ประชาไท21 ก.พ. 2549 เครือข่ายธุรกิจเพื่อปฏิรูปการเมือง เปิดเวทีเสวนา เรื่อง "สายสน กลโกง ใยโยงชินคอร์ป" ขึ้นวานนี้ (20 ก.พ.) ตระกูล ณ ร้านไทสบาย ในปั๊มนำมันบางจาก สาขาศูนย์วัฒนธรรม โดยมีนายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นาย
กรณ์ระบุ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องปิดทุกเส้นทางตรวจสอบ
นายกรณ์ จาติกวณิช กล่าวว่าปัญหากรณีการโอนขายหุ้นของบริษัทแอมเพิลริช และบริษัทวิน มาร์ก นั้นเป็นปัญหาที่สื่อสารต่อประชาชนวงกว้างได้ยาก เพราะเป็นปัญหาเทคนิคเกี่ยวกับหุ้น แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าสุดท้ายแล้วด้วยปัญหาเชิงเทคนิคนี้เองอาจจะเป็นสิ่งที่หยุดนายกฯ ได้
โดยนายกรณ์ กล่าวถึงภาพยนตร์เรื่อง The untouchable ซึ่งตำรวจกลุ่มเล็กๆ พยายามไล่จับแก๊งอัลคาโปนซึ่งค้าสุราผิดกฎหมาย และเป็นอันธพาล แต่สุดท้ายก็เอาเข้าคุกได้ในข้อหาหนีภาษี
อย่างไรก็ตามนายกรณ์ระบุว่า แม้เรื่องเทคนิคการซุกหุ้น จะเป็นทางที่หยุดนายกฯ ได้ แต่เส้นทางการหยุดนายกฯ ทักษิณนั้นไม่ง่าย เพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (กลต.) กระทรวงพาณิชย์ ศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)โดยหน่วยงานเหล่านี้ไม่รับลูกไปดำเนินการต่อ และไม่แสดงออกในทางที่จะค้นหาความจริงเกี่ยวกับกรณีการโอนขายหุ้นของบริษัทแอมเพิลริชที่ผ่านมา ด้านคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง
รสนาประณาม ระบบราชการ กลายเป็น "ข้าชินการ" เลี้ยงเสียข้าวสุก
นางรสนากล่าวว่าโครงสร้างประชาธิปไตยนั้นเป็นโครงสร้างส่วนบน แต่โครงสร้างพื้นฐานนั้นคือเรื่องเศรษฐกิจแต่ถ้าขาดประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจเสียแล้วก็อย่าหวังว่าการเมืองจะเป็นประชาธิปไตย
นาง
นางรสนาได้ยกตัวอย่างกรณีที่ตนไปตรวจสอบที่ทำการของบริษัท ไทยเอวิเอชัน ที่ถือหุ้นบริษัทไทยแอร์เอเชียกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ พบว่าบริษัทดังกล่าวเป็นเพียงห้องสำนักงานรกร้าง แต่กลับได้รับจดทะเบียนเสร็จเรียบร้อยภายใน 1 วัน และเมื่อสอบถามไปยังกระทรวงพาณิชย์กลับได้รับคำตอบว่าไม่มีหน้าที่ตรวจสอบ เพราะกระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่ตรวจสอบตามเอกสารเท่านั้น ถ้าเอกสารถูกต้องก็ถือว่าใช้ได้
"ปัญหาเวลานี้คือหน่วยงานราชการของเราหลายแห่งไม่ได้ทำหน้าที่ให้คุ้มค่าเงินเดือน ต้องบอกว่าเลี้ยงเสียข้าวสุก ถ้าคุณทำงานกันอย่างนี้ ดิฉันคิดว่าในฐานะประชาชนก็ไม่อยากจ่ายเงินเดือนให้คุณอีกต่อไป"
นางรสนา ได้กล่าวถึงแนวทางที่ตนเองจะดำเนินการต่อไปคือ จะดำเนินการฟ้องร้องนายกฯ ทักษิณ ไปตามช่องทางที่กฎหมายบัญญัติไว้ทุกช่องทางที่มี เพื่อพิสูจน์ว่าระบบตรวจสอบใดบ้างที่ยังใช้การได้ โดยนางรสนากล่าวว่า กรณีที่เครือข่าย 30 องค์กรต้านคอร์รัปชั่นดำเนินการกรณีทุจริตจัดซื้อยาจนกระทั่งนาย
"เราจะดำเนินการฟ้องร้องไปเรื่อย ๆ ดูสิว่าระบบกฎหมายทั้งหลายยังทำงานอยู่ไหม ถ้ามันไม่ทำงานก็ควรจะไปพร้อมกับนายกฯ ทักษิณ ไม่ใช่เพียงแค่นายกฯ คนเดียว"
ยืนยัน ทักษิณไม่มีค่าพอที่จะให้คนไทยนองเลือด
โดยนางรสนากล่าวว่า ทางไปของนายกฯ ทักษิณ ควรไปด้วยช่องทางที่กฎหมายบัญญัติไว้ เพราะสังคมไทยควรจะเติบโตขึ้นจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา และประชาชนไทยควรจะใช้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ซึ่งร่วมกันร่างขึ้นเมื่อปี 2540 ให้เป็นประโยชน์บ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้บรรดาเนติบริกรใช้อยู่ฝ่ายเดียว
"ดิฉันคิดว่าสิ่งที่สำคัญคือไม่อยากเห็นการนองเลือดและสังคมควรจะเติบโตพอที่จะผลักดันเขาให้เขาไปตามทางที่เขามา เขามาช่องไหนก็ไปช่องนั้น สังคมไทยไม่ควรจะนองเลือดเพื่อคนๆ นี้ เขาไม่มีคุณค่าพอแก่การนองเลือดเพื่อจะให้เขาไป" นางรสนากล่าวในที่สุด
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)