Skip to main content
sharethis

27 ส.ค.49 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และวิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยรังสิต จัดเสวนาโครงการประชาภิวัตน์ ครั้งที่ 2 เรื่อง "บทเรียนคนเดือนตุลา...กับความรุนแรงในสังคมไทย" โดยมีวิทยากรเขาร่วม ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายอมร อมรรัตนานนท์ เลขาธิการศูนย์กลางนักเรียนแห่งประเทศไทย ปี 2519 นายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ นายกองค์การมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี 2519


 


นายพิเชียร กล่าวว่า ตนไม่ยอมรับคนเดือนตุลาที่อยู่ในรัฐบาล เพราะไม่ได้ทำเพื่อประชาชน แต่ทำเพื่อชนชั้นปกครอง ทำเพื่อเผด็จการนายทุนผูกขาด เผด็จการรัฐสภา ไม่ได้ทำเพื่อประชาธิปไตย และความดีงามของสังคม ดังนั้น คนที่กล่าวอ้างว่าเป็นคนตุลาถามว่ายังมีจิตสำนึกหรือเปล่า ถ้ามีจิตสำนึกเขาจะไมกล้าอ้างว่าเป็นคนเดือนตุลา แต่เขาจะต้องลาออกแล้ว อยู่ตรงนั้นทำไม


 


"เพื่อนผมหลายคนที่เป็นคนเดือนตุลาเหมือนกัน ได้ฟัง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช แล้วหลายคนโทรมาคุยบอกตรงๆ นะครับ เพื่อนบอกว่า เจอหน้าหมอมิ้ง เกรียง (เกรียงกมล เลาหะไพโรจน์) เจอเมื่อไหร่ จะต่อยหน้าทันทีเลย เพราะเห็นว่าเพื่อนตายมากมายในอดีต แล้วคุณมาพูดแบบนี้ได้อย่างไร ผมว่าทั้งสองคนไม่ไช่คนเดือนตุลา จึงไม่มีคุณค่าที่จะไปตอบโต้ หากคุณมีหัวใจคุณต้องออกมา ไม่ใช่ปล่อยอันธพาลมาทำลาย คนแก่ ผู้หญิง แน่จริงไปที่สวนลุมฯ ลูกผู้ชายต้องเจอกันซึ่งหน้า" นายพิเชียร กล่าว


 


นายก อมธ.ปี 2519 กล่าวอีกว่า อย่ามาอ้างว่าเป็นคนเดือนตุลามันแปดเปื้อน เพื่อนๆ ไม่ยอมรับแล้ว ตัดออกจากบัญชีเลย และคนเดือนตุลาที่เหลือขอเรียกร้องให้ออกมา ไม่ออกขอให้จมไปกับรัฐบาลทักษิณเลย แต่ถ้าไม่ออกมาก็อยากมาอ้าง เพราะคุณสูญสิ้นความเป็นเดือนตุลาไปแล้วจำได้ไหม อมเรศ ชัยสะอาด, ชูวิทย์ โอวาศบุญ,จารุพงค์ ทองสินทร์ และเพื่อนอีกหลายคนที่ตาย จำได้หรือไม่ จำได้ต้องรีบลาออก และหากยังมีจิตสึกนึกคนเดือนตุลาต้องบอกว่าอยากใช้ความรุนแรง เพราะมันคือทรราชที่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน


 


"รีบถอยห่างออกมา แล้วมาสร้างสรรค์คจรรโลงประชาธิปไตยที่ดีกว่า ไม่ใช่นั้นประวัติศาสตร์จะจารึกว่า คุณเป็นแค่สมุนทรราช หรือทาสรับใช้ ดังนั้น อย่าทำตัวเป็นเหมือนดังกลอนบทหนึ่ง ที่บอกว่า "อย่าทำตัวเป็นเจ้าซื่อต่อคนคต ทรยศต่อคนไทย เพียงแบงก์ไม่กี่ใบ เพียงหมวกไม่กี่ใบ ก็ขายตัวเป็นทรชน" ดังนั้น งานครบรอบ 30 ปี 6 ตุลา 19 ที่จะจัดที่ ม.ธรรมศาสตร์ พวกคุณอย่าไป เราไม่ต้อนรับคุณ"


 


