Skip to main content
sharethis

สภาทนายฯ พร้อมช่วยเหลือทำคดีสู้แบบกลุ่มให้ชาวพิจิตร-เพชรบูรณ์ ได้รับผลกระทบจาก 'เหมืองทองอัครา' แม้โจทก์นำฟ้องเดิมขอถอนตัว ทั้งนี้ เหมืองทองกลับมาดำเนินการอีกครั้งเมื่อ 23 มี.ค. 66

 

12 เม.ย. 2566 เว็บไซต์ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ รายงานเมื่อวานนี้ (11 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น 4  สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ตัวแทนชาวบ้านตำบลเขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร และตัวแทนชาวบ้านตำบลท้ายดง อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ จำนวน 30 คน ที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ได้เดินทางมาที่สภาทนายความฯ เพื่อเข้าพบ วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ และสัญญาภัชระ สามารถ อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ และว่าที่ร้อยตรี สมชาย อามีน ประธานอนุกรรมการฝ่ายคดีและปฏิบัติการ สภาทนายความฯ เพื่อขอให้สภาทนายความฯ รับให้ความช่วยเหลือในคดีนี้ต่อไป เนื่องจากโจทก์นำฟ้องและบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ไม่สามารถไกล่เกลี่ยคดีได้ และศาลให้มีการนัดสืบพยานโจทก์จำเลยตามที่นัดไว้เดิม โดยจะเริ่มสืบพยานโจทก์ในวันที่ 18-20 เมษายนนี้ แต่โจทก์นำฟ้องเดิมประสงค์ขอถอนตัวจากการเป็นโจทก์นำฟ้อง ทำให้สมาชิกกลุ่มที่เหลือที่เคยร้องขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความฯ และต้องการต่อสู้คดีแบบกลุ่มต่อไป พร้อมจะตั้งตัวแทนโจทก์นำฟ้องแทนคนเดิม และขอให้สภาทนายความยังคงให้ความช่วยเหลือต่อไป

ที่มา: เว็บไซต์ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์

ด้านวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า สภาทนายความยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเต็มที่เหมือนเดิม และขอให้มั่นใจในคณะทำงานคดี ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในคดีสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี และถึงแม้เหมืองแร่ทองคำจะกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควร ซึ่งตนมีความห่วงใยและกังวลเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของประชาชนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกับเหมืองดังกล่าว

สำหรับคดีนี้กลุ่มชาวบ้านดังกล่าวได้ยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือทางกฎหมายต่อสภาทนายความ กรณีได้รับความเดือดร้อนจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ ของบริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่ได้รับสัมปทานโครงการเหมืองแร่ทองคำบริเวณตำบลเขาเจ็ดลูก จังหวัดพิจิตร และตำบลท้ายดง อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ ผู้ร้องและชาวบ้านกว่า 6,000 คน ต้องได้รับอันตรายเสื่อมสุขภาพทางด้านร่างกายและจิตใจ ทรัพย์สินเสียหาย สูญเสียการดำรงชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย สภาทนายความรับให้ความช่วยเหลือโดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม เป็นผู้พิจารณาดำเนินคดีให้ชาวบ้าน

คณะทำงานที่ได้รับการแต่งตั้งได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงตำบลเขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร สอบรายละเอียดจากชาวบ้านในพื้นที่ และรวบรวมเอกสารจากหน่วยงานราชการและนักวิชาการอิสระ และได้พิจารณายื่นฟ้องเป็นคดีสิ่งแวดล้อมที่ศาลแพ่ง (แผนกคดีสิ่งแวดล้อม) โดยคณะทำงานเห็นว่า ชาวบ้านผู้ได้รับความเสียหายจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำทางบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) มีเป็นจำนวนมาก และได้รับความเสียหายในเหตุเดียวกัน ซึ่งเข้าเงื่อนไขการฟ้องคดีตามกลุ่ม (Class Action) ซึ่งเป็นการฟ้องคดีแบบใหม่ตามที่ได้มีการแก้ไข วิ.แพ่ง เรื่องการฟ้องคดีแบบกลุ่ม คณะทำงานจึงตัดสินใจยื่นฟ้องเป็นคดีสิ่งแวดล้อมและเป็นคดีแบบกลุ่ม (คดีสิ่งแวดล้อมแบบกลุ่มคดีแรกของประเทศไทย)

วิเชียร ชุบไธสง (ที่มา: เว็บไซต์ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์)

เว็บไซต์ 'HaRD Stories' ซึ่งรายงานประเด็นสิทธิมนุษยชน-สิ่งแวดล้อม เผยว่าเหมืองแร่ทองคำชาตรี จ.พิจิตร หรือบางคนเรียกชื่อเล่นว่า 'เหมืองแร่ทองคำอัครา' โดยชื่อเล่นดังกล่าวมาจากบริษัทผู้ดำเนินการเหมืองคือ บ.อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด จากประเทศออสเตรเลีย

เหมืองทองชาตรี นับเป็นเหมืองทองคำที่ใหญ่ที่สุดในไทยครอบคลุมรอยต่อจังหวัดพิจิตร เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก  เริ่มดำเนินการครั้งแรกเมื่อปี 2544 จนถึงเมื่อปี 2560 รัฐบาลนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้อำนาจตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ม. 44) สั่งปิดเหมืองทองคำทันที โดยอ้างผลกระทบทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อมต่อชุมชนโดยรอบเหมือง ซึ่งภายหลังกลายเป็นคดีความระหว่างประเทศที่บริษัทจากออสเตรเลียฟ้องรัฐบาลไทยว่า การใช้กฎหมายพิเศษสั่งปิดเหมืองเป็นการละเมิดข้อตกลงการค้าเสรี 

บ.คิงส์เกต์ เรียกค่าเสียหายจากรัฐบาลไทยร่วมหลายร้อยล้านบาท ขณะที่คดีระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัทเหมืองมีแนวโน้มว่าจะเจรจาและคลี่คลายภายในปีนี้ (2566) ขณะที่คดีในระดับชุมชนยังเดินหน้าต่อตามที่รายงานข้างต้น

เหมืองทองอัครา (แฟ้มภาพปี 2559)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net