที่ว่าจับแล้วก็หายไป ไม่มีการส่งฟ้องศาล


 



"ปัญหานี้เป็นปัญหาเรื้อรังที่ต้องจัดการให้เด็ดขาด การลงไปตรวจแล้วก็ปิดร้านหนี จากนั้นก็เปิดขายใหม่ ท้าทายอำนาจรัฐควรจะยุติได้แล้ว ทุกฝ่ายต้องร่วมมือจัดระเบียบพื้นที่เหล่านี้ ให้กลายเป็นพื้นที่สีขาว ผมอยากขอความร่วมมือจากเจ้าของสถานที่เป็นสำคัญ ที่จะตรวจตราคุมเข้ม ได้ทั่วถึงกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเป็นเหมือนเจ้าของบ้าน ดังนั้นอย่าปล่อยให้คนอื่นมาทำผิด ทำลายสังคมในบ้านของตัวเอง " นายไพบูลย์กล่าว


 



นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ในส่วนกทม.ทุกสำนักงานเขตที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ยืนยันจะตรวจตราอย่างเคร่งครัดต่อไป เบื้องต้นเจ้าของห้างสรรพสินค้า ได้จัดจ้างชุดเฉพาะกิจมาตรวจสอบในพื้นที่ของตนเอง และยืนยันจะยกเลิกสัญญาทันทีหากตรวจพบ เชื่อมั่นว่าถ้าทุกฝ่ายเอาจริง จะจัดการได้ โดยจะเริ่มต้นในกทม. และจะขยายไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยเน้นการจัดการที่ต้นตอของปัญหา ไม่ใช่วิ่งไล่จับหรือเดินตรวจ



 


 


ทหารบกปิดเกาะตรวจต่างด้าว


กรมประชาสัมพันธ์ - พ.อ.ประยงค์ กล้าหาญ หัวหน้าส่วนควบคุมชายแดนไทย-พม่าจังหวัดระนอง /ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 15 พร้อมด้วย พ.ท.ไพศาล หนูสังข์ เสนาธิการ ส่วนควบคุมชายแดนไทย-พม่า นำกำลังทหารบกชุดจัดระเบียบชายแดน ประมาณ 50 นายพร้อมอาวุธครบมือ เข้าปิดล้อมเกาะสินไห หมู่ 4 ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง เพื่อตรวจสอบแรงงานต่างด้าว ตามบ้านเรือนต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้างทำสวน และทำการประมงในทะเล โดยสามารถควบคุมตัวไปตรวจสอบทั้งชายและหญิง ประมาณ 300 คน พบว่าส่วนใหญ่เป็นคนไทยพลัดถิ่น มีเอกสารประจำตัวถูกต้อง และพบแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่าที่ไม่มีหลักฐานการเข้าเมือง และไม่มีใบอนุญาตทำงาน 30 คน จึงควบคุมตัว และผลักดันออกนอกประเทศต่อไป ส่วนที่มีหลักฐานถูกต้องได้ปล่อยให้ไปทำงานได้ตามปกติ



 


พ.อ.ประยงค์ กล่าวว่า ชุดจัดระเบียบชายแดน ได้เข้าดำเนินการตรวจสอบแรงงานต่างด้าวตามแหล่งชุมชนที่อยู่อาศัยของแรงงานเหล่านี้ในจังหวัดระนองเป็นระยะ เพื่อจัดระเบียบความเป็นอยู่ และดูแลในเรื่องสุขภาพอนามัย พร้อมทั้งตรวจค้นในเรื่องของยาเสพติด สายลับที่อาจแฝงตัวเข้าเมา การก่ออาชญากรรม ค้าอาวุธสงคราม และสกัดกั้นการลักลอบออกนอกจังหวัด จากการตรวจสอบในครั้งนี้ ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอื่น ๆ แต่อย่างใด ซึ่งทางฝ่ายทหารจะดำเนินการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ตามระยะเวลาที่เหมาะสม สลับพื้นที่ไปตามเป้าหมาย โดยไม่มีการแจ้งให้ใครทราบล่วงหน้าเพื่อป้องกันข่าวรั่ว โดยมีวัตถุประสงค์หลักอยู่ที่ความมั่นคงของชาติ.



