Skip to main content
sharethis


วิทยากร บุญเรือง


 


 



พิธีสู่ขวัญตามประเพณีของชาวลั๊วะที่จัดให้กับลูกหลานกลุ่มนักศึกษาโปรแกรมวิชาเอกชาติพันธุ์ศึกษาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ประจำปีการศึกษา 2549 ศูนย์ชาติพันธุ์ศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย ณ อนุสรณ์สถานภูพยัคฆ์ จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2550


 


..หลายเดือนมาแล้วที่ผมได้รู้จักกับเด็กกลุ่มหนึ่ง และไปมีความสัมพันธ์แบบ "ผู้สื่อข่าวกับผู้ที่ตกเป็นข่าว" ได้ตามตะลอนๆ ทำข่าวกับเด็กกลุ่มนี้อยู่ช่วงหนึ่ง


 


นั่นคือ กรณีที่นักศึกษาโปรแกรมวิชาเอกชาติพันธุ์ศึกษาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ประจำปีการศึกษา 2549 ศูนย์ชาติพันธุ์ศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย (มรภ.เชียงราย) จำนวน 15 คนได้ออกมาเรียกร้องให้สังคมตรวจสอบพฤติกรรมของนายสมบัติ บุญคำเยือง ผอ.ศูนย์ชาติพันธุ์ศึกษา มรภ.เชียงราย ที่ได้หลอกลวงเด็กชนเผ่า อาทิ ลั๊วะ ลาหู่ ลีซู ดาราอั๊ง และปากะญอ จากหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ โดยแจ้งแก่เด็กและผู้ปกครองว่าทางศูนย์ฯ จะมีทุนการศึกษา ที่พักให้ฟรี โดยที่เด็กที่มาเรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น


 


แน่นอนว่าตามข่าวที่ปรากฏออกมานั้นนักศึกษาเหล่านั้นส่วนใหญ่ค่อนข้างมีฐานะยากจน แต่หลังจากที่ได้ไปคลุกคลีกับเด็กเหล่านี้ พบว่าปัญหามันไม่ใช่เด็กอยากเรียนฟรีเที่ยวขอความอนุเคราะห์กับสังคมแต่อย่างใด เพราะหลายคนก่อนที่จะเข้ามาศึกษาในที่แห่งนี้ก็ได้ตระเตรียมทางออกทางไปของชีวิตไว้พอสมควรแล้ว


 


แต่หลังจากที่นายสมบัติได้มาชักจูงให้พวกเขาแล้วต่างหากพวกเขาจึงมีความสนใจ ทั้งในเรื่องของการศึกษาที่เกี่ยวกับพวกเขาและชุมชนของพวกเขานั่นก็คือเรื่องเกี่ยวกับ "ชาติพันธุ์ศึกษา"  รวมถึงสวัสดิการต่างๆ ที่พวกเขาจะได้รับถ้าหากมาศึกษาในสถานที่ที่นายสมบัติรับผิดชอบอยู่


 


ปัญหาสำคัญมันคือพวกเขาเสียความรู้สึก ที่ผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ดูมีหน้ามีตาในสังคมกลับกระทำสิ่งที่พวกเขารับไม่ได้ นั่นคือการ "หลอกลวงคำโต" ที่ดูเหมือนเป็นการกระทำที่ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เหมือนกับว่าพวกเขาถูกเอาไปใช้เป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ เหมือนพวกเขาเป็นแค่สิ่งของอะไรบางอย่าง เท่านั้น


 


ดังนั้นเรื่องของการต่อสู้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์มันจึงเกิดขึ้น --- นับไปนับมาจนถึงวันนี้มันก็ล่วงเลยมาถึง 4 เดือนแล้ว!  


 


0 0 0


 


มาถึงวันนี้ ... ผมเห็นเด็กๆ ในเชียงใหม่เปิดเทอมไปเรียนตามปกติ เด็กหลากหลายจากทั่วสารทิศมุ่งหน้ามาที่ มช. , เข้าห้องเชียร์รับน้อง หรือเรียนต่อเนื่องขึ้นชั้นใหม่ที่สถาบันเดิม


 


บริเวณ หลัง มช. และ หน้า มช. นักศึกษาหนุ่มสาวเดินกรีดกรายหล่อสวยกันอย่างคึกคัก มันจึงทำให้ผมอดคิดถึงอดีตผู้ตกเป็นข่าวของผมไม่ได้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่  เพราะข่าวคราวของพวกเขาเงียบหายไปตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมแล้ว


 


และพอสืบเสาะได้ข่าวกระเซ็นกระสายมาว่า ขณะนี้เด็กเหล่านนั้นบางส่วนได้มาอยู่ที่เชียงใหม่ วันนี้ ( 20 มิ.ย. 50) จึงได้ไปเยี่ยมเยียนถามไถ่สารทุกข์สุกดิบจากเด็กๆ เหล่านั้น


 


วันนี้ผมพบเด็ก 7 คน จากเด็ก 15 คนในครั้งแรกเริ่มต่อสู้เมื่อ 4 เดือนที่แล้ว  เนื่องจากทางผู้ปกครองส่วนหนึ่งไม่อยากให้เด็กต้องเผชิญปัญหาที่หนักหน่วงแบบนี้ต่อไป รวมถึงบางคนที่ต้องเว้นวรรคทางการศึกษาเพื่อไปประกอบสัมมาอาชีพ ทำให้เด็กครึ่งหนึ่งต้องออกไปจากการรวมกลุ่มต่อสู้


 


