Skip to main content
sharethis

11 พ.ย. 2558 มติชนออนไลน์ รายงานว่า วันนี้ (11 พ.ย. 58) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 12 ชั้น 2 ศาลจังหวัดขอนแก่น ศาลได้กำหนดให้มีการนัดฟังคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่นยื่นฟ้อง 4 ผู้ต้องหากลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ประกอบด้วย นายอดิศัย วิบูลเสข จำเลยที่ 1, นายจิรัฐตระกูล สุมหา จำเลยที่ 2, นายสุทัศน์ สิงห์บัวขาว จำเลยที่ 3 และนายอุดม คำมูล จำเลยที่ 4 ในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ และร่วมกันเข้าไปในอาคารเก็บรักษาทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธและร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ขณะที่ผู้ต้องหาทั้ง 4 และกลุ่มคนเสื้อแดงได้ร่วมชุมนุมและบุกรุกเข้าไปในศาลากลางจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 ก่อนทำการบุกเข้าไปภายในอาคารทำลายข้าวของและทำการใช้ยางรถยนต์เผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่นหลังเก่า จนได้รับความเสียหายและลุกลามไปยังศาลากลางจังหวัดขอนแก่นหลังใหม่ได้รับความเสียหายบางส่วน

โดยศาลได้ใช้เวลาอ่านคำพิพากษานานประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนมีคำพิพากษาว่าในวันเกิดเหตุกลุ่มคนเสื้อแดงได้นัดชุมนุมกันจำนวนหลายร้อยคนบริเวณสวนสาธารณะรัชดานุสรณ์ซึ่งตั้งอยู่ติดกับศาลากลางจังหวัดขอนแก่นหลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนตรงไปยังประตูทางเข้าศาลากลางทางทิศตะวันตก ซึ่งปิดล็อกอยู่แล้วร่วมกันฝ่าแนวกั้นที่มีทั้งสิ่งกีดขวางและกำลังเจ้าหน้าที่ของรัฐดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่หลังจากฝ่าแนวกั้นประตูเข้าไปได้แล้วกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นหนังสือต่อนายพยัต ชาญประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น(ขณะนั้น)เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุติการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์

อย่างไรก็ตาม แม้จะยื่นหนังสือข้อเรียกร้องเสร็จแล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงก็ยังไม่ยอมออกไปจากศาลากลางจังหวัด ยังชุมนุมกันต่อด้วยท่าทีที่รุนแรงเกรี้ยวกราด ในระหว่างนั้นผู้ชุมนุมได้พยายามรุกคืบเข้าไปภายในตัวอาคารศาลากลางจังหวัด มีการนำยางรถยนต์ไปวางสุมแล้วจุดไฟเผา บ้างก็ขว้างปาขวดที่เชื่อว่ามีน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปในตัวอาคาร บ้างก็หยิบก้อนหิน อิฐตัวหนอนที่อยู่บริเวณนั้นขว้างปา ทุบทำลายทรัพย์สินทางราชการ ทรัพย์สินของประชาชน

"ระหว่างการชุมนุมจนถึงเหตุการณ์จุดไฟเผาศาลากลาง ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่บักทึกไว้ได้ทั้งจากช่างภาพสื่อมวลชนหลายแขนงและจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของรัฐที่นำมาใช้สืบพยานในชั้นศาลปรากฏมีภาพของจำเลยทั้ง 4 ร่วมก่อเหตุอยู่ด้วยอย่างชัดเจน แต่ละคนมีพฤติการณ์การกระทำผิดที่รุนแรงแตกต่างกันไป ฯลฯ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่าจำเลยที่ 1-4 มีพฤติกรรมฐานความผิดหลายข้อหา โดยเฉพาะการมีความผิดร่วมกันในข้อหาชุมนุมสร้างความวุ่นวายในที่สาธารณะตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป, ร่วมกันบุกรุกทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นหรือของสาธารณประโยชน์หรือทำลายทรัพย์สินของแผ่นดิน"

ศาลจึงมีคำพิพากษาสั่งจำคุกจำเลยทั้ง 4 ในฐานความผิดหลายมาตราแตกต่างกันไป โดยสั่งจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 13 ปี จำเลยที่ 2 เป็นเวลา 13 ปี จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 3 ปี และจำเลยที่ 4 เป็นเวลา 3 ปี ทั้งนี้แม้จำเลยที่ 3 และ 4 มีโทษจำคุกเพียง 3 ปีแต่ก็ไม่มีเหตุให้รอลงอาญา เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ชี้ให้เห็นว่าจำเลยทั้ง 2 ไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองและไม่ต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อผู้กระทำความผิด

ด้านนายบุญยง แก้วฝ่ายนอก ทนายความประจำ นปช. และ จำเลยทั้ง 4 กล่าวว่า ทีมทนายความยังคงขอต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ รวมไปถึงการยื่นขอประกันตัว แต่มีปัญหาเนื่องจากไม่สามารถใช้ตำแหน่ง ส.ส.ยื่นขอประกันได้เพราะหลังมีการรัฐประหาร สถานภาพ ส.ส.ก็หมดสิ้น มีทางเดียวคือนัดหารือญาติของผู้ต้องหาเพื่อหาหลักทรัพย์มายื่นขอประกัน ซึ่งยังไม่ทราบว่าต้องใช้หลักทรัพย์มูลค่าเท่าไหร่และตอบไม่ได้ว่าจะสามารถยื่นประกันได้เมื่อใด

ภายหลังศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเสร็จแล้ว นายบุญยง แก้วฝ่ายนอก ทนายความจำเลย ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า หลังจากนี้คงต้องใช้สิทธิสู้ต่อในชั้นอุทธรณ์ แต่มีปัญหากรณีการยื่นประกันตัวผู้ต้องหา ไม่สามารถใช้ตำแหน่ง ส.ส.ยื่นขอประกันได้เพราะหลังมีการรัฐประหาร สถานภาพ ส.ส.ก็หมดสิ้นตาม มีทางเดียวคือนัดหารือญาติของผู้ต้องหาเพื่อหาหลักทรัพย์มายื่นขอประกัน ซึ่งยังไม่ทราบว่าต้องใช้หลักทรัพย์มูลค่าเท่าไหร่และตอบไม่ได้ว่าจะสามารถยื่นประกันได้เมื่อใด

ศูนย์ข่าวขอนแก่น ASTV ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเพิ่มเติมด้วยว่า สำหรับจำเลยที่ 4 นายอุดม คำมูล นั้น วันนี้เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยรถของเรือนจำกลางจังหวัดขอนแก่นในฐานะนักโทษชายในคดีเผาสถานีโทรทัศน์ NBT ขอนแก่นเมื่อปี 2553 โดยศาลฏีกายืนตามศาลอุทธรณ์ให้จำคุก 10 ปี 8 เดือนโดยไม่รอลงอาญาเช่นกัน

รายงานเพิ่มเติมแจ้งอีกว่า อย่างไรก็ตามนอกจากจำเลยทั้ง 4 จะถูกพิพากษาจำคุกในคดีอาญาดังกล่าวแล้ว หลังจากนั้นกรมสรรพากรจะยื่นฟ้องต่อเพื่อเอาผิดคดีแพ่งกรณีทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากศาลากลางจังหวัดขอนแก่นหลังเก่าที่ถูกเผานั้นเป็นที่ตั้งสำนักงานสรรพากรพื้นที่จังหวัดขอนแก่น และสำนักงานสรรพากรเขตอีกด้วยคาดว่า ได้รับความเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net