Skip to main content
sharethis

จากกรณีชาวบ้านตำบลแม่รำพึง ยื่นหนังสือค้านการขุดคลองระบายน้ำของโครงการโรงถลุงเหล็ก เครือสหวิริยา ต่อ นายธวัชชัย ดิษยนันทน์ นายอำเภอบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 51 โดยแกนนำกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบยืนยันว่า การขุดคลองระบายน้ำไม่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมตามที่อ้าง


 


ทั้งนี้ เพราะพื้นที่ดังกล่าว มีลักษณะเป็นแก้มลิงธรรมชาติอยู่แล้ว หากมีการถมสูง 4 เมตร ในพื้นที่ก่อสร้างโรงถลุงเหล็กกว่า 1,142 ไร่ คลองระบายที่จะขุดกว้างเพียง 4 เมตร ไม่มีทางช่วยอะไรได้ เพราะที่ผ่านมามีน้ำท่วมหนักในพื้นที่ทั้งหมดกว่า 3,000 ไร่ ยังมีระดับน้ำสูงถึง 4 เมตร อีกทั้งทางด้านเหนือของพื้นที่ดังกล่าวยังทับเส้นทางสาธารณะประโยชน์ที่ชาวบ้านใช้สัญจรเป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตรอีกด้วย


 


เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา นายอำเภอบางสะพานได้ลงตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ พบว่าพื้นที่อนุญาตถมดินทับเส้นทางสาธารณะประโยชน์จริง จึงทำหนังสือด่วนไปยังนายก อบต.แม่รำพึงให้ระงับการขุดคลองและตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนวันที่ 21 ม.ค. พร้อมทั้งรายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์แล้ว


 


แต่อย่างไรก็ดี ล่าสุดวานนี้ (22 ธ.ค.) เสาวลี วีรกุล ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น. ทางบริษัทเครือสหวิริยา ให้บริษัท บางปะกงการโยธา นำโดยนาย วันชัย ชมพูผา ผู้ควบคุมรถของบริษัท นำรถแบ็คโฮ 2 คัน และรถไถอีก 1 คัน เข้าขุดคลองระบายน้ำในพื้นที่หมู่บ้านนาผักขวง ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการถมที่เพื่อเตรียมการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กครบวงจรของบริษัทเครือสหวิริยา ทั้งที่ตัวโครงการเองยังไม่ผ่านการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จากสำนักนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)


 


กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงจึงรวมตัวกันเพื่อยับยั้งการขุดคลองดังกล่าว โดยนายสุพจน์ ส่งเสียง แกนนำกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง รวมทั้งชาวบ้านประมาณ 20 คน พยายามเข้าไปในพื้นที่เพื่อทำการเจรจายับยั้งการขุดเป็นกลุ่มแรก แต่ถูกยิงข่มขู่หลายนัดเพื่อไม่ให้เข้าใกล้พื้นที่ เมื่อพบว่าทางกลุ่มผู้เข้ามาทำการขุดดินมีการพกพาอาวุธปืนชาวบ้านจึงแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.บางสะพาน


 


จากนั้น เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. กำลังตำรวจจึงได้เข้ามาในพื้นที่ ตามมาด้วยกลุ่มทหารจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จ.กาญจนบุรี ทำให้ผู้ควบคุมรถบุดดินยอมเจรจา แต่อย่างไรก็ดี ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์เล่าว่าในระหว่างการเจรจานั้น ชาวบ้านฝ่ายอนุรักษ์เห็นฝ่ายสนับสนุนโรงถลุงเหล็ก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนที่เคยสวมเสื้อแดง เรียกตัวเองว่า กลุ่มพัฒนาบางสะพาน ทั้งยังเคยเข้าทำร้ายตัวแทนชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ โชว์อาวุธต่างๆ ที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นมีด ปืน ไม้กระบอง นายสุพจน์ จึงร้องต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.บางสะพานให้เข้าตรวจค้นอาวุธ


 


เมื่อตำรวจตรวจค้นรถปิกอัพ 2 คัน ของบริษัทบางปะกงการโยธาที่จอดทิ้งไว้ พบมีดพร้ายาวราวหนึ่งฟุตนับสิบๆ เล่ม รวมทั้งอาวุธมีดประเภทอื่นๆ อีก ซึ่งกลุ่มผู้ขุดดินอ้างว่านำมาใช้ในการแผ้วถางพื้นที่ แต่ไม่พบอาวุธปืน


 


นางเสาวลี ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ ตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มผู้ขุดดินนำอาวุธปืนไปซ่อนไว้ในตัวผู้หญิงซึ่งตำรวจไม่ได้ตรวจค้นตัวก่อนที่จะสลายตัวกันไป นอกจากนี้ มีดที่ตำรวจรวบรวมได้ ส่วนใหญ่เป็นของใหม่ที่ยังไม่ผ่านการใช้งาน แม้แต่ป้ายราคายังไม่ได้แกะออก จึงเป็นที่น่าสงสัยอาจไม่ใช่มีดที่จะนำมาใช้งานจริง


