Skip to main content
sharethis


 


เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (28 ม.ค.) ที่ศาลปกครอง ชั้น 37 อาคารเอ็มไพร์สเตท ถ.สาทร กลุ่มพลเมืองภิวัฒน์ และกลุ่มสตรีเพื่อประชาธิปไตยประมาณ 20 คน ได้เดินทางไปคัดค้าน "พระราชกฤษฏีกาเงินประจำตำแหน่งขององคมนตรีและรัฐบุรุษ พ.ศ. 2551"


 


นายภูมิวัฒน์ นุกิจ ผู้ประสานงานกลุ่มพลเมืองภิวฒน์ กล่าวว่า "ลักษณะของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และคณะรัฐมนตรีมีฐานะเป็นรัฐบาลรักษาการชั่วคราว และมาจากการแต่งตั้งของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ความชอบด้วยหลักนิติธรรมของ "พระราชกฤษฏีกาเงินประจำตำแหน่งขององคมนตรีและรัฐบุรุษ พ.ศ. 2551" ซึ่งออกโดยมติของครม.ทั้งคณะนั้น ขัดต่อหลักกฏหมาย และถือว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย เพราะหลังจากเมื่อมี พรฏ.ให้มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2550 แล้ว รัฐบาลต้องไม่ออกกฏหมาย หรือพิจารณาเรื่องที่เป็นภาระผูกพันแก่ประชาชน และขอตั้งข้อสังเกตว่าพรฏ.ฉบับนี้มีการออกมาอย่างเร่งรีบ และเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายจริงๆ ของรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์


 


"ซึ่งเมื่อดูเนื้อหาแล้ว เอื้อประโยชน์แก่คณะองคมนตรีอย่างชัดเจน ซึ่งสวนทางกับนโยบายพอเพียงที่ท่านนายกฯ ได้เคยกล่าวแถลงไว้เมื่อเข้ารับตำแหน่ง ดังนั้นพวกเราในฐานะประชาชนผู้เสียหาย ที่เสียภาษีให้แก่รัฐ จึงต้องมาใช้สิทธิตามกฏหมาย ยื่นคำฟ้องให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาเพิกถอนพรฏ.ฉบับดังกล่าวโดยเร่งด่วน และให้พิจารณาไต่สวนการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบโดยกฏหมายของ พล.อ.สุรยุทธ์ และครม.ทั้งคณะ" นายภูมิวัฒน์กล่าว


 


หลังจากนั้น น.ส.เพียงพิศ แกล้วกสิกรรม เจ้าหน้าที่ประจำศาลปกครองสูงสุด ได้รับเรื่องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ ฟ.8/2551 ระหว่างนายภูมิวัฒน์ นุกิจ ผู้ฟ้องคดี และนายกรัฐมนตรีกับพวก ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่องคดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฏหมายของพระราชกฤษฏีกาหรือกฏที่ออกโดยคณะรัฐมนตรีหรือโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 28 ม.ค. 2551 โดยภายใน 30 วัน ศาลปกครองจะเรียกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาชี้แจงอีกครั้ง และนอกจากนี้ทางกลุ่มพลเมืองภิวัฒน์ และกลุ่มสตรีเพื่อประชาธิปไตยยังได้ออกแถลงการณ์คัดค้านดังนี้


 


 






แถลงการณ์


คัดค้าน "พระราชกฤษฏีกาเงินประจำตำแหน่งขององคมนตรีและ รัฐบุรุษ พ.ศ. 2551"


องคมนตรีต้องพอเพียง หยุดขึ้นเงินเดือนให้กันเอง


 


เรียนพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน


 


รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) อันเกิดจากการรัฐประหาร 19 กันยา 2549 ได้มีความผิดร่วมกันคือล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา113 ข้อหาเป็นกบฏต่อระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา


 


