Skip to main content
sharethis


สาเหตุที่ถูกคุกคาม


มาจากการออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรี


เพราะทุกครั้งที่มีการออกไปเทศนา


หรือออกไปพูดเวทีเสวนา


วันรุ่งขึ้นจะมีการส่งคนเข้ามาตรวจสอบ


 


……………………………………………………………………………………


 


พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ เป็นพระในกลุ่มเสขิยะธรรม ปฏิบัติธรรมที่ "สวนเมตตาธรรม" อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มดังกล่าวนอกจากการทำกิจกรรมทางพุทธศาสนาแล้ว ยังได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบาย "รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อย่างรุนแรงในเรื่องที่เห็นว่าผิดหลักศาสนาและละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำให้ถูกข่มขู่คุกคามชีวิตหลายครั้งจากกลุ่มบุคคลหนึ่งที่ต้องการให้ยกเลิกการแสดงออกในทางตรงข้ามกับรัฐ


 


เมื่อพระกิตติศักดิ์และกลุ่มเสขิยะธรรมไม่ดำเนินการตาม เดือนมิถุนายน พ.ศ.2548 พระสุพจน์ สุวโจ พระรูปหนึ่งในกลุ่มเสขิยะธรรม และผู้ร่วมสถานปฏิบัติธรรมกับพระกิตติศักดิ์ ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมภายในสวนเมตาธรรม มีการสันนิษฐานจากหลายฝ่ายว่า สาเหตุน่าจะเกี่ยวข้องกับการแสดงออกในทางไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ทำให้ปัจจุบันคดีนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลายหรือจับตัวผู้บงการได้


 


ทุกวันนี้การข่มขู่คุกคามพระสงฆ์ในร่มกาสาวพัสตร์กลุ่มนี้ยังมีอยู่ ภายใต้การเพิกเฉยของรัฐบาลที่มาตามกติกาประชาธิปไตย


 


0 0 0


 


หลวงพี่ได้พบเห็นกรณีที่ พระสุพจน์ สุวโจ ถูกคุกคามหรือไม่


ที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือรู้ว่ามีการแสดงตัวเพื่อข่มขู่ให้ออกนอกพื้นที่สวนเมตตาธรรม มิฉะนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัย มีการมายิงปืนในบริเวณใกล้เคียงโดยไม่เห็นตัวคนยิง มีการตัดสายโทรศัพท์ มีการจุดไฟเผาพื้นที่ป่าที่ทางสถานปฏิบัติธรรมดูแล มีการทำร้ายร่างกายโยมอุปปัฏฐากที่ดูแลสวนเมตาธรรม นี่คือก่อนเกิดเหตุสังหารพระสุพจน์ โดยกระทำต่อเนื่องเกือบ 3 ปี


 


เมื่อแจ้งความ ตำรวจกลับไม่รับแจ้งความ พยายามบ่ายเบี่ยงและไม่สนใจ หรือเมื่อพยายามร้องขอให้ส่งสายตรวจมาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยก็ไม่ส่งมา สุดท้ายต้องจ่ายเงินจ้างเดือนละ 1,500 บาท สายตรวจจึงมา ทว่าก่อนที่พระสุพจน์จะถูกฆ่าประมาณ 3 เดือน สายตรวจก็หายไป แม้จะมีการจ้างก็ตาม เดือนมิถุนายน พ.ศ.2548 พระสุพจน์ก็ถูกฆ่า


 


ความขัดแย้งคาดว่ามาจากอะไร และขัดแย้งกับใคร


ส่วนหนึ่งคือการพยายามคุกคามโดยความรุนแรง แต่อีกส่วนหนึ่งคือการคุกคามโดยอำนาจรัฐโดยตรง เช่นการสั่งการไปทางคณะสงฆ์ในพื้นที่ให้ตรวจสอบความถูกต้องของสถานปฏิบัติธรรม ตรวจสอบความเป็นมาของพระ แล้วพยายามแสดงท่าทีว่า ถ้าหากไม่เป็นวัดที่ถูกต้อง ก็ควรจะต้องย้ายออกไป หรือไม่ก็ทำให้เป็นวัดที่ถูกต้อง


