Skip to main content
sharethis

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีหลายฝ่ายยังคงวิพากวิจารณ์คำพูดของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ ว่า ได้มอบแนวทางการทำงานของครม.ไปแล้ว 9 ข้อ และสิ่งที่เกิดขึ้นกรณีของนายกษิตนั้นเกิดก่อนที่จะได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ซึ่งตนไม่ได้รับทราบเพิ่งจะมาอ่านถึงคำให้สัมภาษณ์ และได้สอบถามไปยังนายกษิตก็ได้รับคำอธิบายว่าเจตนาสิ่งที่พูดไปนั้นกับการถ่ายทอดออกมาอาจจะไม่ตรงกันเสียทีเดียว แต่จากนี้ไปท่านก็มีหน้าที่ยึดแนวทางยึดนโยบายของรัฐบาล 9 ข้อที่ให้ไว้ เพราะฉะนั้นหลักในขณะนี้ของกระทรวงการต่างประเทศคือ ต้องไปยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ได้ละเมิดกฎหมายในช่วงที่ผ่านมาโดยเท่าเทียมกัน



 


ผู้สื่อข่าวถามว่าท่าทีของนายกษิตที่ออกมาจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ต่อรัฐบาลที่ต้องมีความเป็นกลางหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราเอาของจริง ไม่ได้เอาภาพ นั่นหมายถึงคดีความต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับเรื่องของการชุมนุมไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม จะให้เจ้าหน้าที่เดินหน้าอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการเลือกปฏิบัติ



 


ต่อข้อถามที่ว่าจะชี้แจงได้หรือไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนายกฯ นายกษิต และพันธมิตรฯ เป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรเป็นพิเศษ นอกจากการเมืองภาคประชาชนที่มีการเคลื่อนไหว ก็เป็นเรื่องที่ตนก็ติดตามทุกกลุ่มมาโดยตลอด ข้อเรียกร้องของแต่ละกลุ่มบางทีก็ตรงกับจดยืนของพรรค แต่บางข้อเรียกร้องก็ไม่ตรง ซึ่งก็ไม่มีอะไรตนก็มีหน้าที่ในการปกป้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญของทุกคน และยืนยันมาตลอดว่าอะไรที่ไม่ตรงกับจุดยืนของตนอะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายตนก็คัดค้านไม่เห็นด้วยมาโดยตลอด



 


เมื่อถามว่าการจะลบภาพที่นายกษิตขึ้นเวทีพันธมิตรฯ และส่งผลต่อภาพของการเป็นรัฐมนตรีอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องมาพูดว่าจะลบภาพหรือไม่ลบภาพ แต่คนที่เข้ามาดำรงตำแหน่งต้องทำตามหน้าที่ และนโยบายของรัฐบาล ซึ่งถ้าทำเช่นนี้เชื่อว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย ส่วนการที่จะมีการวิพากวิจารณ์โจมตีก็สามารถทำได้ ก็มีหน้าที่ในการชี้แจงและขอยืนยันว่าอะไรที่ใครทำไว้ไม่ถูกต้องรัฐบาลก็จะไม่ปกป้อง โดยจะไม่เลือกว่าเป็นการกระทำของใคร



 


ต่อข้อถามว่ารัฐบาลจะสร้างความมั่นใจเรื่องการปิดสนามบินที่นานาชาติเป็นห่วงได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ได้ยืนยันไปกับสื่อต่างประเทศอย่างขัดเจนเขาก็เข้าใจดี ส่วนมาตรการเรื่องสนามบินจะเป็น 1 ในมาตรการที่รัฐบาลต้องเร่งพิจารณาหลังแถลงนโยบาย



 


ผู้สื่อข่าวถามว่าเกรงหรือไม่ว่านายกษิตจะเป็นรัฐมนตรีสายล่อฟ้าคนแรกของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่ารัฐมนตรีทุกคนต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบ ซึ่งนายกษิตก็มีหน้าที่ชี้แจงแต่ถ้าชี้แจงแล้วไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้ก็ค่อยว่ากันอีกที แต่ขณะนี้นายกษิตก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถทำความเข้าใจได้



 


ต่อข้อถามที่ว่าฝ่ายค้านเตรียมขึ้นบัญชีอภิปรายไว้ไว้วางใจนายกษิตแล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฝ่ายค้านคงอภิปรายหลายคนซึ่งก็ไม่มีปัญหา และไม่คิดว่าต้องจำเป็นถึงขั้นเปลี่ยนตัวรมว.ต่างประเทศ เพราะนโยบายของรัฐบาลที่ปรากฎต่อสื่อสาธารณะก็ชัดเจน และการให้สัมภาษณ์ของนายกษิตที่ปรากฎออกไปและอ้างว่าเป็นปัญหากันอยู่นั้นก็เกิดก่อนที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี หลังจากนี้ไปจุดยืนของรัฐบาลและรัฐมนตรีก็จะเป็นไปตามที่ตนได้ประกาศไป และไม่มีแนวทางอื่น



