9 ก.ย. 2549 นพ.สมชัย ภิญโญพรพานิชย์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคเอดส์ขณะนี้มีแนวโน้มเจ็บป่วยและเสียชีวิตลดลง โดยตั้งแต่ 1 มกราคม - 31 กรกฎาคม 2549 มีรายงานผู้ป่วยแล้ว 297,507 ราย ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 30-34 ปี ซึ่งติดเชื้อจากการมีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ ขณะเดียวกัน กลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ กลุ่มชายรักชาย และกลุ่มวัยรุ่น นอกจากนี้ ยังพบเรื่องที่น่าเป็นห่วง คือ กลุ่มคู่สมรสที่ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์รายใหม่มากเป็นอันดับ 1

ด้านนพ. สมบัติ แทนประเสริฐสุข ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการพิจารณาสูตรยาต้านไวรัสสำหรับผู้ติดเชื้อที่ดื้อยาต้านไวรัสสูตรแรก หรือจีพีโอเวียร์ ภายใต้โครงการ 30 บาท ช่วยคนไทยห่างไกลโรค ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายสถาบันได้ประชุม เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณายาสูตรที่ 2 สำหรับผู้ดื้อยาสูตรแรกไว้แล้วประมาณ 3-4 สูตร และคาดว่าจะสามารถนำมาใช้กับผู้ติดเชื้อได้เร็วๆนี้

นพ.สมบัติกล่าวว่า ยาสูตรสองที่นำมาใช้ในโครงการ 30 บาท นี้ ทั้งหมดเป็นยาที่ต้องซื้อจากต่างประเทศ และถือว่าเป็นยาใหม่ที่มีราคาค่อนข้างสูง แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่ามียาชนิดใดบ้าง แต่ยาที่ผ่านการคัดเลือกนำมาใช้ในโครงการนั้นเป็นยาที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพดี รวมทั้งเป็นยาที่ประเทศไทยสามารถต่อรองราคากับทางบริษัทได้

นพ.สมบัติกล่าวว่า จากผลการวิจัยใน จ.อุบลราชธานี สิ้นสุดเมื่อปี 2548 พบว่าเมื่อใช้ยาจีพีโอเวียร์ไป 1 ปี จะมีผู้ดื้อยาสูตรนี้ประมาณ 10% แต่หากใช้ไปประมาณ 2 ปี จะมีผู้ดื้อยาประมาณ 18% ซึ่งในปี 2549 คาดว่าจะมีผู้ดื้อยาสูตรแรกประมาณ 8,000 คน โดยในช่วงแรกสำนักโรคเอดส์ฯ จะเป็นผู้จัดหายาให้กับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แต่สำหรับปีงบประมาณ 2550 นั้นจะมีการหารือกันอีกครั้งว่าผู้ที่จัดหายาจะเป็น สำนักโรคเอดส์ฯ หรือ สปสช. ขึ้นอยู่กับว่านโยบายจะเป็นอย่างไร

เรียบเรียงจาก เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์