เอเอฟพี/ประชาไท- สิงค์โปร์ธุรกิจสีชมพูและภาพลักษณ์ในฐานะประเทศที่ยอมรับความหลากหลายทางเพศเมื่อตำรวจห้ามการจัดงานปาร์ตี้เกย์นานาชาติซึ่งตรงกับงานเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีแห่งอิสรภาพในเดือนสิงหาคมนี้

การจัดงานปาร์ตี้เกย์-เลสเบียนหรือกลุ่มความหลากหลายทางเพศที่ได้จัดขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ปี 2001 เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวันประกาศอิสรภาพของสิงคโปร์ในวันที่ 9 เดือนสิงหาคม ไม่สามารถดำเนินการได้อีกในปีนี้เมื่อตำรวจสิงคโปร์ได้ออกมาห้ามการจัดงานดังกล่าวโดยอ้างว่าขัดต่อศีลธรรม และ ผลประผลโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ ของประเทศ โดยการออกมาห้ามนั้นเกิดขึ้น ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาให้ความเห็นว่า การจัดงานปาร์ตี้ของชาวเกย์อาจมีส่วนทำให้การระบาดของเชื้อเอชไอวีเพิ่มมากขึ้น

"เรารู้สึกผิดหวังมากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดงานฉลองวันชาติโดยพลเมืองที่เป็นเกย์ของสิงคโปร์ว่าเป็น "การขัดกับผลประโยชน์ของประชาชาส่วนใหญ่ของประเทศ" ทั้งๆที่ 4 ปีที่ผ่านมาเคยมีการอนุมัติให้จัดได้แล้วก็ไม่เคยมีปัญหาใดๆเกิดขึ้น" สจ๊วต โก๊ะ ผู้บริหาร fridae.com ซึ่งเป็นองค์กรหลักในการจัดงานดังกล่าว "แล้วคำสั่งนี้ก็ขัดแย้งกับสิ่งที่เคยเป็นมาที่มีการเรียกร้องให้ยอมรับในเรื่องของความหลากหลายทางเพศ"

การเลือกปฎิบัติทางเพศในสิงคโปร์เริ่มหายไปใน ภายหลังจาก นายโก๊ะ จก ตง นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ในขณะนั้นได้ออกมากล่าวในเดือนกรกฎาคม 2003 ว่า อนุญาตให้กลุ่มเกย์เข้ารับราชการได้โดยเน้นว่า "เขาก็เหมือนผม เหมือนคุณนั่นแหละ"

จากคำกล่าวที่เปิดทางเช่นนั้นของโก๊ะ ทำให้กลุ่มเกย์เข้มแข็งขึ้น รวมทั้งธุรกิจของกลุ่มนี้ก็ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มนี้ก็มีมากขึ้น ทำรายได้มากขึ้น ซึ่งรายได้ที่มากจากลุ่มนี้เรียว่า "ดอลลาร์ สีชมพู" ซึ่งรวมทั้งรายได้มีมาจากกลุ่มเกย์จากเอเชียด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อโก๊ะ จก ตง ก้าวลงจากตำแหน่ง และลี เซียน หลุงได้ขึ้มาดำรงตำแหน่งแทนนั้น เขาก็ประกาศว่าจะมีการจำกัดบทบาทว่า เกย์จะสามารถทำอะไรได้บ้างในที่สาธารณะ

การห้ามการจัดงานดังกล่าวส่งผลให้ทางกลุ่มผู้จัดงานย้ายมาจัดที่หาดกะรนในจังกวัดภูเก็ตในเดือนพฤศจิกายนคม ศกนี้

อเล็กซ์ อู่ ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มรณรงค์เพื่อสิทธิของกลุ่มความหลากหลายทางเพศชื่อ People Like Usได้ให้ความเห็นว่า " หากรัฐบาลบาลคิดว่าการจัดงานจะเป็นการแพร่ระบาดของเอดส์ในสิงคโปร์ แต่ในที่สุดเราก็มาจัดงานที่ภูเก็ต และก็เชื่อว่าคนในสิงคโปร์เองก็จะบินมาที่นี่ได้เพราะว่า ตอนนี้ก็มีสายการบินที่ราคาถูกและที่พักที่ภูเก็ตถูกลงหลังจากเหตุการณ์ณ์สึนามี แล้วอย่างนี้จะไม่ยิ่งเสี่ยงกว่าหรอกหรือ เพราะเขาได้ออกมาอยู่นอกจากกฎหรือการควบคุมของสิงคโปร์"

อย่างไรก็ตาม การห้ามการจัดงานในครั้งนี้ ไม่เพียงเพราะเหตุว่าการระบาดของโรคเอดส์เท่านั้น แต่เป็นเพราะเหตุผลทางด้านการเมือง ศีลธรรมและวัฒนธรรมด้วย เพราะสิงคโปร์นั้นนั้นแม้ว่าจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รุดหน้าไปอย่างรวดเร็วหรือมีความก้าวหน้ามาก แต่ประชาชนส่วนใหญ่นั้นยังเรียกได้ว่าเป็นพวกหัวเก่าอยู่

มาร์ค เซไนต์ แห่งภาควิชาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี สิงคโปร์กล่าว่า รัฐบาลได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนและพบว่าคนส่วนใหญ่ในสิงคโปร์นั้นยังมีทัศนคติในทางลบต่อเกย์และเลสเบียนอยู่

จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 1 พันคนในสิงคโปร์ พบว่ามีผู้ตอบถึงร้อยละ 68.6 ที่มีทัศนคติในทางลบต่อเกย์และเลสเบียน ร้อยละ 22.9 มีทัศนคติทางบวก ส่วนที่เหลือร้อยละ 8.5 รู้สึกเฉยๆ