จนกระทั่งเวลาประมาณ 13.00 น. แม้ว่ากลุ่มผู้ขุดดินได้ถมดินคืนและหยุดการขุดดินแล้ว แต่ก็ไม่ได้นำรถแม็คโคร ออกไปจากพื้นที่ เหลือผู้ควบคุมรถเพียง 4-5 คน โดยกล่าวว่า จะรอหัวหน้าคือ นายสมหมาย เมืองจันทร์


 


ทั้งนี้นางเสาวลี แสดงความคิดเห็นว่า ที่ดินตรงนี้ไม่น่าจะอนุญาตให้มีการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กได้ เนื่องจากซ้อนทับที่สาธารณะซึ่งชาวบ้านยังคงใช้ประโยชน์กันอยู่ ซึ่งขัดกับหลักการตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 มาตรา 67 ในเรื่องสิทธิชุมชน อีกทั้งโครงการเองยังไม่ผ่านการทำ


 


"คนในพื้นที่ตอนนี้มันกลัวเสียจนหายกลัวไปหมดแล้ว เพราะถ้าเราไม่สู้เราก็แพ้อย่างเดียว แต่ว่าเราสู้เพราะเราเชื่อมั่นในรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 67 ที่ให้สิทธิกับชุมชนในการต่อสู้กับสิ่งที่เราไม่ยอมรับ แม้ว่าบริษัทจะมี EIA หรือไม่ก็ตาม" นางเสาวลีกล่าว พร้อมย้ำว่า โครงการผลิตเหล็กตั้งแต่ต้นน้ำซึ่งบอกกันว่าจะลดต้นทุนการผลิตในกระบวนการอุตสาหกรรม แต่แร่เหล็กที่จะนำมาถลุงไม่ใช่วัตถุดิบภายในประเทศก็ยังต้องมีการนำเข้า อีกทั้งยังต้องเสียเงินจำนวนมากกับการพยายามรักษาสิ่งแวดล้อมที่ไม่เคยได้ผลเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์


 


อย่างไรก็ดี เมื่อมีการโทรศัพท์สอบถามไปยัง นายเกรียงไกร ใจดี นายก อบต.แม่รำพึง ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ นายเกรียงไกร กล่าวว่ายังไม่ทราบเรื่อง แต่รู้ว่าทางบริษัทจะทำการขุดร่องน้ำป้องกันน้ำท่วมในวันนี้ เพื่อให้นำไหลลงคลองท่ามะนาวลงสู่ทะเล ตามหนังสือร้องเรียนของกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงที่ว่ากลัวจะเกิดน้ำท่วม และเกิดมลพิษหลังจากมีการก่อสร้างโรงงาน


 


นายเกรียงไกร กล่าวเกี่ยวกับการขออนุญาตถมที่ว่า บริษัท ประจวบพัฒนาดิวิลอปเม็นต์ ได้ทำการขออนุญาตถมดินในพื้นที่ราว 1,200 ไร่ ที่มีโฉนดซึ่งเป็นการซื้อมาจากชาวบ้าน และมีการสำรวจผ่านทางสำนักงานที่ดินส่วนแยกบางสะพานแล้วว่าเป็นที่ดินที่มีหนังสือถูกต้องจึงได้ทำการอนุมัติให้ดำเนินการตามที่บริษัทร้องขอ


 


เมื่อถามถึงการลงนามยกเลิกการอนุมัติให้ขุดดินเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานายเกรียงไกร กล่าวว่าเป็นการลงนามเพราะถูกกลุ่มชาวบ้านกดดัน ซึ่งก็ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้กับสถานีตำรวจบางสะพานอำไว้แล้ว ดังนั้นจึงให้ถือมติเก่าซึ่งลงนามอนุมัติ นอกจากนั้นยังกล่าวอีกว่าการตัดสินใจนั้นดูที่เอกสารที่ถูกต้องเป็นสำคัญ แต่ตามที่ได้มีการยื่นเรื่องมานั้น การจัดสร้างโรงงานยังไม่ได้มีการขออนุมัติ ทุกวันนี้ทั้งทาง อบต.และทางชาวบ้านยังไม่เห็นว่าโรงงานจะเป็นอย่างไร หากเห็นว่าโรงงานปล่อยมลพิษก็คงไม่มีการเซ็นอนุมัติ


 


"พูดยาก ไม่เห็นของจริง ต่างคนก็ต่างพูดกันไป" นายเกรียงไกรกล่าว


 


ส่วนในเรื่องปัญหาเกี่ยวกับมลพิษที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งชาวบ้านได้ร้องเรียนนั้น นายเกรียงไกรกล่าวว่า หากจะมีการตั้งโครงการจริงก็คงต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบมลพิษที่เป็นตัวแทนจากหลายๆ ทั้งจากชาวบ้าน และโรงงาน


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net