การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้จุดประกายให้ท้องถิ่นต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา เห็นคุณค่าและส่งเสริมธุรกิจในพื้นที่มากขึ้น ผ่านการปลดล็อกข้อจำกัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับกฎ ระเบียบ และขั้นตอนเพื่อเอื้อให้ธุรกิจเปิดใหม่หรือดำเนินกิจการได้ง่ายขึ้นในช่วงโควิด-19
Summery
- การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้จุดประกายให้ท้องถิ่นต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา เห็นคุณค่าและส่งเสริมธุรกิจในพื้นที่มากขึ้น ผ่านการปลดล็อกข้อจำกัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับกฎ ระเบียบ และขั้นตอนเพื่อเอื้อให้ธุรกิจเปิดใหม่หรือดำเนินกิจการได้ง่ายขึ้นในช่วงโควิด-19
- การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือการเพิ่มจำนวนร้านอาหารกลางแจ้ง ร้านค้าปลีก หรือบริการส่วนบุคคลบนทางเท้าในเมือง ในลานจอดรถ และบนถนน หลายท้องถิ่นได้ผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในการขอใบอนุญาต หรือในบางกรณีมีโครงการใหม่เพื่อให้ธุรกิจต่างๆ สามารถทำกลางแจ้งได้ง่ายขึ้น
- บางท้องถิ่นยังดำเนินโครงการเพื่อป้องกัน "การขับไล่เชิงพาณิชย์" ที่เกิดจากการที่ธุรกิจไม่สามารถจ่ายค่าเช่าในช่วงวิกฤตโควิด-19
ที่มาภาพประกอบ: Arthur Franklin (Unsplash License)
การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้จุดประกายให้ท้องถิ่นต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา เห็นคุณค่าและส่งเสริมธุรกิจในพื้นที่มากขึ้น
ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2563 ธุรกิจต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับความสั่นสะเทือนทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากข้อจำกัดด้านสาธารณสุข พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และการหยุดชะงักของแรงงานและห่วงโซ่อุปทานที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19
ในช่วงต้นของการระบาด ธุรกิจจำนวนมากได้รับประโยชน์จากการบรรเทาทุกข์ทางการเงินอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนจากรัฐบาลกลาง เม็ดเงินมากกว่ากว่า 8 แสนล้านดอลลาร์ฯ ถูกอัดฉีดไปทั่วสหรัฐฯ
รัฐบาลท้องถิ่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ก็มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจในเขตของตน เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความพยายามของรัฐบาลท้องถิ่นในเมืองเหล่านี้ Pew Charitable Trusts ได้เผยแพร่รายงานพิเศษจากการเก็บข้อมูลบทสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่จาก 14 ท้องถิ่นรวมถึงฟิลาเดลเฟีย เมื่อช่วงปลายเดือน มี.ค. 2565 พบว่ารัฐบาลท้องถิ่นได้ปรับแนวปฏิบัติด้านธุรกิจของตน เปลี่ยนวิธีสื่อสารกับธุรกิจท้องถิ่น และปรับปรุงขั้นตอนบางอย่าง นอกจากนี้ยังพบว่าหลายท้องถิ่นเปลี่ยนแปลงนโยบายไปสู่ "การรองรับ" แทนที่จะ "การสร้างข้อจำกัด" ให้แก่ธุรกิจในท้องถิ่นมากขึ้น
Pew Charitable Trusts พบข้อค้นพบที่สำคัญดังเช่น:
- ท้องถิ่นส่วนใหญ่ปรับกฎระเบียบและอนุญาตให้กระบวนการต่างๆ ในการเปิดธุรกิจง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น เมื่อเผชิญกับข้อจำกัดด้านสาธารณสุข
- บางท้องถิ่นเปลี่ยนวิธีการสื่อสารกับธุรกิจและพบวิธีการใหม่ๆ ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขและความต้องการทางธุรกิจ
