Skip to main content
sharethis

ภาพจาก home.comcast.net
---------------------------------------------------

ผู้หญิงยุคใหม่เก่งกาจสารพัด ทั้งเรื่องนอกบ้านในบ้าน ชีวิตแต่ละวันมีแต่ความรีบเร่ง เดี๋ยวนัดประชุมที่นั่น เดี๋ยวต้องไปตามงานที่นี่แล้วก็ต้องไปรับลูกกลับจากโรงเรียน แล้วก็ไปทำกับข้าว งานบ้านก็ต้องทำ แต่ไม่เป็นไรหญิงเหล็กเสียอย่างอะไรๆก็รับไหว แล้วใครๆก็เรียกฉันว่า "ซูเปอร์
วูแมน" อยู่แล้ว แต่อย่าชะล่าใจคุณรู้หรือไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับคุณบ้าง

คุณผู้หญิงเก่งทั้งหลายเคยเกิดอาการนี้กันบ้างหรือเปล่า อ่อนล้าอย่างต่อเนื่อง อารมณ์แปรปรวนบ่อยๆ นอนน้อย มีปัญหาในการควบคุมน้ำหนัก และความต้องการทางเพศลดลง ถ้าเป็นอย่างนี้ก็แปลว่าคุณกำลังเป็นโรคผู้หญิงรีบเร่ง ( Hurried Woman Syndrome- HWS) หรือเป็นโรคซูเปอร์ วูแมนเข้าให้แล้ว และว่ากันว่าผู้หญิงในเมืองใหญ่เป็นโรคนี้มากขึ้นทุกวันๆ และแม้ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็รู้ว่าเธอรีบเร่งอยู่บ่อยๆแต่ก็ไม่เคยรู้เลยว่าอาการ HWS นี่เข้าไปทำอะไรกับร่างกายและจิตใจของเธอบ้าง

ดร.เบร็นท์ บอสต์ สูติ-นรีแพทย์ จากสหรัฐเอเมริกา ผู้เขียน เรื่อง โรคผู้หญิงรีบเร่ง บอกว่า โรคนี้มักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงวัย 25 - 55 ปี ( โดยปกติแล้วมักมีลูก 1 หรือ 2 คน) และพยายามที่จะจัดสรรเวลาทำงานให้ลงตัวกับความต้องการของชีวิตครอบครัว ประเภทชีวิตการงานก็ดี ชีวิตการเรือนก็ไม่บกพร่องอย่างนั้นแหละ

ดร.บอสต์บอกว่าขณะนี้มีผู้หญิงอเมริกากว่า 30 ล้านคนที่กำลังเผชิญกับโรคนี้อยู่ เข้าใจว่าผู้หญิงในเมืองใหญ่ในประเทศอื่นๆก็คงไม่ต่างกันนักอย่างผู้หญิงในอินเดียก็เช่นกันมีอยู่ไม่น้อยที่กำลังเผชิญความกดดันกับความรับผิดชอบทั้งเรื่องที่ทำงานและที่บ้านอยู่

"มีระดับความกังวลและความเครียดสูง มีความกดดันเล็กๆ ระบบการย่อยอาหารผิดปกติ แรงขับทางเพศลดลง น้ำหนักเพิ่มอย่างผิดปกติและความภูมิใจในตนเองลดลง อาการเหล่านี้และที่จะชี้ให้เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติขึ้นแล้ว" ดร.แมนจู เมห์ตา ศาสตราจารย์ทางด้านจิตวิทยาคลินิก จากอินเดียให้คำอธิบายว่าจะตรวจสอบโรค HWS ได้อย่างไร

ต้นเหตุของโรคนี้จริงๆก็คือความเครียดเรื้อรัง "มีความเครียดหลายๆอย่างและแต่ละคนก็มีความ เครียดที่ต่างกัน บางครั้งความเครียดก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ในกรณีของผู้หญิงส่วนใหญ่ความเครียดหลายๆอย่างก็เลี่ยงได้หรือจัดการให้ดีขึ้นได้"

