ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2548 เวลา 19:10 น. ในกรณีศาลปกครองสั่งไม่รับฟ้องคดี สรรหา กสช.รอบสอง เหตุเพราะ "พิทยา ว่องกุล" ประธาน ครป. อดีตผู้สมัคร กสช.รอบแรก ไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายปกครอง ด้าน ครป. เตรียมหารือสู้คดี กสช.ต่อพร้อมจวก "สุรนันทน์" มีวาระซ่อนเร้น
ที่ศาลปกครอง ถ.สาทรใต้ วันที่ 12 ต.ค.48 ศาลปกครองกลาง โดยนาย
ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ถูกฟ้องที่ 1 ก็ไม่ได้ดำเนินการสรรหา กสช. ตามขั้นตอนการปฏิบัติราชการทางปกครอง โดยยังให้สิทธิการสมัครกับเฉพาะผู้สมัครเดิมทั้ง 103 รายเท่านั้น อันเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.องค์กรการจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2543 อย่างชัดเจน ที่ต้องการเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปที่มีคุณสมบัติครบถ้วนมีโอกาสสมัครเป็น กสช. ซึ่งการสรรหาครั้งใหม่พบผู้สมัครเดิมยืนยันสมัครใหม่เพียง 37 รายเท่านั้น ดังนั้น แสดงให้เห็นว่าผู้ถูกฟ้องที่ 1 ตัดโอกาสตัวเองที่จะพิจารณาตัวบุคคลใหม่ กรณีนี้จึงถือว่าเป็นการจงใจที่จะไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด อันเป็นการกระที่ขัดต่อประโยชน์สาธารณะอย่างชัดแจ้ง
ส่วนผู้ถูกฟ้องที่ 2-4 เป็นหน่วยธุรการและเป็นผู้รักษาการตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นฯ ที่จะดำเนินการสรรหาและคัดเลือก กสช.ให้ได้บุคคลที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมาย แต่หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดเคยมีคำพิพากษา กลับไม่เคยปรากฏว่าผู้ถูกฟ้องที่ 2-4 จะดำเนินการใดเพื่อตรวจสอบการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ถูกฟ้องที่ 1 ที่ยังปล่อยให้คณะกรรมการสรรหาฯ 2 คนที่มีสภาพร้ายแรงต่อความไม่เป็นกลางในการสรรหา ยังปฏิบัติหน้าที่ร่วมเป็นคณะกรรมการสรรหาฯ ชุดใหม่อยู่ต่อไป ดังนั้น แม้ว่าขณะนี้วุฒิสภาจะมีมติคัดเลือกผู้สมัคร 14 ให้เหลือ 7 คนเป็น กสช.ตามที่ผู้ถูกฟ้องที่ 1 เสนอมาแล้ว ก็ต้องถือว่าการกระทำดังกล่าวยังไม่มีผลและยังไม่สภาพใดๆ ตามกฎหมาย เพราะที่ผ่านมากระทำของผู้ถูกฟ้องที่ 1 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งผู้ฟ้องขอให้ศาลมีมติเพิกถอนคำสั่งประกาศของผู้ถูกฟ้องที่ 1 ที่เสนอรายชื่อบุคคล 14 คนให้วุฒิสภาเลือก 7 คนเป็น กสช. และให้ผู้ถูกฟ้องที่ 2-4 ออกคำสั่งหรือประกาศที่มีผลเป็นการเพิกถอน หรือทำให้สถานภาพของผู้ถูกฟ้องที่ 1 สิ้นสุดลง และให้มีคำสั่งดำเนินกระบวนการสรรหา กสช.ชุดใหม่