 


นอกจากนั้นก็มีในส่วนหน่วยงานราชการด้วย เช่น ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ และทางสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ มาแสดงท่าทีคุกคามว่า พวกเราอยู่กันอย่างไม่ถูกต้อง มีการท้าทายว่าถ้าแน่จริงต้องไปเช็คที่สำนักงาน


 


หรือจาก สภ.อ.ฝาง ก่อนหน้าพระสุพจน์จะถูกฆ่าประมาณ 1-2 เดือน มีสารวัตรสืบสวนเข้ามาแสดงตัวกับชาวบ้านละแวกนั้นในท่าทีว่า กำลังตรวจสอบพวกเราอยู่ เช่น พวกนี้เข้ามาทำอะไร เข้ามาทำเรื่องผิดกฎหมายหรือไม่ ทำความเข้าใจผิดให้กับชาวบ้านพอสมควร ตรงนี้แหล่งข่าวแจ้งให้รู้ว่ามันเป็นลักษณะสั่งการผ่านมาทางนักการเมืองของพรรคไทยรักไทย ที่เป็น ส.ส.ในพื้นที่


 


พวกเราพอจะทราบว่า สาเหตุที่เกิดขึ้น มาจากการที่พวกเรา โดยเฉพาะการออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรี เพราะทุกครั้งที่มีการออกไปเทศนาหรือออกไปพูดเวทีเสวนา วันรุ่งขึ้นจะมีการส่งคนเข้ามาตรวจสอบ


 


ประมาณช่วงปี 2546 - 2547 มีคนที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายข่าวของสำนักนายกรัฐมนตรีโทรมาสอบถามความเคลื่อนไหวเป็นระยะ แล้วขอร้องหรือห้ามปรามไม่ให้ร่วมกิจกรรมบางอย่างที่จัดขึ้นโดยฝ่ายที่เขาเชื่อว่าอยู่คนละข้างกับรัฐบาล พูดง่ายๆ คือตลอดเวลาที่ผ่านมาจะเกิดเรื่องเหล่านี้หลังการแสดงออกผ่านการพูด การเขียนหรือโดยการจัดกิจกรรมในลักษณะที่วิพากษ์วิจารณ์หรือคัดค้านนโยบายของรัฐที่เห็นว่าผิดหลักศาสนาหรือละเมิดสิทธิมนุษยชน


 


ทราบว่ามีประเด็นเรื่องที่ดินสวนเมตตาธรรมด้วย 


เรื่องที่ดินนั้นในระยะหลังมีการวิเคราะห์กันมากว่า น่าจะเป็นผลพลอยได้หรือว่าเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อสร้างสถานการณ์ คือมีบางกลุ่มที่พยายามจะมาฮุบที่ดินจริง แต่กลุ่มเหล่านั้นเมื่อตำรวจรับแจ้งความร้องทุกข์แล้วก็หลบหนีไป แต่มีการปฏิบัติการทำให้เข้าใจว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน เป็นลักษณะสร้างสถานการณ์ผสมโรง แต่มุ่งเน้นมาที่การกดดันให้พวกเราออกไปหรือให้ยุติบทบาทมากกว่า


 


หลังการณ์เสียชีวิตของพระสุพจน์สถานการณ์เป็นอย่างไร


ยังมีการคุกคาม มีการลอบวางเพลิงบ้านพักคนงาน มีการพยายามจุดไฟเผาป่า มีการขโมยทรัพย์สิน ที่แปลกมากคือ ขโมยถังน้ำขนาดใหญ่ 5,000 ลิตร ในช่วงมีกิจกรรมกันในกรุงเทพฯและคนที่เข้ามาอาศัยที่สวนเมตาธรรมก็ออกไปข้างนอก ถังน้ำขนาดใหญ่ไม่น่าเป็นไปได้ที่คนทั่วไปจะคิดขโมย เชื่อว่าเป็นการพยายามกดดันไม่ให้คนที่อาศัยมีความสะดวกที่จะอาศัยอยู่ได้มากกว่า