 


ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นก่อนหรือหลังหลายคนมองว่าไม่สำคัญ แต่ทั้งหมดถูกมองถึงพฤติกรรมของคนที่เป็นรมว.ต่างประเทศ นายอภิสิทธิ กล่าวว่า คิดว่าต้องให้ความเป็นธรรมว่าสิ่งที่นายกษิตพูดนั้นอยู่ในบริบทและตอบคำถามอะไร และพูดในแง่มุมไหน เท่าที่ตนได้อ่านข้อสัมภาษณ์ก็พอเข้าใจว่าสิ่งที่นายกษิตพยายามสื่อสารนั้นคืออะไร เช่น พยายามจะตอบว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นเป็นการชุมนุมที่คนส่วนใหญ่มองว่าไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของความรุนแรงจุดประสงค์คืออย่างนั้น แต่เมื่อถ่ายทอดออกมาทำให้เกิดความรู้สึกว่าไปสนับสนุนหรือเห็นดีเห็นชอบกับการปิดสนามบิน ก็เท่านั้นเอง อย่างไรก็ตามแนวทางจากนี้ไปต้องชัดเจนว่าเรื่องการปิดสนามบินเป็นปัญหาและเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการ



 


"กษิต" ยันไม่เคยคุยสื่อนอก พธม.บุกยึดสนามบินเรื่องสนุก


ด้านนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศในทำนองว่า การบุกยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมืองของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีตนร่วมอยู่ในเหตุการณ์เป็นเรื่องสนุก และเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดให้ประเทศชาติเสียหาย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าสื่อดังกล่าวโดยเฉพาะหนังสือเดลี่ เทเลกราฟ ของประเทศอังกฤษ มีความเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนเพราะให้สัมภาษณ์ไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และให้สัมภาษณ์พร้อมกันหลายฉบับ ทั้งนี้ เชื่อว่าสื่อต่างประเทศตีความหมายผิดและมีเจตนาที่ไม่หวังดี ส่วนจะมีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้นไม่ทราบ



 


นายกษิตยังกล่าวว่าได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว และไม่รู้สึกหวั่นไหว ที่ฝ่ายค้านหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาโจมตี พร้อมเรียกร้องให้นายกฯปลดออกจากตำแหน่ง ซึ่งการขึ้นเวทีพันธมิตรฯนั้น เป็นการต่อสู้ตามรัฐธรรมนูญ และทำอย่างโปร่งใส ซึ่งพร้อมชี้แจง หากฝ่ายค้านจะนำประเด็นนี้มาอภิปรายในวันแถลงนโยบายของรัฐบาล



 


"สุริยะใส" บอก "กษิต"มีสำนึกต่อบ้านเมืองควรสดุดี


นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า คิดว่าพรรคเพื่อไทยกำลังบิดเบือนความจริง เพราะการชุมนุมของพันธมิตรฯ ไม่ได้เป็นการปิดสนามบิน เราชุมนุมด้านหน้านอกอาคารผู้โดยสาร และบริเวณจอดรถรับส่ง ไม่มีใครไปยึดรันเวย์ หรือในตัวอาคารจะเข้าไปใช้ห้องน้ำเท่านั้น ส่วนการตัดสินใจปิดสนามบินเป็นมติของการท่าอากาศยานฯ



 


ทั้งนี้ การตัดสินใจไปชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง ไม่ใช่เรื่องสนุกสนานหรือเอามันและทุกฝ่ายไม่ควรตัดตอนมอง เพราะการชุมนุมเป็นปลายเหตุ แต่ต้นเหตุทั้งหมดเกิดจากระบอบทักษิณและรัฐบาลลิ่วล้อนอมินีที่ใช้อำนาจมิชอบ โดยเฉพาะการปราบปรามประชาชนในเหตุการณ์ 7 ตุลาคมหน้าสภาฯ นั้น สังคมเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือยุบสภาฯ แต่รัฐบาลสมชายกลับไม่สนใจจนนำสังคมการเมืองเข้าสู่วิกฤติและทางตัน



 


นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้เทียบกันไม่ได้กับการปล่อยให้รัฐบาลทรราชบริหารประเทศต่อไป เพราะยิ่งอยู่ในอำนาจยิ่งสร้างความแตกแยก และเอื้อประโยชน์ต่อระบอบทักษิณ ประชาชนที่ไปร่วมชุมนุมที่สนามบินหรือหลายๆ ที่จึงมีความชอบธรรมและถือว่าเป็นผู้ก่อการดีควรได้รับการสดุดีด้วยซ้ำไป



 