 


 


โลกร้อนจ่อวิกฤต20ปีซื้ออากาศสูด


เว็บไซต์แนวหน้า - เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่โรงแรมมิราเคิน แกรนด์ คอนเวนชั่น สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ(วช.)จัดสัมมนาระดมความคิดกรอบงานวิจัยเรื่อง"มลพิษทางอากาศของไทย ผลพวงจากโลกร้อน" ศ.ดร.เกษม จันทร์แก้ว อาจารย์วิทยาลัยสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า มลพิษทางอากาศที่มีผลพวงจากโลกร้อนนั้น เกิดภาวะเรือนกระจก ซึ่งเกิดจากชั้นบรรยากาศกักเก็บความร้อนไว้มากเกินไปส่งผลให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนนั้น เกิดจากการเผาป่า การเกิดไฟป่าตามธรรมชาติ การเผาไหม้เชื้อเพลิงจากถ่านหิน น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ฝุ่นละอ่องจากการทำเหมืองแร่และควันพิษจากไอเสียรถยนต์ ซึ่งภาวะโลกร้อนมีผลกระทบทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น จนเป็นสาเหตุทำให้เกิดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศทั่วโลก เช่น เกิดสึนามิ แผ่นดินไหวและ พายุ จนเกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด



 


"ขณะนี้มลพิษในกรุงเทพฯถือว่าเข้าข่ายวิกฤติมลพิษ โดยสังเกตได้ว่าคนต่างจังหวัดจะมีอายุยืนยาวว่าคนกรุงเทพฯ หากยังไม่มีการสร้างจิตสำนึกนักการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อนาคตจะเป็นอันตราย นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์คาดคะเนไว้ว่า หากมลพิษยังเป็นเช่นนี้ ไม่เกิน 20ปีหรืออาจะไม่ถึง 20ปี โลกจะต้องถึงขั้นวิกฤติอย่างแน่นอน ประชาชนอาจะต้องซื้ออ๊อกซิเจนหายใจเหมือนกับโฆษณาก็ได้" ศ.ดร.เกษม กล่าว



ด้าน รศ.ดร.จริยา บุญญวัฒน์ ที่ปรึกษากลุ่มวิชาการด้านบรรยากาศ ผอ.ศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและ ฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (START) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างบรรยากาศและสิ่งมีชีวิตบนโลกพบว่า สาเหตุภาวะโลกร้อนมาจากประชากรที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การพัฒนาด้าน เศรษฐกิจสูงขึ้น มีการตัดไม้ทำลายป่า การเพิ่มจำนวนของอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้สภาพภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงไป สำหรับเมืองไทยพบว่าช่วงเดือน เมษษยนมีอุณหภูมิสูงถึง 42 องศาเซลเซียส จากเดิมแค่ 38-39องศาเซลเซียสและคาดว่าปี2551 จะเพิ่มเป็น 43องศาเซลเซียส



 


ผู้เชี่ยวชาญด้านโลกร้อน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นมวลอากาศร้อนจะลอยตัวสูงทำให้เมฆบนท้องฟ้าอัดแน่นไปด้วยความร้อน เมื่อเมฆร้อนลอยสูงขึ้นเรื่อยๆและไปปะทะกับมวลอากาศเย็น จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากการหมุนเวียนของอากาศไม่เป็นไปตามปกติ ส่งผลให้เกิดฝนลูกเห็บ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าการเกิดฝนลูกเห็บอาจมีความสัมพันธ์กับภาวะโลกร้อน แต่ขณะนี้ยังไม่มีงานวิจัยใดยืนยันแน่ชัด แต่เป็นที่น่าสังเกตุว่า ต้นปี2550ที่ผ่านมาประเทศไทยก็พบฝนลูกเห็บเช่นกัน โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนฤดูร้อนเป็นฤดูฝน อย่างไรก็ตาม ฝนลูกเห็บยังไม่ใช่วิกฤตโลกร้อนที่สำคัญ แต่ในอนาคตหากอุณหภูมิโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครรับรองได้ว่าฝนลูก เห็บจะไม่กระจายไปในวงกว้าง สิ่งสำคัญประเทศไทยควรมีการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง



