วันที่ 24 กันยายน 2548 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "นายกฯทักษิณคุยกับประชาชน" ทางสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ ประกาศว่า จะลงมากำกับดูแลการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปด้วยความเด็ดขาด และเป็นธรรมตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากเกิดความผิดพลาดจะขอรับผิดชอบเอง อย่าวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาภาคใต้มากนัก เพราะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบาก

"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บ้านตันหยงลิมอ ทำให้ต้องแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเด็ดขาด ผมจะลงมากำกับทุกด้าน ขอประกาศว่า ต่อไปถ้ามีอะไรผมจะรับผิดชอบเอง ถ้าทำไม่ดี 3 ปีข้างหน้า ก็ไม่ต้องเลือกกลับเข้ามาอีก หรือถ้าผมทำผิดกฎหมายให้ดำเนินคดีได้เลย การทำร้ายทหารนาวิกโยธินจนเสียชีวิต 2 รายที่บ้านตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2548 เป็นการกระทำของโจร ที่มีสันดานอำมหิตเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน มีการทรมานกว่า 10 ชั่วโมง" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอร้องคนกรุงเทพฯ หรือนักวิจารณ์ทั้งหลาย ที่อยู่ห่างไกลเหตุการณ์หยุดพ่นน้ำลาย เพราะจะทำให้สถานการณ์ยุ่งยาก ต่างประเทศเวลาประกาศภาวะฉุกเฉิน จะให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทำงานเต็มที่ ยิงทุกคนที่ต้องสงสัย แต่ของเราพูดเป็นแผ่นเสียงตกร่องจนเจ้าหน้าที่ทำงานลำบาก โจรพวกนี้ ไม่เคยสำนึกบุญคุณแผ่นดิน ตนไม่ยอมให้เกิดเขตปลดปล่อย จะเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด ถ้าผู้บังคับบัญชาอ่อนแอ ตนจะเข้าไป ใครไม่ดีเอาออกมา อย่าสร้างปัญหากับประชาชน บอกมาว่าที่ไหนเป็นเขตปลดปล่อย ตนจะเข้าไปสลาย

พ.ต.ท.ทักษิณ ย้ำว่า จะแยกแยะประชาชนผู้บริสุทธิ์ออกมา ส่วนโจรก่อการร้ายจะต้องมีการไล่ล่า นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถ้าต่อสู้ก็ต้องใช้อาวุธ ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำให้เต็มที่ พร้อมทั้งระบุว่าในวันที่ 1 ตุลาคม 2548 จะเรียกประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพและแม่ทัพ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อกำหนดนโยบายและการทำงาน หรือการบังคับใช้กฎหมายให้ชัดเจนอีกครั้ง เนื่องจากเวลานี้เจ้าหน้าที่ยังลังเลหรือเก้ๆ กังๆ ในการทำงาน

พ.ต.ท.ทักษิณ เปิดเผยว่า ในเดือนตุลาคม 2548 จะนำบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดมาใช้กับประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะให้เลือกถือเพียงสัญชาติเดียว ถ้าใครไม่อยากเป็นคนไทยให้บอกมา ทุกคนต้องเลือกสัญชาติเดียวเท่านั้น

วันเดียวกัน พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยืนยันว่า หลังเกิดเหตุผู้ก่อความไม่สงบทำร้ายทหารนาวิกโยธิน ที่หมู่บ้านตันหยงติมอ อำเภอระแงะ ต้องปรับการทำงานทุกด้าน โดยจะใช้การข่าวนำและใช้ยุทธการสอดรับอย่างเต็มที่ สำหรับนายสินชัย สาและ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านตันหยงลิมอ และนายอนุวัฒน์ ซาอิ ที่ถูกจับกุม เป็นคนที่ทางการติดตามมาตลอด ไม่ใช่แพะแน่นอน ส่วนผู้ที่ออกหมายจับอีก 11 คน กำลังไล่ล่าตัวอยู่ มีการสกัดกั้นตามแนวชายแดนทุกช่องทาง หากอยู่นอกประเทศ จะประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน

"คนพวกนี้ไม่สมควรอยู่บนแผ่นดินไทย หากทำได้ขนาดนี้ ไม่ใช่คนไทยแล้ว ถ้าอยากไปก็ไปเลย การใช้กฎหมายธรรมดา ไม่เหมาะกับคนเหล่านี้ เพราะหากเป็นต่างประเทศ เขาจับตายไปหมดแล้ว แต่ประเทศไทยยังแค่ออกกฎหมายธรรมดาอยู่ พวกนี้ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติดด้วย" พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าว

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวด้วยว่า ขอให้ประชาชนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าใจ และเห็นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ อยากให้เป็นกำลังใจ เพราะหากคนไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน เรื่องทุกอย่างจะจบลงเร็วขึ้น