Skip to main content
sharethis

3 ก.ย. 49 สถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมาคมนักข่าววิทยุ และโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มูลนิธิสื่อสร้างสรรค์ สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น และแผนพัฒนานโยบายสาธารณะ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ จัดเสวนาเรื่อง "ทางออกเพื่อปฏิรูปการเมืองไทย" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีนักการเมืองและนักวิชาการร่วมเสวนาจำนวนมาก


 


ทั้งนี้ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตหัวหน้าพรรคมหาชน นักวิชาการอิสระ กล่าวถึงข้อเสนอในการปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่ว่า ไม่ว่าจะออกแบบกฎ ระเบียบออกมาอย่างไร คงเอาชนะเทคนิคนักการเมืองไทยไม่ได้ จึงขอเสนอว่า ควรมากำหนดวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้อยู่ในตำแหน่งไม่เกิน 4 ปี หรือ 1 สมัย และคนที่จะเป็นรัฐมนตรีจะเป็นได้ไม่เกิน 8 ปี ส่วน ส.ส.ควรเป็นแค่ 2 สมัยเท่านั้น แต่ไม่แน่ใจว่า นักการเมืองจะเห็นด้วยหรือไม่ จริงอยู่ว่า ในกรณีที่บางคนอาจจะเป็นคนดี คนเก่ง สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้หลายสมัย แต่คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเสียสละ เพื่อป้องกันการวิ่งเต้นเข้ามาสู่การเมืองและกอบโกยเอาผลประโยชน์ เพราะคนที่เข้ามาโดยการวิ่งเต้น ถ้าเห็นว่ามีระยะเวลากำหนด ก็คงคิดว่าไม่คุ้ม จะทำให้ได้คนที่ตั้งใจเข้ามาทำงานเพื่อประโยชน์ประเทศชาติอย่างแท้จริง



ด้านนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ กล่าวว่านายกฯมองประชาธิปไตยแบบด้านเดียว คือมองแต่การเลือกตั้งไม่ได้มองปรัชญาและความคิดในระบอบ ทั้งที่ส่วนนี้คือหัวใจที่สำคัญที่สุด สภาพการเมืองทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก ตลอด 5 ปี เนื่องจากมีกลุ่มทุนผูกขาดเข้ามาเป็นรัฐบาล และนำความคิดแบบพ่อค้ามาบริหารประเทศ ทำให้เกิดการคอร์รัปชั่น ดังนั้นการปฏิรูปการเมืองจะต้องแยกทุนออกมาจากการเมือง เพื่อไม่ให้กลุ่มธุรกิจเข้าสู่อำนาจรัฐ


 


ระบอบทักษิณคล้ายกับระบบมาร์กซิส ของมุสโสเลนี และฮิตเลอร์ ที่นำเอากำลังนอกระบบเข้ามาเป็นเครื่องมือของรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีการคอร์รัปชั่น 3 ขา คือ 1.การคอร์รัปชั่นการเมือง 2.การคอร์รัปชั่นในการบริหารราชการแผ่นดิน และ 3.การคอรัปชั่นทางทฤษฎี


 


การที่ทำให้การคอร์รัปชั่นเบ็ดเสร็จ และประสบความสำเร็จคือ การใช้ป.ป.ช.,กกต.,หน่วยงานราชการ, ดีเอสไอ ,รัฐวิสาหกิจ การทุจริตที่ใช้สำนักงานสลากกินแบ่ง ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารธ.ก.ส.เป็นเครื่องมือ


 