 


ด้าน ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.ศูนย์START กล่าวถึงกรณีวันที่มีอากาศร้อนเกิน 33 องศาเซลเซียส ที่จะเพิ่มเป็น 3เท่าในอีก 30-80ปีข้างหน้า ว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างจัดทำโมเดล เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ทั้งระยะยาวและระยะสั้นให้มีความทันสมัยมากกว่านี้ ซึ่งจะทำให้รู้ถึงระดับอุณหภูมิเฉลี่ยว่าจะสูงมากขึ้นกว่าเดิมมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ดี เมื่อเร็วๆนี้ได้พบ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.เพื่อหารือการลดปัญหาภาวะโลกร้อนใน กทม.และมีการตั้งเป้าทำปฏิญญาว่าด้วยการลดโลกร้อนอย่างน้อย 10ประการสำหรับคน กทม.ใน 3ประเด็นหลัก คือ การลดโลกร้อนจากภาคพลังงานและการขนส่ง มลพิษจากขยะและการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง โดย กทม.จะดึงทุกภาคส่วนที่ก่อปัญหามาทำข้อตกลงร่วมกัน


 



ขณะที่ นางบรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย รองผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า กทม.จัดเป็นหนึ่งในพื้นที่หลักในการสร้างปัญหาภาวะโลกร้อนของประเทศไทยและอาจเป็นอันดับ 1ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ เพราะมีจำนวนประชากรมาก ทำให้มีการใช้พลังงานและใช้ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทุกด้านมากกว่าพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะยังเป็นแหล่งปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคพลังงานและการขนส่ง


 



วันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยารายงานระดับอุณหภูมิสูงสุดของปี2550 ที่วัดจากสถานีอุตุนิยมวิทยา อ.เมือง จ.ตาก พบว่า สูงถึง 43.2องศาเซลเซียส แต่ยังไม่เกินสถิติสูงสุดที่เคยวัดได้ที่ 44.5องศาฯที่ จ.อุตรดิตถ์ เมื่อหลายปี2549 รองลงมาที่ จ.ลำปาง สูงถึง 42.1องศาฯ ส่วน กทม.ยังอยู่ที่ระดับ 37-39 องศาฯแต่ไม่น่าจะเกิน 40องศาฯ อย่างไรก็ตาม สำหรับพายุฤดูร้อนและทำให้เกิดลูกเห็บนั้น ในปี2550 ถือว่ามีมากและค่อนข้างสร้างความเสียหายเยอะส่วนหนึ่งเป็นเพราะความแปรปรวนของอากาศและระหว่างวันที่ 24-26เมษษยนนี้ จะมีมวลอากาศเย็นแผ่ปกคลุมมายังประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดฝนฟ้าคะนอง เกิดขึ้น



 


 


 


วิทยาศาสตร์


 


 


พบ'แร่'ที่ตัดพลังของ'ซูเปอร์แมน'


ผู้จัดการออนไลน์ - นักธรณีวิทยาในเซอร์เบียค้นพบแร่ชนิดหนึ่งที่มีส่วนประกอบทางเคมีเหมือนกับแร่คริปโตไนต์จากดาวคริปตัน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของซูเปอร์แมน โดยในหนัง "ซูเปอร์แมนรีเทิร์นส์" เล็กซ์ ลูเธอร์ คู่ปรับตลอดกาลของซูเปอร์แมน ใช้แร่ดังกล่าวตัดพลังของซูเปอร์แมน


 


"เราต้องให้ความระมัดระวังกับแร่ตัวนี้ เราคงไม่อยากพรากซูเปอร์ฮีโร่ที่คนชื่นชอบที่สุดไปจากโลกใบนี้" ดร.คริส สแตนลีย์ ผู้ศึกษาเกี่ยวกับแร่ จากพิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยา กรุงลอนดอน แถลงข่าวปล่อยมุก