นายแพทย์อาวเดช ชาร์มา ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพจิตพาริวารตัน จากนิว เดลี ความเครียดที่หลีก เลี่ยงได้ก็คือ ความเครียดที่มักมาเวลาที่ยุ่งๆ ตารางการทำงานที่รีบเร่งและจากรูปแบบการใช้ชีวิต (lifestyle) ที่คนได้เลือกเอง

ขณะเดียวกันดร.เมห์ทาก็เสริมว่า ความเครียดที่เกิดขึ้นนานๆใน "ผู้หญิงรีบเร่ง" โดยทั่วไปนั้นจะสามารถทำให้เกิดความไม่สมดุลของเคมีในระบบ เซโรโทนิน- โดพาไมน์ ของสมองได้ด้วย แล้วการที่เคมีไม่สมดุลนี้ก็จะทำให้ อ่อนเพลีย และเริ่มมีวงจรที่ชั่วร้าย กล่าวคือ ยิ่งเพลียมากน้ำหนักก็ยิ่งเพิ่มซึ่งส่งผลให้เกิดความเหนื่อยซึ่งส่งผลให้ความต้องการทางเพศลดลง ความภูมิใจในตัวเองลดลงด้วยความรู้สึกผิดที่มากขึ้นและวงจรนี้ก็วนเวียนอยู่อย่างนี้

"สภาพเช่นนี้เรียกว่าเป็น "ภาวะก่อนซึมเศร้า" เพราะว่าอาการนี้คล้ายๆกับอาการ ซึมเศร้าเพียงเบากว่าเล็กน้อยเท่านั้น"

บรรดาคุณหมอทั้งหลายบอกว่า ไม่ใช่เรื่องดีต่อสุขภาพเลยสำหรับคนที่ต้องยอมรับกับภาวะความยุ่ง ความเครียดในชีวิต โดยไม่ได้ทำอะไรกับมัน เพราะว่า จริงๆแล้วไอ้โรค HWS นี้ สร้างปัญหาต่างๆอีกมากมาย

"ถ้าคุณอยู่กับความรีบเร่งตลอดตลอดกาล คุณอาจละเลยอาการเครียดทั้งหมด ความเครียดเหล่านี้สามารถทำลายหัวใจ สร้างปัญหาความดันโลหิต และโรคอื่นๆที่วัยซ้อนอีกนานาชนิด จริงๆแล้ว ปัญหาความเครียดนั้นนับเป็นอย่างน้อย 1 ใน 3 ของปัญหาทางการแพทย์ทั้งหมด และ 1 ใน 3 ของโรคอื่นๆก็รักษาได้โดยการควบคุมความเครียด และโรคนี้ก็เกิดขึ้นในผู้หญิงมากกว่า ผู้หญิงเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่า" ดร.ชาร์มาบอกว่าอย่างนั้น

ถึงแม้ว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนอาจช่วยป้องกันผู้หญิงจากโรคหัวใจในช่วงวัยหมดประจำเดือน แต่ว่าจากการศึกษาพบว่าความเครียดนั้นได้ขจัดการป้องกันนั้นออกไป

จากการศึกษาของศูนย์แพทย์ศาสตร์ แบบติสท์ มหาวิทยาลัยเวค ฟอร์เรส พบว่า สิ่งใดก็ตามที่ทำให้เอสโตรเจนลดลง จะทำให้ผู้หญิงเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคหัวใจ และความเครียดก็เป็นตัวการใหญ่ด้วย

แล้วคราวนี้คนเราจะป้องกันการไม่ให้ HWS นี่พัฒนาไปสู่โรคซึมเศร้า หรือไปทำลายสุขภาพอย่างหนักได้อย่างไร