 


หรือมีเหตุการณ์ที่อยู่ดีๆ คนงานของสวนเมตาธรรมก็จมน้ำตาย ตำรวจก็อ้างว่าเมาเหล้า หรือมีคนพยายามบุกรุกเข้ามาในสำนักงานมูลนิธิ


 


นอกจากนี้ยังมีความพยายามกดดันไปยังหน่วยงานที่สำนักงานคุ้มครองพยานร้องขอให้คุ้มครองพยาน เพื่อให้ถอนกำลังไม่ให้มีการคุ้มครองพยาน ทั้งที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษยืนยันต่อสำนักงานคุ้มครองพยานในตอนที่ทางสำนักงานคุ้มครองพยานสอบถามไปว่า คดีนี้ยังมีระดับความรุนแรงในขั้นที่พยานจะต้องได้รับการอารักขาหรือไม่


 


กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ยืนยันว่า จะต้องอารักขาพยาน เมื่อสำนักงานคุ้มครองพยานได้ร้องขอไปทางกองปราบปรามหรือสันติบาลและหน่วยงานอื่นก็ได้รับการปฏิเสธ ขณะเดียวกันก็พยายามจะบีบให้ยอมรับให้การคุ้มครองพยานโดยตำรวจของ สภ.อ.ฝาง ซึ่งพยานและญาติพี่น้องของพระสุพจน์เชื่อว่า ตำรวจภายใต้หน่วยงานดังกล่าว มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าพระสุพจน์ ถือเป็นการคุกคามอีกแบบหนึ่ง


 


กรณีแบบนี้มีการดูแลกันเองอย่างไร ภาครัฐมาช่วยบ้างหรือไม่


ถือว่าตอนนี้ไม่มีการคุ้มครองพยานตามที่สำนักงานคุ้มครองพยานร้องขอ ดังนั้นบางทีที่ต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ก็จะขอร้องคนรู้จักหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รู้จักกันให้เข้าไปอยู่ด้วย แต่ก็ไม่สามารถทำได้บ่อยนักเนื่องจากมีค่าใช้จ่าย นอกจากนั้นได้ไปร้องทุกข์กับทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและทวงถามจากสำนักงานคุ้มครองพยานอยู่เป็นระยะ แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีกำลังที่จัดโดยสำนักงานคุ้มครองพยานมาคุ้มครองพยาน


 


แม้กระทั่งผู้พบศพพระสุพจน์ บัดนี้เขาก็ไม่กล้าอยู่ในสวนเมตตาธรรม เพราะเขาถูกลอบวางเพลิงเผาบ้าน ทรัพย์สินที่เขาพอมีอยู่บ้างก็เสียหายไปหมด เมื่อไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ในสวนเมตาธรรม ผู้หญิงคนนี้ซึ่งเป็นคนยากจน สิ้นไร้ไม้ตอกและมีเชื้อสายไทยใหญ่ก็ต้องออกไปอยู่ข้างนอก เป็นที่น่าเวทนาอยู่ เพราะบรรยากาศที่ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ในสวนเมตาธรรมก็น่ากลัว


 


การเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เกิดอะไรขึ้นในสังคมไทย


มองได้หลายมิติ ด้านแรกคือรัฐย่อหย่อนในการคุ้มครองดูแลสมาชิกในรัฐ เป็นเรื่องหน้าที่โดยปกติของรัฐในการคุ้มครองดูแลหรือช่วยเหลือให้ผู้คนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติอันเป็นหัวใจหลักของรัฐ


 