 


สแตนลีย์ บอกว่า ระหว่างที่ค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต เกี่ยวกับสูตรเคมีของแร่ใหม่จากเซอร์เบีย ซึ่งเป็นสารประกอบ โซเดียมลิเทียมโบรอนซิลิเกตไฮดรอกไซด์ เขาก็พบด้วยความประหลาดใจว่า มันมีส่วนประกอบทางเคมีเหมือนกันเปี๊ยบกับแร่คริปโตไนต์ในเรื่องซูเปอร์แมน "ผมประหลาดใจมากที่พบว่า มีชื่อวิทยาศาสตร์เดียวกันนี้เขียนอยู่บนกล่องหินใส่แร่คริปโตไนต์ ที่เล็กซ์ ลูเธอร์ ขโมยมาจากพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่ง ในหนังเรื่องซูเปอร์แมนรีเทิร์นส์" เขากล่าว


 


สสารที่พบจากเซอร์เบีย ได้รับการยืนยันว่าเป็นแร่ชนิดใหม่แล้ว จากการทดสอบของนักวิทยาศาสตร์แห่งพิพิธภัณฑ์สถานธรรมชาติวิทยา ในลอนดอน และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติแคนาดา


 แต่แร่ดังกล่าวไม่ได้เป็นผลึกคริสตัลใหญ่สีเขียวเหมือนในการ์ตูนซูเปอร์แมน หากมีลักษณะเป็นผงแป้งสีขาว ไม่มีธาตุฟลูออรีน และปลอดสารกัมมันตรังสี


 


แร่ใหม่นี้ จะมีชื่อว่า ยาดาไรต์ และจะนำจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยาในลอนดอนในวันพุธ(25) และวันอาทิตย์ที่ 13 พ.ค


 


 


พบดาวเคราะห์ใหม่คล้ายโลก อากาศสบายเหมาะอยู่อาศัย


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - นักดาราศาสตร์พบดาวเคราะห์ ที่อาจมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมสำหรับสิ่งมีชีวิต เผยขนาดใหญ่กว่าโลกเล็กน้อย และอากาศกำลังดี 20 องศาเซลเซียส ไม่ร้อนไปไม่หนาวไป มีพระอาทิตย์ตกดินสีแดงเลือดเรื่อน่ามอง



 


สเตฟาน อูดรีย์ จากหอดูดาวเจนีวาในสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลที่มีอยู่ในตอนนี้ดาวเคราะห์คล้ายโลกดวงดังกล่าวเป็นบริวารของดาวฤกษ์ดวงหนึ่ง โดยมีระยะห่างจากดาวฤกษ์ในระยะที่เอื้อให้มีน้ำอยู่บนพื้นผิวดาวเคราะห์ได้



 


ทีมวิจัยค้นพบดาวเคราะห์ดวงนี้โดยใช้กล้องโทรทรรศน์ยูโรเปียน เซาเทิร์น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.6 เมตร ที่อยู่ในชิลี ส่องหาจนพบกับ "ดาวแคระสีแดง" ที่ชื่อว่า Gliese 581 อยู่ห่างจากโลกราว 20.5 ปีแสง อาศัยอยู่ในกลุ่มดาวตาชั่ง



 


ดาวแคระแดงเป็นดาวฤกษ์ที่มีมวลเท่ากับครึ่งหนึ่งของดวงอาทิตย์ อุณหภูมิพื้นผิวน้อยกว่า 3,500 เคลวิน มีอุณหภูมิใจกลางต่ำ จึงเปล่งแสงได้น้อยกว่าดวงอาทิตย์ 1/1,000 เท่า เมื่อสังเกตแสงที่แกว่งไหวไปมาเล็กน้อยของดาวฤกษ์ดวงนี้ นักดาราศาสตร์จึงเชื่อว่ามันคงมีดาวเคราะห์เป็นบริวารเพิ่มอีกสองดวง นอกเหนือจากดาวที่จัดอยู่ในชั้นเดียวกับดาวเนปจูนที่พบก่อนหน้านี้



