Skip to main content
sharethis

พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช  โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงว่าเหตุวางระเบิดในกรุงเทพฯและปริมณฑลทั้ง 6 จุด คือ ใกล้อนุสาวรีย์ชัย มีผู้ได้รับบาดเตจ็บ 17 คน สาหัส 2 ราย, จุดที่ 2 บริแวณศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพื้นที่ สน.ท่าเรือ บาดเจ็บ 5 คน เป็นเด็ก 1 คน, จุดที่ 3 ข้างป้อม ตร.สะพานควาย บาดเจ็บ 2 คน,จุดที่ 4 ข้างป้อม ตร.แยกขุสุมวิท 62 ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ, จุดที่ 5 บรเวณสี่แยกแคราย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และจุดที่ 6 บริเวณลานจอดรถซีคอนสแควร์ พื้นที่เขต สน.ประเวศ


 



เสียชีวิตแล้ว 2 คนบาดเจ็บจำนวนมาก


ขณะที่นายแพทย์สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ผู้อำนวยการศูนย์นเรนทร ยืนยันว่า มีการเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นหลายจุดในกรุงเทพมหานคร โดยได้กระจายส่งไปยังโรงพยาบาลรัฐและเอกชนต่างๆ โดยที่โรงพยาบาลราชวิถีส่งไป 13 ราย เสียชีวิต 1 คน และมี 2-3 คน ที่อาการค่อนข้างหนัก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มีผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษา 6 คน เสียชีวิต 1 คน คือนายสุวิทย์ชัย นาคเอี่ยม อายุ 61 ปี เสียชีวิตที่ รพ. เนื่องจากอาการสาหัสมากที่หน้าอก ตอนมาถึง รพ.หยุดหายใจแล้ว แต่ รพ.ปั้มหัวใจและนำเข้าห้องผ่าตัด แต่ผู้ป่วยเสียเลือดมากทนพิษบาดแผลไม่ไหว และเสียชีวิตในที่สุด  ในจำนวนนี้มีอาการหนัก 1 รายคือนายคำพันธ์ อาจโยธา อายุ 34 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่เส้นเลือดใหญ่ที่แขนเลือดออกมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างผ่าตัด ที่เหลืออีก 5 คนบาดเจ็บเล็กน้อย ได้แก่ นางใบ วงศ์ษา อายุ 21 ปี นายกำจัด ดีแสน อายุ 31 ปี น.ส.อริสษรา ต่อดอก อายุ 27 ปี นายคำดี มณีแสง อายุ 40 ปี และ ด.ญ.ธัญสินี มังกรพันธ์ อายุ 12 ปี  โรงพยาบาลเปาโลฯ 1 ราย โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 3 ราย ขณะที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและรอการยืนยัน


 


อย่างไรก็ดี พ.ล.อ.วชิรวิทย์ กล่าวถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า การวางระเบิดครั้งนี้ ผู้ก่อการร้ายประสงค์ก่อให้เกิดความตื่นกลัว ให้ประชาชนไม่มั่นใจในการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะในช่วงงานรื่นเริงปีใหม่ ขณะนี้ ผบ.ตร แจ้งให้ตำรวจทุกนายเตรียมพร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเข้มงวดในการตรวจตราทุกจุดมใน กรุงเทพฯและปริมณฑลให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและนิติวิทยาศาสตร์หาพยายนหลักฐานที่เกิดเหตุ ขอความร่วมมือประชาชนอย่ามุงดู หากพบเห็นร่องรอยหรือทราบเบาแสให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ



 


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่าเกี่ยวกับคลื่นใต้น้ำหรือไม่ โฆษกสตช.กล่าวว่า " มันไม่ใช่คลื่นใต้น้ำ แต่คือคลื่นบนน้ำตรงๆ นี่แหละ เราอย่าหวั่นไหว ถ้าหวั่นไหวก็จะขาดสติ ตกใจมากเกินไป ต้องพร้อมรองรับเหตุการณ์ แล้วร่วมมือกันเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ เช่นที่หาดใหญ่ เมื่อเกิดเหตุประชาชนช่วยสอดส่องดูแลอย่างใกล้ชิด เหตุร้ายไม่ได้เกิดขึ้นแต่ในประเทศไทย มันเกิดขึ้นทั้งโลกอันเกิดจากความขัดแย้งของมนุษย"


 


ทรท.ย้ำอย่าโยงการเมืองขั้วอำนาจเก่า


ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีระเบิด เป็นสถานการณ์ที่น่าห่วงใย เพราะกทม.ห่างไกลจาก 3 จว.ใต้ แต่กลับมาเกิดเหตุเช่นนี้ ที่ถือว่ามีผลกระทบต่อจิตใจ ของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเฉลิมฉลอง ปี ใหม่ เท่าที่ดูสถานการณ์วันนี้เห็นได้ชัดว่ามีการจงใจจะก่อวินาศกรรม ซึ่งเป็นการกระทำที่น่าต้องประณาม


 