แต่ทั้งนี้พวกเขาก็ยังติดต่อกันอยู่ไม่ทิ้งเพื่อนทิ้งฝูงและพร้อมที่จะช่วยเพื่อนๆ ที่ยังยืนหยัดเป็นแนวหน้าในการต่อสู้ครั้งนี้


 


จากการพูดคุยในวันนี้พบว่าเด็กที่เหลือ 7 คนได้เลือกเรียนกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) เรียนทางไปรษณีย์ รวมถึงการเรียนหลักสูตรพิเศษ เช่น การเมืองการปกครอง , ภาษาอังกฤษ ฯลฯ จากการสนับสนุนของผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งที่ยังคอยช่วยเหลือเด็กเหล่านี้ เป็นผู้ใหญ่กลุ่มเล็กๆ ที่ยังไม่หนีหายไปไหน


 


ตอนนี้เด็กๆ ก็คงได้แต่รอคำตอบจากทั้งทาง กระทรวงศึกษาธิการ , คณะกรรมาการสิทธิฯ , และคณะกรรมาธิการเด็กและสตรีฯ ของ สนช. รวมถึงผลการสอบสวนของทั้งทางมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างเป็นทางการต่อสาธารณะชน


 


ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาจะได้เตรียมลู่ทางต่อไป ว่ามันจะจบยังไง --- แพ้? ชนะ? และอนาคตของชีวิตพวกเขา?


 


"ตอนนี้เรื่องเงียบหายไปเลย ทั้งทางราชภัฏฯ หรือหน่วยงานที่บอกว่าจะช่วยเหลือ  ตอนนี้เปิดเทอมกันแล้ว เงินทองสำรองที่มีผู้ช่วยเหลือและเงินส่วนตัวของผู้ปกครอง คงจะทำให้เรียนไปได้อีกหนึ่งเทอมเท่านั้น (เรียน มสธ.) แต่ความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ที่สัญญาไว้ นอกจากทำวิจัยระยะสั้นแล้ว เรื่องค่าเทอมต่างๆ ยังไม่เห็นมีมา "


 


"เราได้รับอนุเคราะห์ให้เป็นผู้ช่วยนักวิจัยตามที่ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งได้ช่วยเหลือและรับปาก  แต่ผู้ใหญ่อีกหลายๆ คนที่บอกว่าจะมาดูเรื่องปัญหานี้ก็เงียบหายไป"


 


ใช่! ตอนที่เรื่องนี้มันแดงใหม่ๆ เมื่อกลับไปดูในเนื้อข่าว เราเห็นแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ออกมาเห็นใจเด็กและทำทีท่าว่าจะช่วยเหลือ --- แต่ตอนนี้พวกเขาไปอยู่ที่ไหนเสีย?


 


0 0 0


 


..ขณะที่เด็กๆส่วนใหญ่ของประเทศกำลังเปิดเทอมใหม่ แต่อดีตนักศึกษาชาติพันธุ์ศึกษาฯ มรภ.เชียงราย เผชิญชะตากรรมที่แตกต่างจากเด็กเหล่านั้น หลายคนออกไปเข้าเรียนตามระบบในสถาบันแห่งใหม่ , หลายคนเลือกเรียนการศึกษาทางเลือก (มสธ.) บางคนออกไปทำงานเลี้ยงชีพและครอบครัว


 


แน่นอนว่าข้อเขียนชิ้นนี้คือการฟื้นฝอยหาตะเข็บอย่างที่ไม่ต้องสงสัย --- มันเป็นเพียงความพยายามเล็กๆ ที่จะหาตะเข็บปมปัญหานี้ว่ามันจะเอายังไงกันต่อ เพราะว่าความเสียหายมันเกิดขึ้นเต็มๆ กับตัวเด็กๆ เอง


 


และพวกเด็กๆ , สื่อมวลชน , องค์กรพัฒนาเอกชน รวมถึงผู้ที่ติดตามเรื่องราวของเด็กกลุ่มนี้ ไม่ได้มีความตั้งใจจะทำให้สถาบัน หรือตัวบุคคลใดเสียหาย แต่อย่างใด


 


เพียงแต่พวกเราต้องการคำตอบจากผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะเอายังไงกันต่อ ... เพราะนี่มันผ่านมาถึง 4 เดือนไปแล้ว และความเสียหายก็เกิดกับเด็กๆ อย่างเป็นรูปธรรม เพราะอย่างน้อยที่สุดเด็กเหล่านั้นเสียโอกาสทางการศึกษาไปหนึ่งเทอม --- ซึ่งมันทำให้พวกเขาต้องมาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่เกือบทั้งหมด


 


จะนิ่งเงียบให้เรื่องมันหายไปตามแบบพิธีกรรมสมานฉันท์แบบไทยๆ แค่นั้นหรือ? ผู้หลักผู้ใหญ่หัวหงอกหัวดำทั้งทั้งหลาย?


 


 






ร่วมบริจาคสนับสนุนการต่อสู้ของเด็กลุ่มนี้ได้ที่ :


เลขที่บัญชี 549-0-07025-0 ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนห้วยแก้ว ชื่อบัญชี น.ส.รัชนี นายสุรพจน์


 


 


( ความคืบหน้าและรายละเอียดของผลการสอบสวน รวมถึงหน่วยงานและองค์กรที่รับปากว่าจะช่วยเหลือกลุ่มเด็กๆ และความเห็นของหลากหลายบุคคลในกรณีนี้ ประชาไทจะขอนำเสนอต่อไป )


 


..................


ข่าวและรายงานประกอบ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net