วันที่ 19 ธ.ค.50  ประชาชนประมาณ 1,000 คนจากหลากหลายกลุ่ม อาทิ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ(สรส.) เครือข่ายสลัม 4 ภาค เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย(สนนท.) คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน(กป.อพช.) ได้มาชุมนุมกันที่หน้ารัฐสภาตั้งแต่ 8.00 น.เพื่อกดดันให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยุติการทำหน้าที่ในการพิจารณากฎหมายสำคัญๆ และผ่านกฎหมายจำนวนมากอย่างที่ทำอยู่ โดยใช้วิธีการปิดสภาด้วย "โซ่มนุษย์" ท่ามกลางตำรวจหลายร้อยนาย ทั้งจากสถานีตำรวจต่างๆ และหน่วยปราบจราจรหรือคอมมานโดที่ตรึงกำลังเพื่อเตรียมการรับมือ โดยกระจายอยู่ทั้งภายในและภายนอกรัฐสภา และการติดบัตรเข้าออกของบุคคลต่างๆ รวมถึงสื่อมวลชนเป็นไปอย่างเข้มงวดกว่าปกติ

จอน อึ๊งภากรณ์ ประธาน กป.อพช. ยืนยันว่า การชุมนุมในวันนี้จะเป็นไปโดยสันติวิธี และเป็นการแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ดี จะมีการจัดชุมนุมต่อไปตราบใดที่ สนช.ยังพิจารณากฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะกฎหมายความมั่นคง และหาก สนช.ยังเดินหน้าออกกฎหมายก็จะเรียกร้องให้สภาที่มาจากการเลือกตั้งแก้ไขกฎหมายเหล่านี้ทั้งหมด

ทั้งนี้ ภาคประชาชนได้ชุมนุมปิดสภามาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีการปีนรั้วเข้าไปประท้วงประชิดห้องประชุม สนช. จนการประชุมในช่วงบ่ายต้องยกเลิกไป ในวันนี้ถนนบริเวณหน้ารั้วรัฐสภาจึงมีการวางแผงกั้น และนำรถตำรวจมาจอดขวางตลอดแนว ทำให้ผู้ชุมนุมต้องปักหลักกันอีกฝั่งถนน (สวนสัตว์ดุสิต) กระทั่งเวลาประมาณ 9.45 น. บางส่วนจึงเคลื่อนไปยังประตูหลักของรัฐสภา เพื่อรวมตัวกันติดป้ายว่า "สันติวิธี โซ่มนุษย์ หยุดกฎหมายอันตราย"

เวลาประมาณ 12.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมคล้องแขนกันจัดขบวนยาวและเคลื่อนขบวนปิดถนนอู่ทองใน และในช่วงบ่ายกลับมาปักหลักชุมนุมยังที่เดิม โดยมีเครือข่ายศิลปิน อาทิ วสันต์ สิทธิเขต วงภราดร ฯ ผลัดกันขึ้นมาร้องเพลงให้กำลังใจผู้ชุมนุม

ระหว่างการชุมนุม มีการปราศรัยตลอดทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย โดยกฎหมายสำคัญที่กระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชน และกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ต้องการให้ สนช.ผลักดันออกมาในช่วงใกล้เลือกตั้งนี้ ได้แก่ กฎหมายความมั่นคง อนุสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตรหรือ พีซีที กฎหมายผลักดันมหาวิทยาลัยนอกระบบ กฎหมายสภาเกษตรกรแห่งชาติ กฎหมายแปรรูป เป็นต้น

ขณะที่ด้านในรัฐสภา สมาชิก สนช.ได้เริ่มประชุมกันตามวาระปกติตั้งแต่เวลาประมาณ 10.00 น. โดยมีนายจรัล กุลละวณิชย์ เป็นประธาน ตามวาระการประชุมจะมีการพิจารณากฎหมาย 21 ฉบับ อาทิ ร่างพ.ร.บ. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน, ร่างพ.ร.บ.สัญชาติ, ร่างพ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ, ร่างพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่นแอลกอฮอล์ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาเห็นชอบอนุสัญญา 3 ฉบับ ที่เห็นชอบแล้วในช่วงเช้าได้แก่ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ.2003 ส่วนอนุสัญญาว่าด้วยความร่วมมือด้านสิทธิบัตร หรือ PCT และการพิจารณาเข้าเป็นภาคีอนุสัญญากรุงปารีสว่าด้วยความคุ้มครองทรัพย์สินอุตสาหกรรมนั้นได้เลื่อนการพิจารณาออกไป

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าจากการตรวจสอบในเว็บไซต์ของ สนช.ไม่มีการบรรจุวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตลอดสัปดาห์นี้