ประชาไท - 5 ต.ค.2549 ตัวแทนจากประเทศร่ำรวยและประเทศกำลังพัฒนากว่า 20 ชาติ ร่วมการประชุมต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันที่นครลูซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อร่างยุทธศาสตร์ในการจัดการกวาดล้างกระบวนการผู้นำประเทศลักลอบนำเงินที่ได้จากการทุจริตออกนอกประเทศ โดยที่ประชุมสรุปว่าจะปรับปรุงประสิทธิภาพในด้านการติดตามทวงเงิน

ประเทศที่เข้าร่วมการประชุม มีทั้งศูนย์กลางการเงิน เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ลักเซมเบิร์ก สวิตเซอร์แลนด์ และชาติที่มีเม็ดเงินไหลออกนอกเป็นจำนวนมาก เช่น แอฟริกาใต้ บราซิล และจีน

ตัวแทนจากประเทศต่างๆ หารือกันโดยเน้นประเด็นการผ่องถ่ายเงินออกนอกประเทศ การทุจริตคอร์รัปชัน และความละโมบของเจ้าหน้าที่รัฐบาล โดยผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมการประชุมหารือถึงแนวทางเอาชนะอุปสรรคทางกฎหมาย เพื่อนำเงินที่ถูกขโมยออกนอกประเทศ กลับมาให้ประเทศเจ้าของเงิน เช่น ประเทศร่ำรวยอาจต้องช่วยประเทศที่เป็นเหยื่อคอร์รัปชันด้านคำร้อง เพื่อเริ่มการเอาผิดในชั้นศาลอย่างรวดเร็ว ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาอาจจะปรับกฎหมายเพื่อเร่งกระบวนการพิสูจน์แหล่งเงินที่ถูกผ่องถ่ายไปต่างแดน

นายพอล เซเกอร์ ผู้แทนสวิตเซอร์แลนด์ที่เป็นประธานการประชุม กล่าวว่า เมื่อผู้มีอำนาจรวยขึ้นเท่าตัวในชั่วข้ามคืน ก็ควรเป็นความรับผิดชอบของเขาที่จะพิสูจน์ว่าได้เงินมาอย่างไร และมีการกล่าวเพิ่มเติมว่าชาติที่ร่วมหารือครั้งนี้ ควรยอมรับคำตัดสินของศาลในประเทศต่างๆ ที่สั่งยึดทรัพย์ผู้นำฉ้อฉล และควรสนับสนุนกลไกรับประกันว่าเงินที่ถูกส่งคืนจะนำไปใช้เพื่อผลประโยชน์ของชาติ ไม่ใช่เข้ากระเป๋าผู้นำที่ฉ้อฉลคนอื่นๆ

องค์กรด้านความโปร่งใสสากลเคยจัดอันดับ 10 นักการเมืองที่มีพฤติกรรมฉ้อฉลเมื่อปี 2547 ปรากฏว่า อันดับ 1 คือ อดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โตของอินโดนีเซีย ที่ยักยอกเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง 15,000-35,000 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ปี 2548 สวิตเซอร์แลนด์นำเงิน 700 ล้านดอลลาร์ ที่อดีตผู้นำเผด็จการซานี อาบาชา แอบนำไปเก็บในธนาคารต่างแดน คืนให้รัฐบาลไนจีเรีย โดยมีเงื่อนไขให้ธนาคารโลกดูแลการใช้เงินก้อนดังกล่าวในโครงการด้านสาธารณสุข การศึกษา และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานต่อไป

เรียบเรียงจาก: http://www.bangkokbiznews.com