ทั้งนี้ ศาลปกครองตรวจพิจารณาคำฟ้อง ประกอบ พ.ร.บ.องค์กรการจัดสรรคลื่นฯ, พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 แล้วเห็นว่า ตามกฎหมายศาลปกครอง ม.42 ผู้ที่มีสิทธิยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้จะต้องเป็นผู้เดือดร้อนเสียหายจากการกระทำ หรือการงดเว้นการกระทำของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ข้อเท็จจริงปรากฎว่าผู้ฟ้องคดีไม่ได้ทำหนังสือขอเข้าสมัครในการสรรหา กสช.ครั้งใหม่ด้วย ดังนั้น ไม่ว่าคำสั่งของผู้ถูกฟ้องที่ 1 ที่เสนอผลการคัดเลือกบุคคลให้วุฒิสภามีมติเลือก กสช. 7 คนจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ก็จะไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ฟ้องคดีแต่อย่างใด ซึ่งการที่ผู้ฟ้องอ้างว่าไม่เข้าสมัครใหม่เพราะพบว่ากรรมการสรรหา ฯ บางคนไม่เป็นกลางนั้น ก็เป็นความเห็นของผู้ฟ้องเองที่ตัดสินใจยืนยันไม่ลงสมัคร ดังนั้นเมื่อผู้ฟ้องไม่ใช่ผู้ที่จะได้รับความเดือดร้อนเสียหายตามกฎหมายแล้ว จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ด้าน นาย
อย่างไรก็ตาม ครป.คงต้องเคารพคำพิพากษาศาลปกครอง แต่ ครป.ปรึกษากับทนายความเพื่อหาแนวทางต่อสู้คดีต่อไป ซึ่งคาดว่ามี 3 แนวทางด้วยกัน คือ 1.การยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งคำฟ้องดังกล่าวเป็นการฟ้องกระบวนการสรรหาทั้งระบบที่เป็นปัญหาไม่ใช่เจาะจงฟ้องผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งเมื่อระบบมิชอบก็ไม่มีหลักประกันว่าผลประโยชน์จากคลื่นวิทยุโทรทัศน์จะตกถึงมือประชาชนด้วยต้นไม้เป็นพิษก็จะออกลูกเป็นพิษอย่างที่คุณ
2.แนวทางที่จะหาผู้เสียหายคนอื่นมาฟ้องได้หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการทาบทามผู้เสียหายโดยตรงบางท่านที่เข้ารอบ 28 คนสุดท้ายไว้แล้ว แต่เนื่องจากทาง ครป.เกรงว่านายกฯจะแอบทูลเกล้าฯ ไปก่อน ซึ่งเป็นวิธีถนัดของเนติบริกรบางคน ดังนั้น ที่ผ่านมาจึงให้นายพิทยายื่นฟ้องคดีไปก่อนเพื่อให้นายกฯ ไตร่ตรองให้รอบคอบ และ 3.ครป.อาจจะตรียมรวบรวมหลักฐานข้อเท็จจริงทั้งหมดเพื่อยื่นถวายฎีกาไปยังสำนักราชเลขา สำนักพระราชวัง
อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวทางการต่อสู้ดังกล่าว ครป.จะประชุมปรึกษาหารือกันอีกครั้งเพื่อให้ได้ข้อสรุปภายในวันพรุ่งนี้
"ทุกอย่างยังไม่จบ เพราะยังมีอีก 2 คดีสำคัญที่ศาลพิจารณาอยู่จากกรณีที่คุณประมุท สูตะบุตร อดีตผู้สมัคร กทช.เคยยื่นฟ้องกรรมการสรรหา กทช. และสำนักปลัดสำนักนายกฯ ซึ่งศาลรับฟ้องไปก่อนหน้านี้แล้ว และอีกคดีล่าสุดที่คุณประมุทยื่นฟ้องประธานวุฒิสภาและวุฒิสภาเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา" เลขาธิการ ครป.กล่าว
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงกรณีที่นาย
"คนที่มีวาระซ่อนเร้นคือคุณสุรนันทน์นั่นแหละไม่ใช่ใคร คอยดู ทันทีที่มีการตั้ง กสช.เป็นทางการ เชื่อว่ารัฐบาลจะยืมมือ กสช.หาประโยชน์แน่นอน เริ่มต้นคือการจัดระเบียบวิทยุชุมชนแบบเลือกปฏิบัติ รวมทั้งการแอบเอื้อใบอนุญาตประกอบกิจการวิทยุโทรทัศน์ให้กับพวกพ้อง ซึ่งตอนนี้มีบรรดานายทุนบริวารของรัฐบาลเตรียมประกาศตั้งสถานีโทรทัศน์รอแล้ว คุณสุรนันทน์ก็น่าจะรู้ดี ซึ่งสังคมต้องจับตาอย่างใกล้ชิดต่อไป" เลขาธิการ ครป. กล่าว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)