นอกจากนี้จะต้องมีการปฏิรูปองค์กรอิสระทั้งระบบ เพื่อมาควบคุมอำนาจรัฐ โดยบุคคลที่เข้ามาไม่จำเป็นต้องเป็นต้องเป็นบุคคลที่เคยเป็นข้าราชการมาก่อน แต่จะต้องเอาบุคคลที่มีประสบการณ์ และเคารพประชาธิปไตย และพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้เข้ามาทำงาน อย่างไรตามส่วนราชการที่ถือได้ว่าเป็นต้นตอของการเมือง คือ สถาบันการเมืองที่กลายเป็นกลไกของรัฐบาล ดังนั้นควรจะต้องมีการชำระ โดยนำตำรวจเข้าไปเป็นหมวดหนึ่งในรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่เป็นเครื่องมือทำให้เกิดความแตกแยกต่อไป สำหรับรัฐวิสาหกิจ ควรกำหนดให้รัฐบาลและกระทรวงการคลังถือหุ้นรวมกันได้เพียง 49 เปอร์เซ็นต์ เพื่อควบคุมกลุ่มทุนในรัฐบาล


 


ส่วนนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ คณะบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เห็นด้วยที่ว่า วิกฤตการเมืองอยู่ที่ตัวบุคคล จนทำให้บานปลายจนสุดโต่ง ดังนั้นการแก้ปัญหาต้องแก้ที่ตัวบุคคล แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าตัวบุคลเข้ามาอีก การปฏิรูปการเมืองจะเกิดขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ก็ควรแก้ในตัวโครงสร้างด้วย คือ 1.การเข้าสู่อำนาจ 2.การใช้อำนาจ 3.การลงจากอำนาจ ทั้งนี้ตนมองว่า การทุจริตคือปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความฉ้อฉลทางการเมือง ซึ่งเรากำลังหลงกลการเลือกตั้ง โดยเฉพาะระบบเขตของประเทศ จนเป็นเสมือนเลือกประธานาธิบดี หรืออย่างระบบบัญชีรายชื่อ ก็ปรับใช้จากประเทศเยอรมัน


 


นอกจากนี้ปัญหาการเลือกตั้งไม่ได้อยู่ที่คนลงคะแนน แต่อยู่ที่ว่าใครเป็นคนนับคะแนน ผมอยากถามว่า ที่มีการเรียกร้องว่าให้พลเมืองมาส่วนร่วมในการเลือกตั้ง แต่ในความเป็นจริงกว่าจะนับคะแนนได้ก็เกือบ 4 ทุ่ม กว่าจะนับเสร็จก็เกือบตี 4 แล้วจะมีพลเมืองที่ไหนเข้าไปตรวจสอบการนับคะแนนตอนตี 3 นอกจากนี้จะต้องมีการแก้ไขเรื่องเสมอภาคด้วย ไม่ใช่ให้ความเสมอภาคแบบ 1 คน 1 เสียง แต่จะต้องเป็นความเสมอภาคในการแข่งขัน เช่น การรับบริจาคของพรรคการเมือง ต้องไม่มีเพียงบุคคลเดียวที่คอยบริจาค ซึ่งระบบในปัจจุบันนี้ปล่อยให้เป็นอยู่ได้อย่างไร แถมเป็นการให้ซึ่งหน้าอีก


 


สำหรับการเลือกตั้ง ส.ว.ที่เรียกร้องถึงความอิสระ แต่ระบบมันไม่ใช่ เพราะเป็นการแบ่งตามเขตจังหวัด แบบนี้ทำให้ผู้สมัครส.ว.ต้องเข้าหา ส.ส.โดยไม่ตั้งใจ เพื่อขอคะแนนเสียง แล้วอย่างนี้จะอิสระได้อย่างไร


 


ส่วนการตรวจสอบการใช้อำนาจ ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ เรามีผู้นำที่เข้มแข็ง แต่ไม่กล้าไปสภา ซึ่งเป็นเรื่องแปลก นอกจากนี้การทำงานของคณะรัฐมนตรีชุดนี้ เป็นการทำงานเหมือนกับนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เช่น โครงการระบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ ต้องถามว่ารัฐบาลกลางเกี่ยวข้องกับตรงนี้หรือไม่ เพราะงานนี้ไม่ใช่งานรัฐบาล เป็นงานของท้องถิ่น


 


................................................


ที่มา : เว็บไซต์คมชัดลึก ผู้จัดการรายวัน แนวหน้า

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net