ส่วนการเข้ามาร่วมชุมนุมของท่านทูตกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และมาขึ้นปราศรัย เป็นความสมัครใจส่วนตัว และถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมากกว่าไปกล่าวหา เพราะได้ทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองที่มีสำนึกรับผิดชอบและตื่นตัวต่อเรื่องราวของบ้านเมือง และความรู้ความสามารถของท่านทูตกษิต จะทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยดีขึ้น ประชาคมโลกจะไม่ตกอยู่ภายใต้อวิชาที่บริษัทล็อบบี๊ยิสต์ภายใต้การว่าจ้างของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บิดเบือนและใส่ร้ายประเทศไทยไว้ รมว.กระทรวงต่างประเทศไม่ใช่โควต้าพันธมิตรฯ พันธมิตรฯ ไม่มีผลประโยชน์อะไรที่ต้องส่งคนไปยึดกระทรวงต่างประเทศ ถ้าพรรคเพื่อไทยจะเดือดร้อนทำไมไม่เดือดร้อนกรณีที่ นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศที่ดำเนินนโยบายจนทำให้ไทยเสียปราสาทพระวิหารเสียค่าโง่ให้กัมพูชา แต่คนในพรรคพลังประชาชนกลับแซ่ซ้องสรรเสริญและยกเป็นวีรกรรม



 


"จตุพร" เรียกร้องปลด "กษิต"


เมื่อเวลา 13.00 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน สมาชิกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ตามที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่าการที่กลุ่มพันธมิตรฯ ปิดสนามบินนั้นอาหารอร่อย ดนตรีไพเราะ เป็นบรรยากาศดีที่น่าจดจำ ถือเป็นการท้าทายความรู้สึกคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งเห็นว่าการปิดสนามบินเป็นเรื่องเลวร้าย


 


ถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะดำเนินการต่อเรื่องนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ต้องออกมาแสดงจุดยืน หากนายอภิสิทธิ์และรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยก็ให้นาย กษิต ดำรงตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศต่อไป แต่ถ้าไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมที่ท้าทายความรู้สึกคนไทย หรือเรียกว่ากวนเท้า โดยสร้างความทุกข์ให้ กับคนไทยทั้งประเทศ ก็ขอให้นายอภิสิทธิ์ ปลด นายกษิตออกจากตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ ถ้าไม่ดำเนินการคนในสังคมก็ไม่สามารถคิดเป็นอื่นได้ นอกจากแสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยและสมคบ ให้ทำความผิด



 


"แทนที่รัฐบาลจะไปเคลียร์ความรู้สึกประชาชน กลับไปแต่งตั้งหนึ่งในผู้ก่อการร้ายยึดสนามบินมารับตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ แค่มีนายกรัฐมนตรีหนีทหารก็ทุเรศเต็มทีแล้ว แต่นายกษิตสร้างความเสียหายให้ประเทศแล้วยังมายโสโอหัง คนไม่ดี ไม่มีสิทธิบริหารประเทศนี้แม้แต่วันเดียว และผมถามว่า นายกษิต จะรับผิดชอบต่อกรณีที่เคยประกาศท้าทายจะยึดปราสาทพระวิหารอย่างไร" นายจตุพร กล่าว



 


นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับการนัดชุมนุมหน้ารัฐสภาจะเป็นการชุมนุมที่ ส.ส.จะเข้าไปทำหน้าที่ได้ ส่วนที่มีนายตำรวจฉายา "นวยทนได้" ระบุว่าการชุมนุมหน้ารัฐสภาเป็นคดีกบฏนั้น ตนถามว่าตำรวจได้ดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ แล้วหรือยัง วันนี้คนเสื้อแดงกำลังจะพิสูจน์ว่า กฎหมายบ้านเมืองนี้มีสองมาตรฐานหรือไม่ และถามว่าการที่ นายกษิต ออกมาให้สัมภาษณ์สารภาพผิดมัดตัวเองว่า ร่วมก่อการร้ายขนาดนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการอย่างไร ถ้าตำรวจไม่ทำอะไรก็คงถึงคราวที่เราต้องทำอะไรกันบ้างแล้ว และ สตช.ก็คงอยู่ยาก และถ้าจะอยู่กันอย่างมีความสุขไม่ได้ก็อย่าอยู่เลย



 


นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับการอภิปรายนโยบายรัฐบาลนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางตัวทีมอภิปราย ซึ่งแยกรับผิดชอบแต่ละประเด็นไป แต่หลัก ๆ แล้วจะเป็นประเด็นที่ นายอภิสิทธิ์หลบหนีการเกณฑ์ทหาร และกรณีที่นายกษิต ให้สัมภาษณ์ นอกจากนี้ยังมีการเข้าสู่ตำแหน่ง รมว. กลาโหม ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณด้วย ซึ่งเป็นการแทรกแซงการแต่งตั้ง ตั้งแต่วันที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเทียบเชิญถึงค่าย ร.1 พัน 1 รอ. ซึ่งในวงประชุมมีนอกจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบกแล้วยังมี พล.อ.ประวิตร รวมอยู่ด้วย และใคร ๆ ก็ทราบดีว่า พล.อ.ประวิตรเป็นมันสมองในการวางแผนยึด อำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย.



      



เรียบเรียงจาก : คมชัดลึก เดลินิวส์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net