สองคือรัฐหรือรัฐบาล หรือผู้บริหารของรัฐ มองประชาชนหรือสมาชิกของรัฐที่เห็นแตกต่างจากตนเป็นศัตรู เป็นฝ่ายตรงกันข้าม เลยพร้อมจะใช้อำนาจรัฐในการจัดการบีบบังคับ รังแก กดขี่ข่มเหงให้คนเหล่านั้นสยบยอม เป็นท่าทีที่ขัดต่อหลักการประชาธิปไตย เป็นท่าทีที่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ซึ่งระบุอยู่ในรัฐธรรมนูญและในปฏิญญาสากลที่เป็นที่ยอมรับกันในนานาอารยประเทศ


 


สามแสดงให้เห็นว่า ในสังคมยังมีผู้มีอิทธิพลและอำนาจมืดอันเป็นอำนาจที่อยู่เหนือกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ไม่ใช่คนของรัฐและคนของรัฐเอง


 


สี่แสดงให้เห็นว่า กระบวนการในการแก้ไขปัญหาของรัฐไม่สามารถรองรับการร้องทุกข์หรือการเรียกร้องในกรณีที่เกิดความเสียหายขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็น กลไกในการแก้ปัญหา รับเรื่องราวร้องทุกข์และช่วยเหลือกลับย่อหย่อนด้วย เกิดภาวะที่ทำให้ผู้ใช้อำนาจนอกกฎหมายสะดวกในการคุกคามรังแก


 


ประการสุดท้าย ถ้ามองในส่วนของผู้บริหารรัฐแสดงให้เห็นว่า รัฐไม่พยายามแก้ปัญหาหรือกลายเป็นว่ารัฐเปิดโอกาสให้เกิดความรุนแรงขึ้นมาในสังคม นอกจากจะไม่แก้ปัญหาแล้ว ยังเป็นผู้ที่สนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดการใช้ความรุนแรง เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง


 


สังคมไทยจะผ่านสถานการณ์แบบนี้ได้อย่างไร


ประการแรก ภาคประชาสังคมต้องมีความเข้มแข็ง ต้องมีการปรับกระบวนที่วิพากษ์วิจารณ์หรือติดตามการตรวจสอบที่ไม่เหมาะไม่ควรของภาครัฐ ต้องมีความเป็นเครือข่ายที่สามารถเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูล เรียนรู้ร่วมกัน หรือแก้ปัญหาร่วมกันได้


 


สอง เป็นเรื่องของศาสนธรรม เป็นประเด็นสำคัญที่ประชาชนหรือภาคประชาชนต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาในกรณีของการใช้ความรุนแรงในระดับต่างๆ โดยนำเอาหลักการในทางศาสนาหรือการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนเข้ามามีส่วนในการเคลื่อนไหวที่มากไปกว่าการคัดค้านหรือวิพากษ์วิจารณ์เพียงด้านเดียว ต้องเสนอทางออกที่เป็นรูปธรรมด้วย


 


ประการสุดท้าย ความร่วมมือกันของภาคประชาชน เป็นเรื่องสำคัญ ต้องทำอย่างจริงจัง ต้องถือว่าสังคมไทยอยู่ในสภาพที่มีวิกฤติกว่ายุคสมัยใดๆที่ผ่านมาจึงไม่ใช่เรื่องของการวิพากษ์วิจารณ์ไปที่ตัวบุคคล นายกฯทักษิณ หรือว่าคณะรัฐมนตรีของพรรคไทยรักไทย หรือข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับพรรคไทยรักไทย


 


จะเห็นว่าเป็นเวลาที่ต้องแก้ปัญหาทั้งระบบโดยภาพรวม เพราะสะท้อนให้เห็นว่า รัฐธรรมนูญซึ่งเคยภาคภูมิใจกันว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่สมบูรณ์ที่สุด เคารพสิทธิเสรีภาพมากที่สุด เอาเข้าจริงถ้าไม่มีกระบวนการที่จะตรวจสอบประเมินผลหรือติดตามการปฏิบัติการของรัฐหรือฝ่ายบริหารอย่างจริงจัง ก็เปิดโอกาสให้คนที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือไม่มีคุณธรรมจริยธรรมเข้ามาใช้ประโยชน์จากโครงสร้างนี้ได้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net