ส่วนกรณีที่ มีรายงานว่า ทาง คมช.ได้วิเคราะห์และประเมินว่า การดำเนินการว่างระเบิดในพื้นที่ กทม.หลายจุดพร้อมกันในครั้งนี้ เป็นผีมือของขั้วอำนาจการเมืองเก่า นายจตุพร บอกว่า คมช.สรุปเร็วเกินไป และขอเรียกร้องว่า คมช.อย่าเพิ่งร้อนรนกับเหตุการณ์ สิ่งที่ควรทำวันนี้คือ รีบสืบสวนหาสาเหตุและป้องกันไม่ให้ประชาชนบาดเจ็บ และได้รับความเดือดร้อน จากการกระทำที่โหดเหี้ยมนี้และไม่ควรเหวี่ยงแห ตั้งโจทย์กล่าวโทษใครก่อนที่ผลสรุปจะออกมา โดยเฉพาะการพยายามกล่าวโทษมาให้ฝ่ายรัฐบาลชุดที่แล้ว



 


"ผมเรียกร้องให้ทาง คมช. รีบหาข้อเท็จจริง ก่อนที่จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดแพร่หลาย ผมมองว่า การดำเนินการรอบวางระเบิดในกทม.ทั้งนี้ สามารถมองได้หลายมุม ไม่เพียงในแง่มุมที่จะเกิดสาเหตุจากการเมือง หรือการลองดีกับ คมช. มีปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการขยายผลจาก 3 จว.ใต้ หรือการสร้างสถานการณ์ เพื่อสร้างความปั่น ป่วนให้กับบ้านเมือง" เขาระบุ


 



แหล่งข่าวทำเนียบโยงคนมีสีกลุ่มอำนาจเก่า


ในขณะที่แหล่งข่าวจากหน่วยข่าวความมั่นคงประจำทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยถึงสถานการณ์ระเบิดทั่วเมืองพร้อมกันว่า ทางหน่วยข่าวได้รับทราบข่าวล่วงหน้ามาแล้วว่าจะมีการก่อเหตุระเบิดขึ้นในช่วงสิ้นปี และนี่จึงเป็นเหตุผลที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะไม่ไปไหนในช่วงเทศกาลปีใหม่เพื่ออยู่โยงเผื่อมีสถานการณ์เกิดขึ้น


 



อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเผยว่า ความผิดพลาดในการประเมินสถานการณ์ส่วนหนึ่งเกิดจากความประมาท และไม่คาดคิดว่าจะมีคนกล้าก่อเหตุระเบิดกลางกรุงขึ้นจริง โดยก่อนหน้านี้หน่วยข่าวได้เคยประสานในเรื่องการตรวจตรารักษาความปลอดภัยแต่เนิ่นๆ แต่กลับไม่มีความกระตือรือร้นของเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการเตรียมการใด ถ้าเปรียบเทียบกับปีก่อน พอวันที่ 31 ธันวาคม ถังขยะทุกใบในเขตกทม.จะต้องถูกเก็บเรียบร้อยจนหมด แต่ปีนี้ไม่มีใครทำอะไรเลย


 



"เครือข่ายอำนาจเก่าได้ชะลองานตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมแล้ว ทั้งๆที่ถ้าเป็นสมัยรัฐบาลที่แล้ววันที่ 15 จะต้องมีการประชุมเตรียมเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภันยหมดแล้ว ยืนยันได้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แน่นอน แต่ได้มีความพยายามขว้างระเบิดที่ป้อมตำรวจบ้าง ก็เพื่ออำพรางคดี เชื่อได้ว่าสถานการณ์ระเบิดจะเกิดต่อเนื่องไป 3 วัน 3 คืนนับจากนี้ตามที่กลุ่มผู้ก่อการได้วางแผนเอาไว้"แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่างานนี้ชัดเจนว่าเป็นฝีมือของกลุ่มอำนาจเก่าที่มีคนมีสีระดับบิ๊กร่วมขบวนอยู่ด้วย


  


แม่ทัพภาคที่ 2 สั่งคุมเข้ม19จังหวัด


พล.ท.สุเจตน์ วัฒนสุข แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุระเบิดในกรุงเทพพร้อมกันหลายจุด ได้สั่งการไปตามพื้นที่ต่างๆ โดยประสานไปยังตำรวจภูธรภาค 3 และ 4 ให้จัดกำลังลงจุดสำคัญใน 19 จังหวัด เพื่อดูแลความปลอดภัย โดยเฉพาะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลงานกาชาดที่นครราชสีมาเป็นการด่วน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถปฏิบัติงานได้ภายใน 15 นาที เนื่องจากมีแผนในการดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว เชื่อว่ากองทัพภาคที่ 2 สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีการยกเลิกจัดงานเคาท์ดาวน์ใน 19 จังหวัด สามารถดูแลความสงบได้


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดใน กทม. มีกระแสข่าวว่ากำลังทหารส่วนหนึ่งได้เคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพราะเกรงว่าอาจเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย กทม.


 


 


 


 


-------------------------------------------         


 


ที่มา: เว็บไซต์คมชัดลึก , เว็บไซต์ศูนย์ข่าวแปซิฟิก , เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net