- ท้องถิ่นต่างๆ จัดลำดับความสำคัญในการเชื่อมต่อธุรกิจต่างๆ ด้วยการสนับสนุนทางการเงินตลอดช่วงการระบาดใหญ่ โดยมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและประสานงานโครงการบรรเทาทุกข์ของรัฐบาลกลางและมลรัฐ นอกจากนี้ท้องถิ่นต่างๆ ก็ยังเปิดตัวโครงการของตนเอง โดยมุ่งเป้าไปที่เจ้าของธุรกิจที่มีเจ้าของเป็นกลุ่มด้อยโอกาส ในอุตสาหกรรมที่เปราะบาง หรือธุรกิจที่ไม่สามารถเข้าถึงโครงการของรัฐบาลกลางหรือมลรัฐได้
- แม้ว่าการระบาดใหญ่และการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจะยังไม่จบลงอย่างสมบูรณ์ แต่หลายท้องถิ่นกำลังมองหาบทเรียนจากสิ่งที่เกิดขึ้นและกำหนดว่าการเปลี่ยนแปลงใดที่พวกเขาจะดำเนินการในลักษณะ "ความปกติใหม่" ได้บ้าง
ปรับกฎ ระเบียบ และขั้นตอนเพื่อเอื้อให้ธุรกิจเปิดใหม่หรือดำเนินกิจการได้ง่ายขึ้นในช่วงโควิด-19
ที่มาภาพประกอบ: Xochi (Unsplash License)
ด้วยข้อจำกัดสำหรับกิจกรรมในร่มช่วงโควิด-19 การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดสำหรับธุรกิจคือก็คือการเพิ่มจำนวนร้านอาหารกลางแจ้ง ร้านค้าปลีก หรือบริการส่วนบุคคลบนทางเท้าในเมือง ในลานจอดรถ และบนถนน ทุกท้องถิ่นที่ Pew Charitable Trusts ทำการสำรวจพบว่าได้ผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในการขอใบอนุญาต หรือในบางกรณี ได้มีการจัดทำโครงการใหม่เพื่อให้ธุรกิจต่างๆ สามารถทำกลางแจ้งได้ง่ายขึ้น
ในฟิลาเดลเฟีย มีโครงการชั่วคราวที่ผ่อนปรนให้ธุรกิจในเมืองสามารถเข้าถึงสิทธิ์สาธารณะบนทางเท้าและในช่องทางจอดรถได้ ซึ่งทำแม้กระทั่งการปิดถนนบางส่วนไม่ให้ยานพาหนะสัญจร ทั้งนี้ช่วงก่อนการแพร่ระบาด ร้านกาแฟริมทางเท้าต้องขออนุญาตขยายพื้นที่ออกนอกทางเท้าก่อน บางแห่งจำเป็นต้องมีการอนุมัติจากสภาเทศบาลเมืองอย่างชัดแจ้งซึ่งเป็นกระบวนการที่ยาวนาน คณะกรรมการพิเศษด้านการพิจารณาและปฏิรูปกฎระเบียบของฟิลาเดลเฟียระบุว่านี่เป็นความท้าทายหลัก ภายใต้โครงการชั่วคราวนี้ ธุรกิจทั้งหมดมีสิทธิ์ได้รับใบอนุญาต และเทศบาลเมืองก็จะใช้เวลาตรวจสอบและอนุมัติภายใน 3 วันทำการเท่านั้น
ความจำเป็นในการเปิดตัวโครงการและเร่งรัดการอนุมัติที่คล้ายคลึงกันกับที่ฟิลาเดลเฟียนี้แพร่หลายไปหลายท้องถิ่นอย่างรวดเร็วในช่วงโควิด-19 และมีการข้อสังเกตว่ากระบวนการที่คล่องตัวสำหรับการอนุมัติธุรกิจบนท้องถนนนี้จะดำเนินต่อไปจนถึงปี 2565 และบางท้องถิ่นอาจจะเป็นนโยบายถาวรไปเลยทีเดียว
หลายท้องถิ่นยังรายงานด้วยว่าพวกเขาได้ออกแบบโครงการกระตุ้นให้เกิดการรับประทานอาหารนอกบ้านเพิ่มมากขึ้น เพื่อสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่น ด้วยวิธีการที่สร้างการมีส่วนร่วม มีแนวทางที่ชัดเจน คาดการณ์ช่วงเวลาได้ รวมถึงทำให้ขั้นตอนการสมัครเข้าโครงการง่ายสำหรับผู้ประกอบการ
ในฟิลาเดลเฟีย มีโครงการ "Streeteries" ซึ่งแรกเริ่มเป็นโครงการชั่วคราวที่ให้ธุรกิจในเมืองสามารถเข้าถึงสิทธิ์สาธารณะบนทางเท้าและในช่องทางจอดรถได้ในช่วงโควิด-19 ต่อมาได้ขยายโครงการนี้อย่างถาวรในพื้นที่เมืองบางส่วน | ที่มาภาพ: Kimberly Paynter/WHYY