ดร. ชาร์มา ก็แนะนำว่า หากผู้หญิงคนใดพบว่ามีอาการ HWS ปรากฏขึ้นแล้วก็ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อจะตรวจเช็คร่างกายทั้งหมด " แต่ว่า ผู้หญิงคนนั้นๆก็จะต้องสำรวจรูปแบบการใช้ชีวิตของตัวเองด้วยนะ"

ดร.ชาร์มา กล่าวว่าผู้หญิงนั้นเก่งในเรื่องของการทำงานได้หลายๆอย่างในเวลาเดียวกันโดยที่ไม่เคยตระหนักเลยว่าการทำอย่างนี้เป็นการทำลายตัวเอง สิ่งที่เขาแนะนำคนไข้ของเขาอยู่เสมอก็คือ "เลิกทำตัวเป็น ซูเปอร์วูแมน" " เลิกใช้เกียร์สูง วิ่งสปีดต่ำๆ บ้างก็ได้ ให้ยอมรับขีดจำกัดที่มีอยู่"

นอกจากนี้เขายังบอกอีกด้วยว่าผู้หญิงควรเรียนรู้ที่จะพูดคำว่า "ไม่" เสียบ้าง "บอกสามีว่าเขาควรจะช่วยล้างจานบ้าง อย่าทำอะไรในระหว่างที่คุณกำลังพักดื่ม ชากาแฟ ( coffee break) ออกกำลังกายบ้างเล็กน้อยและเลิกลดน้ำหนักแบบบ้าระห่ำ" นี่คือสิ่งที่เขาบอกคนไข้

มีผู้หญิงจำนวนหนึ่งก็ได้เริ่มทำทั้งหมดนี้แล้วอย่างเช่น ซูมิโกะ มูร์ไก นันทะ ช่างภาพแฟชั่น กล่าวว่า " ฉันมีลูกสองคน งานที่เร่งรีบล้วนติดอยู่ในตารางเวลา ขอบคุณจริงๆ ที่ฉันคิดได้ก่อนว่า ถ้าฉันไม่ดูแลตัวเอง ฉันอาจจะต้องแตกสลายลงไปก็ได้ ดังนั้นฉันจึงมีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมากที่จะป้องกัน "เวลาของการได้อยู่ตามลำพัง" และไม่มีการเปลี่ยนแปลงตารางเวลาที่เรียกว่า " กิจกรรมของฉันเพียงคนเดียว" ในทุกๆวัน

โดยปกติแล้วฉันชอบที่จะออกกำลังกายเพียงลำพัง แต่ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ฉันก็เพียงแค่ปิดประตูห้องและฟังเพลง หรือไม่ก็อ่านหนังสือดีๆสักครู่หนึ่ง แม้แต่ลูกๆก็ห้ามเข้ามารบกวนในช่วงที่ฉันกำลังชาร์ตแบตฯให้ตัวเองอยู่"

อย่างไรก็ตาม การหลีกเลี่ยงโรค HWS ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำให้คุณต้องสูญเสียความทะเยอทะยานในชีวิตไปหรอกนะ นายแพทย์มาห์ทากล่าวว่า ผู้หญิงทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้ใช้ความสามารถของตนเองที่มีอยู่อย่างเต็มที่เพื่อก้าวไปให้ถึงดวงดาว

" ก็โอเค ที่จะตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะเป็น ซูเปอร์ วูแมน แต่ก็ควรจะหลังจากที่ได้ทำตัวเองให้มีทักษะต่างๆที่จำเป็นได้แล้ว อย่างเช่น การบริหารจัดการเวลา การบริหารจัดการความกังวล และความสามารถที่จะจัดแบ่งชีวิตของตัวเองได้ ที่สำคัญผู้หญิงจะต้องไม่ลืมว่า การมีความเป็นอยู่ที่ดีหรือความสุขของตนเองนั้นจะต้องอยู่ในรายการที่อยู่ลำดับต้นไม่ใช่ในรายการลำดับสุดท้าย"

เรียบเรียงจาก:woman feature service
mid-day.com

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net