ผู้ใช้อินสตาแกรม “baphoboy” เล่าประสบการณ์ “เด็กบ้านนาย” ขณะเป็นทหารเกณฑ์ ระบุ ถูกปฏิบัติเสมือนทาส ได้ซักเสื้อผ้ารวมถึงชุดชั้นในของผู้บังคับบัญชาและครอบครัวด้วยมือ กินอาหารเหลือ ต้องรอเปิดประตูรั้ว และเดินตามเก็บรองเท้าทันทีที่นายถอด พร้อมตั้งคำถามว่า “นายทหาร” กำลังนำรั้วของชาติไปใช้เป็นทาสส่วนตัว หากทหารเกณฑ์ไม่ใช่การบังคับแต่มาจากความสมัครใจจะส่งผลให้คนบางกลุ่มเสียผลประโยชน์ตรงนี้ไปหรือไม่

12 มี.ค. 2567 เมื่อวานนี้ (11 มี.ค. 2567) มีผู้โพสต์คลิปลงบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับชีวิตพลทหารที่ถูกสั่งให้ไปซักเสื้อผ้าและชุดชั้นในให้ผู้บังคับบัญชาและภรรยา จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์และกลาโหมสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง วันนี้ (12 มี.ค. 2567) ในอินสตาแกรมมีผู้เล่าประสบการณ์ “เด็กบ้านนาย” ขณะเป็นทหารเกณฑ์ผ่านทางอินสตาแกรม “baphoboy” ระบุว่า เด็กบ้านนาย ตนเองโดนบังคับเลือกไป อาจจะเพราะไม่ใช่ชายแท้ เนื่องจากบ้านนายมีลูกสาวหน้าตาดี หรืออาจจะเพราะจบปริญญาตรี (เวลาเลือกคนทำความสะอาดห้อง ทหารชั้นผู้ใหญ่มักจะเลือกจากระดับการศึกษา) บ้านนายทหารไม่มีเครื่องซักผ้าทำให้ทหารเกณฑ์ที่ถูกเลือกไปรับใช้ต้องซักเสื้อผ้ารวมถึงชุดชั้นในของผู้บังคับบัญชาและครอบครัวด้วยมือ

ภาพประกอบเรื่องเล่าจากอินสตาแกรม “baphoboy”

ผู้ใช้อินสตาแกรม “baphoboy” ระบุว่า “โดนปฏิบัติเสมือนทาสเรือนเบี้ยดีๆ ได้เงินวันละ 80 อาศัยอาหารเหลือ ห้ามใส่รองเท้าในเขตรั้วบ้าน รอเปิดประตูรั้ว เดินตามเก็บรองเท้าทันทีที่นายท่านถอด และทุกเช้าจะต้องนำมาวางพร้อมใส่”

โดยต้องเรียกภรรยาผู้บังคับบัญชาว่า “คุณนาย” เรียกลูกสาวผู้บังคับบัญชาว่า “คุณหนู” ไม่มีสิทธิเรียกชื่อ ผู้ใช้อินทราแกรม “baphoboy” คาดเดาว่า สาเหตุที่บ้านนายไม่มีเครื่องซักผ้าเนื่องจากสามารถใช้ทหารเกณฑ์ซักได้ “หนึ่งในคำตอบที่ว่าทำไมบ้านนายทหารถึงไม่ใช้เครื่องซักผ้า คงเพราะการที่สามารถสั่งใช้เช็ดขี้เช็ดเยียว การที่ทำน้ำหกแล้วมีคนตามเช็ด มันดูสูงส่งกว่า วิธีคิดแบบเจ้านายไม่เพียงส่งต่อมาในระบบทหาร แต่เป็นทั้งครอบครัว 6 เดือนที่เป็น บางทีก็เผลอลืมตัว อินกับการเป็นเจ้านายลูกน้องหลายๆ ครั้ง”

ผู้ใช้อินสตาแกรม “baphoboy” ตั้งคำถามในตอนท้ายว่า “ชนชั้นที่เรียกว่า “นายทหาร” กำลังนำภาษีว่าด้วยรั้วของชาติ ไปใช้เป็นทาสส่วนตัว เกียรติยศของชายไทย เป็นแค่คำหลอกลวง เป็นแค่ตลาดให้พวกนายทหารมาดูตัวไปใช้ประโยชน์ส่วนตน สิ่งที่พอจะได้กลับมาช่วงเป็นทหารคงเป็นความสนุกมหาศาล ความเพลิดเพลินกับการลืมความเป็นคน ทหารจะต้องไม่ใช่การบังคับ มีแต่ข้อดีกับภาพลักษณ์องค์กร ทั้งคุณภาพบุคลากร ความโปร่งใส ผลประโยชน์ คอร์รัปชันจะลดลง หรือข้อดีทั้งหมดจะเป็นข้อเสียของผู้ถือผลประโยชน์ กระมัง”