 


ดาวดวงหนึ่งที่พบมีขนาดใหญ่กว่าโลก 8 เท่า ใช้เวลาโคจรรอบดาวฤกษ์ 84 วัน ส่วนอีกดวงมีขนาดใหญ่กว่าโลก 5 เท่า แต่ก็ยังจัดว่าเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดเล็กที่สุดที่พบโคจรรอบดาวฤกษ์ทั่วไป



 


ตามทฤษฎีแล้ว คาดการณ์ว่าดาวเคราะห์ขนาดเล็กน่าจะมีขนาดกว้างกว่าโลก 50% และมีพื้นผิวเป็นหิน ใช้เวลาโคจรรอบดาวฤกษ์ 13 วัน นักดาราศาสตร์ยังคำนวณได้ว่าอุณหภูมิที่พื้นผิวน่าจะอยู่ประมาณ 0-40 องศาเซลเซียส เหมาะที่จะมีน้ำในสภาพของเหลวอยู่ข้างบน ดาวเคราะห์ดวงนี้จึงน่าจะเหมาะสำหรับอยู่อาศัย



 


"ถ้าลองคำนวณค่าความร้อนที่ดาวเคราะห์ได้รับจากดวงอาทิตย์ อุณหภูมิน่าจะอยู่ราว 20 องศาเซลเซียส คล้ายกับอุณหภูมิเฉลี่ยของนครนิวยอร์กช่วงเดือนมิถุนายน



 


ก่อนหน้านี้นักดาราศาสตร์เคยค้นพบ "ดาวเคราะห์ยักษ์คล้ายโลก" ดวงใหญ่กว่านี้มาแล้ว แต่ดาวเคราะห์ที่พบเหล่านี้ถ้าไม่ร้อนเกินไปก็เย็นเกินไปที่จะมีน้ำในสภาวะของเหลวดำรงอยู่ ดาวเคราะห์คล้ายโลกที่เล็กที่สุดที่โครจรรอบดาว Gliese 581 มีชื่อว่า ดาวเคราะห์ "โกลดิล็อค" เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต



 


นอกจากนี้ ช่วงดวงอาทิตย์ขึ้นและตกเมื่อมองจากโลกใบใหม่นี้ยังงดงามน่ามอง ถ้ายืนอยู่บนผิวดาวจะเห็นดวงอาทิตย์เป็นสีแดงตะคุ่มลูกโตดูใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ตกที่เห็นบนโลก 10 เท่า



 


ด้านนักดาราศาสตร์ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมสำรวจหวังว่าสักวันคงพัฒนายานอวกาศไปปฏิบัติการสำรวจโลกใหม่ค้นหาสิ่งมีชีวิตได้ในอีก 10-20 ปีข้างหน้า



 


ขณะที่นักดาราศาสตร์จากศูนย์ดาราศาสตร์ฮาร์วาร์ด-สมิธโซเนียนกล่าวถึงการค้นพบครั้งนี้ว่า "น่าทึงอย่างยิ่ง" และยังหมายความว่า ยังมีดาวเคราะห์ลักษณะนี้อีกมากมายให้ค้นหา ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัดว่า ดาวเคราะห์คล้ายโลกดวงนี้จะเหมาะสำหรับสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่หรือไม่



 


Gliese 581 จัดเป็นระบบดาวเคราะห์ที่อยู่นอกระบบสุริยะ มักเรียกกัน เอ็กซ์ตราโซลาร์ จนถึงปัจจุบันนักดาราศาสตร์ค้นพบระบบสุริยะแล้ว 227 แห่ง ส่วนใหญ่พบโดยใช้เทคนิคพิเศษมากกว่าพบจากการส่องกล้องโทรทรรศน์เห็นภาพโดยตรง และระบบสุริยะเอ็กซ์ตราโซลาร์นี้มักพบดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ที่คล้ายกับดาวพฤหัสมากกว่าพบดาวเคราะห์ที่คล้ายโลก



 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net