เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอ.มท.) ได้จัดสัมมนาวิชาการเรื่อง "การปฏิรูปการเมืองภาคสอง" โดยมี ศ.ดร.อมร จันทรสมบูรณ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นองค์ปาฐก
ศ.ดร.
ภาพจากwww.manager.co.th
เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอ.มท.) ได้จัดสัมมนาวิชาการเรื่อง "การปฏิรูปการเมืองภาคสอง" โดยมี ศ.ดร.
"สังคมไทยตั้งแต่ปี 2475-2534 จะตอกย้ำอยู่เสมอว่าพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง ทำให้เราไม่สามารถใช้ทรัพยากรของเราได้ ระบบประชาธิปไตยไทยในช่วงต้นจึงเป็นการแย่งชิงผลประโยชน์ระหว่างนายทุนท้องถิ่นกับคณะทหาร
"ขณะที่ในปัจจุบัน สถาบันวุฒิสภานั้น ก็คือตัวแทนพรรคการเมืองที่ไม่ต้องแสดงตัว การเลือกตั้งครั้งหน้าคนดีจะได้เข้ามาน้อยมาก เพราะสภาพสังคมการเมืองไทยต้องใช้เงินและอิทธิพล เป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ของประเทศที่พัฒนาช้า และรัฐธรรมนูญแทนที่จะแก้ปัญหาสถาบันการเมืองกลับทำปัญหาให้ลึกลงไป คือการบังคับให้นักการเมืองต้องสังกัดพรรค โดยคิดว่าถ้าบังคับแล้วรัฐบาลจะเกิดความมั่นคง" โดยเขาเรียกร้องให้นักวิชาการร่วมกันออกแบบและสร้างรัฐบาลที่มีเสถียรภาพโดยไม่มีการบังคับสังกัดพรรค นอกจากนี้เขายังได้กล่าวต่อไปว่า
"เดิมทีเดียวรัฐสภากับรัฐบาลเป็นพวกเดียวกัน ถือเป็นจุดอ่อนอย่างยิ่ง แต่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ทำให้จุดอ่อนนี้มากยิ่งขึ้น ด้วยการบังคับให้ ส.ส.ต้องสังกัดพรรค ทั้งๆที่สภาพสังคมวิทยาการเมืองไทยนั้นยังอ่อนแอ มีการใช้เงิน ใช้อิทธิพล การบังคับสังกัดพรรคทำให้เกิดปรากฏการณ์ปัจจุบัน คือการโวยวายจากนายทุนท้องถิ่น และผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น เนื่องจากขณะนี้นายทุนผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นถูกทำลายมีนายทุนผู้มีอิทธิพลระดับชาติมาแทน"
"รัฐธรรมนูญคือระบบ นักการเมืองคือคน ดังนั้น ถ้าถามว่าระบบกับคนอะไรสำคัญกว่ากันนั้น ไม่ว่าจะตอบอย่างไรก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ เพราะมันขึ้นอยู่กับขั้นตอน คนที่ไม่ดีมีแนวโน้มแสวงหาประโยชน์ต้องเอาระบบไปคุม แต่ถามว่าใครเป็นคนสร้างระบบต้องเป็นคนที่ดีเสียสละไม่มองอำนาจของตัวเองขึ้นมาสร้างระบบควบคุมคนที่ไม่ดี และตนไม่เคยเชื่อว่าคนที่อยู่ในอำนาจและมีส่วนได้เสียจะแก้รัฐธรรมนูญได้
"บางคนที่สามารถจะรวบรวมมูลค่าได้ถึง 8 หมื่นล้าน ถ้าไม่ได้อำนาจผูกขาดจากบ้านเมืองไม่มีทางทำได้ สิ่งที่ได้มาจากอำนาจที่ผูกขาด ย้อนไปดูมือถือ 1 แท่ง ในอดีตมีราคากว่าแสนบาท ขณะที่โทรศัพท์มือถือในต่างประเทศราคาไม่กี่พันบาท ซึ่งปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะ String of Corruption (สตริง ออฟ คอร์รัปชัน) หรือเส้นสายแห่งการคอร์รัปชัน เป็นการผูกขาดแล้วแปรรูป (Privatization)" ดร.อมร กล่าว
ศ.ดร.
นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงการเคลื่อนไหวเพื่อถวายฎีกาของสนธิ ลิ้มทองกุลด้วยว่า "วิธีการนี้ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก เพราะพระองค์ท่านทำอะไรไม่ได้ ซึ่งต้องเรียกร้องให้ ส.ส.ถวายคืนพระราชอำนาจด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะแนวทางการปฏิรูปการเมืองต้องทำโดยถูกรัฐธรรมนูญ ซึ่งการที่ประชาชนจะเดินไปหาพระองค์ท่านถวายพระราชอำนาจถือว่าไม่ถูกรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าเป็นการเดินขบวนแล้วกดดันให้ ส.ส.แก้รัฐธรรมนูญ แล้วถวายพระราชอำนาจแก้รัฐธรรมนูญจึงถือว่าถูก
"แนวทางการปฎิรูปการเมืองรอบสองต้องทำ 2 แนวทาง คือ 1.ต้องอาศัยพระบารมีของ State Man และ 2.ราชประชาสมาศัย โดยประชาชนต้องมีบทบาทให้ชัดเจน (Referendum) แต่ปัญหาคือเวลาแก้รัฐธรรมนูญแล้วรูปร่างจะเป็นอย่างไร ต้องให้มีการคานอำนาจ ถ้าหากว่าเราต้องการให้มีการบริหารที่ประสิทธิภาพเราวางแนวทาง Strong Prime minister (ระบบนายกรัฐมนตรีเข้มแข็ง) แต่จะทำอย่างไรไม่ให้เข้มแข็งจนไปคุมสภา ส่วนองค์กรอิสระต่างๆ ถ้าการเมืองดีทุกอย่างถูกแก้หมด ผมไม่สนใจหากว่านายกรัฐมนตรีคนนี้จะกลับมาอีก แต่อย่าเอาพรรคการเมืองเป็นแกนคุมรัฐบาลและสภาเท่านั้น" ศ.อมร กล่าวสรุป
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)