บุคคลที่กล่าวขั้นต้นได้อาศัยอำนาจเถื่อนนอกระบบออก พรบ. พรฎ.กฎ ประกาศ คำสั่งต่างๆ เพื่อบังคับใช้กับประชาชนผู้เสียภาษีเลี้ยงรัฐ และที่สำคัญฝ่ายบริหารซึ่งก็คือรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทั้งคณะได้มีมติร่วมกันออก"พระราชกฤษฏีกาเงินประจำตำแหน่งขององคมนตรีและรัฐบุรุษ พ.ศ. 2551" ซึ่งพระราชกฤษฏีกาฉบับดังกล่าวได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ เมื่อวันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป


 


ทางกลุ่มพลเมืองภิวัฒน์ และกลุ่มสตรีเพื่อประชาธิปไตยได้พิจารณาแล้วจึงขอคัดค้านการออกพระราชกฤษฏีกาฉบับดังกล่าวด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้


 


1.จากวิกฤตปัญหาทางเศรษฐกิจปัจจุบัน สถานะเงินคงคลังของประเทศไทยตอนนี้คงเหลือ 8,3000 ล้านเหรียญ ซึ่งต้องใช้ในปีงบประมาณ2551 จำนวนทั้งสิ้น 1.6 ล้านล้านบาท การปรับขึ้นเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งให้ประธานองคมนตรี องคมนตรี และรัฐบุรุษ ตามพระราชกฤษฏีกาฉบับดังกล่าว ถือว่าหลักต่อหลักนิติธรรม และไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในขณะที่องคมนตรีบางท่านได้อ้างถึงพระราชดำรัส "พอเพียง" แต่พฤติกรรมการปรับขึ้นเงินเดือนเงินประจำตำแหน่งให้กันเองเช่นนี้ สวนทางกับกระแสพระราชดำรัสอย่างสิ้นเชิง


 


2. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้มีส่วนได้เสียกับพระราชกฤษฏีกาฉบับดังกล่าว เนื่องจากได้เคยดำรงตำแหน่งเป็นองคมนตรี และส่อไปในทางเอื้อเฟื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง ถือว่าปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วย! กฏหมาย


 


3. การเร่งรีบออกพระราชกฤษฏีกาฉบับดังกล่าว ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ เมื่อวันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2551 ถือเป็นการกระทำที่ไม่ควร เพราะในวันที่22 มกราคม 2551 ได้เกิดรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนแล้ว และในวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2551 ก็จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี คนใหม่มาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ตามระบอบสภาในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว


 


4. ตามที่พระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว ได้กำหนดให้ประธานองคมนตรีรับเงินเดือนประจำตำแหน่งเดือนละ 121,990 บาท จากเดิมที่เคยได้รับเดือนละ 114,000 บาท ส่วนองคมนตรีได้รับเดือนละ 112,250 บาท จากเดิมที่เคยได้รับเดือนละ 104,500 บาท ส่วนรัฐบุรุษได้รับเงินประจำตำแหน่งเป็นรายเดือน เดือนละ 121,990 บาท จากเดิมที่เคยได้รับเดือนละ 100,000 บาท ซึ่งทางผู้ฟ้องคดี เห็นว่าไม่น่าจะถูกต้องตามหลักนิติธรรมและหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย


 


จึงขอใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นทางกฏหมายยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดให้พิจารณาเพิกถอนพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวนั้นเสีย


 


28 มกราคม พ.ศ. 2551 ณ ศาลปกครองสูงสุด ถ.สาทร กรุงเทพฯ


 


อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนทั้งหลาย


กลุ่มพลเมืองภิวัฒน์


กลุ่มสตรีเพื่อประชาธิปไตย


 


 



 


 


ข่าวประชาไทย้อนหลัง


พลเมืองภิวัฒน์เตรียมฟ้องศาล ปค.เพิกถอน พ.ร.ฏ.เพิ่มเงินประจำตำแหน่งองคมนตรี-รัฐบุรุษ, 28/1/2551

เอกสารประกอบ

พรฎ.เงินประจำตำแหน่งขององคมนตรีและรัฐบุรุษ พ.ศ.2551

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net