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหลายแห่งให้ความเห็นกับ Pew Charitable Trusts ไว้ตรงกันว่าธุรกิจและประชาชนมักมองว่ากิจกรรมบนท้องถนนเป็นความสำเร็จที่ควรจะดำเนินต่อไปในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ที่ซานฟรานซิสโก วอชิงตัน และนิวยอร์ก ท้องถิ่นต่างประกาศว่าจะรักษาโครงการส่งเสริมของตนไว้ ในฟิลาเดลเฟีย สภาเทศบาลเมืองได้ผ่านกฎหมายในเดือน ธ.ค. 2564 เพื่อขยายโครงการ "Streeteries" อย่างถาวร แต่จำกัดเฉพาะพื้นที่บางส่วนของเมือง ส่วนธุรกิจที่อยู่นอกพื้นที่เหล่านั้นยังคงต้องได้รับอนุมัติจากสภาเทศบาลเมืองในลักษณะเดิม
ในขณะที่ท้องถิ่นต่างๆ เปลี่ยนจากโครงการนำร่องฉุกเฉินไปสู่การเป็นโครงการถาวรมากขึ้น แต่วิธีที่ธุรกิจสามารถใช้พื้นที่สาธารณะได้นั้นปัญหาจำนวนหนึ่งยังคงอยู่ ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงและความปลอดภัย การกำหนดราคาเช่าพื้นที่สาธารณะที่เหมาะสม และการกำหนดแนวทางการออกแบบและการบำรุงรักษาเพื่อลดผลกระทบจากกิจกรรมบนท้องถนน โครงการริเริ่ม "Design for Distancing" ของบัลติมอร์มีความโดดเด่นในการก้าวไปไกลกว่าการอนุญาตให้ใช้พื้นที่สาธารณะในรูปแบบใหม่ๆ เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนปี 2563 ท้องถิ่นได้ร้องขอการออกแบบเพื่อส่งเสริมกิจกรรมกลางแจ้งมากขึ้น และให้ทุนสนับสนุนในการปรับพื้นที่สาธารณะให้เข้ากับการเว้นระยะห่างทางกายภาพช่วงโควิก-19
นอกจากการอนุญาตให้ธุรกิจในเมืองสามารถเข้าถึงสิทธิ์สาธารณะบนทางเท้าและในช่องทางจอดรถได้แล้ว ท้องถิ่นต่างๆ ก็ยังมีการผ่อนคลายกฎระเบียบอื่นๆ เพื่อให้ธุรกิจสามารถฝ่าฟันวิกฤตโควิด-19 ไปได้ เช่น
- ซานฟรานซิสโก ประชาชนในท้องถิ่นได้ลงมติเห็นชอบ 'ข้อเสนอ H' ที่จะทำให้กฎระเบียบต่างๆ มีความคล่องตัวขึ้นอย่างถาวร ซึ่งรวมถึงการดำเนินการตามระยะเวลาการตรวจสอบสูงสุด 30 วัน สำหรับใบอนุญาตธุรกิจบางรายการ และการขยายการใช้พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตในเขตการค้า
- บอสตัน ปรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจบางอย่างเพื่ออนุญาตให้ร้านอาหารขายของชำควบคู่กันไปได้ และยกเลิกข้อจำกัดในการซื้ออาหารกลับบ้าน
- แนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ได้ยกเลิกข้อจำกัดสำหรับธุรกิจตามบ้าน ที่รวมถึงการทำห้องบันทึกเสียง การผลิตด้วยช่างฝีมือ และบริการส่วนบุคคลบางอย่าง
ในบางกรณี ท้องถิ่นต่างๆ กลับมีความเข้มงวดกับธุรกิจบางประเภทแทน ตัวอย่างเช่น จาก 5 ใน 14 ท้องถิ่นรวมทั้งฟิลาเดลเฟีย ได้ผ่านกฎใหม่เพื่อปกป้องร้านอาหารที่ใช้บริการแพลตฟอร์มส่งอาหารรายใหญ่ เช่น DoorDash และ Grubhub โดยกำหนดให้แพลตฟอร์มมีการเปิดเผยค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งซื้อ และกำหนดให้แพลตฟอร์มต้องระบุไว้อย่างชัดเจนว่าจะเรียกเก็บเงินจากร้านอาหารได้มากน้อยเพียงใด
บางท้องถิ่นยังดำเนินโครงการเพื่อป้องกัน "การขับไล่เชิงพาณิชย์" ที่เกิดจากการที่ธุรกิจไม่สามารถจ่ายค่าเช่าได้ แม้ว่ามาตรการดังกล่าวจะไม่แพร่หลายเท่ากับโครงการระงับการขับไล่ที่อยู่อาศัยที่จัดตั้งขึ้นโดยหลายท้องถิ่นทั่วสหรัฐฯ แต่มีธุรกิจอย่างน้อยใน 8 จาก 14 ท้องถิ่น ที่ Pew Charitable Trusts ทำการสำรวจได้รับการคุ้มครองจากการขับไล่ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้การไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาท มีเพียงฟิลาเดลเฟียเมืองเดียวเท่านั้นที่ออกกฎหมายห้ามการขับไล่ในเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2563 ซึ่งได้คุ้มครองร้านอาหารเล็กๆ บางแห่งบ้างแล้ว.
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)