นายพิเชียร กล่าวอีกว่า เหตุการณ์บ้านเมืองได้สะท้อนว่ารัฐบาลบ้าอำนาจ ใช้อำนาจที่เป็นอธรรมครอบงำสื่อสาร บิดเบือนข้อเท็จจริง อ้างการเลือกตั้ง คือ ทางออก ที่เขาอ้างเพราะมั่นใจว่าตัวเองได้จัดตั้งในจังหวัดภาคอีสาน เหนือ เพราะแน่ใจว่าตัวเองต้องชนะ แต่มันคือการเลือกตั้งที่เป็นธรรมหรือไม่ เอาการเลือกตั้งมาฟอกตัวเองให้สะอาด เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ขายหุ้นเจ็ดหมื่นกว่าล้านแต่ไม่ยอมเสียภาษีสักบาทเดียว ใครจะยอมรับ ห้าปีที่ผ่านมาคนที่เป็นวิญญูชนมองแปบเดียวก็รู้ว่าคนนี้ทำเพื่อบ้านเมืองหรือไม่


 


"แม้กระทั่งจะซื้อเสียงก็ยังใช้งบประมาณแผ่นดิน เงินตัวเองก็ไม่ยอมออก ผมไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนที่เขาทำใคร จะมาเปลี่ยนดำเป็นขาว เอาใบบัวมาปิดช้างตายทั้งตัว ในสังคมไทยอย่าหวังว่าจะทำได้ หากจะทำแบบนี้ต้องไปอยู่มาเลเซีย สิงคโปร์ เพราะไทยไม่ยอม คนไทยเป็นเสรีชน"


 


ด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคม ไม่เคยเกิดขึ้นจากประชาชน แต่เกิดขึ้นจากฝ่ายรัฐ เช่น เหตุการณ์ 14 ตุลา 16 เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 หรือเหตุการณ์พฤษภาปี 2535 โดยใช้กระบวนการอำนาจรัฐ มาเป็นเครื่องมือในการจัดการกับประชาชน และปัจจุบันมันสะดุดไม่มีประชาธิปไตย มีการใช้ความรุนแรง เช่น ที่พารากอน หรือ เซ็นทรัล เวิลด์ มีการใช้ตำรวจและพวกอันธพาลไปทำร้ายคนผู้หญิง คนแก่ ซึ่งเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดปัญหา ซึ่งหลักฐานที่ปรากฏมันหน้าเกลียดมาก


 


"คนเป็นนักเลงเขาทำไม่ลงหรอก พวกนี้ขี้ขลาดตาขาว สร้างสถานการณ์ เพื่อให้มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน นี้เป็นการกระทำของพวกที่อ้างตัวเองเป็นหัวก้าวหน้ามาในรัฐบาลทำเป็นซ้าย ต่อสู้กับทุนศักดินา ทั้งที่ทุนก็คือทุนโบราณ แต่มาจากการเลือกตั้ง ที่มาจากเจตจำนงจริงหรือไม่ก็ไม่รู้ เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมามันไม่ยุติธรรม เป็นการอ้างการเลือกตั้งมาฟอกตัวเอง" แกนนำพันธมิตรฯกล่าว


 


นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลัว จึงถอยไม่ได้ เพราะหากถอยก็กลัวว่าจะถูกติดคุก หรือเนรเทศ ทำได้แค่การซื้อเวลา เพราะเงินทำอะไรก็ได้ สถานการณ์แบบนี้เขาเข้าไปสู่มุมที่ข้างถนน ลงเหวหมดแล้ว ดังนั้น เขามีอยู่รูเดียว คือ สืบทอดอำนาจ เพื่อทำให้ข้อกล่าวหา ข้อสงสัยทั้งหลายจากหนักกลายเป็นเบา ดังนั้น ฝ่ายประชาชนจะต้องมีสติ ประสานและยึดส่วนรวมให้ชัดและแกะแผลต่างๆ ออกมาอย่าเปลี่ยนเรื่อง นอกจากนี้ ตนยังตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดคนตุลา จึงเข้ามาเกี่ยวข้องร่วมกับ นายสมัคร สุนทรเวช ทั้งที่เหตุการณ์ที่ผ่านมีถือว่าเป็นศัตรูกัน


 


ขณะที่ นายอมร กล่าวว่า บทเรียนความรุนแรงในอดีตที่เกิดจากผู้ปกครองที่กุมผลประโยชน์ของตัวเอง และกลัวว่า หากประชาชนตื่นตัวขึ้นมาผลประโยชน์ของตัวเองจะถูกทำลาย และคนกลุ่มนี้ยังเห็นว่าหากมีการปล่อยให้ขยายวงต่อไป โอกาสที่ฝ่ายประชาธิปไตยจะเข้ามามีบทบาทในสังคม และผลกระทบก็คงเกิดขึ้นวันหนึ่ง ดังนั้น การพยายามทำลายกระบวนการก็ไม่ต่างอะไรกับระบอบทักษิณที่ใช้อยู่ ไม่ต่างกับยุทธศาสตร์ที่จะฆ่าคน 3 พันคนในอดีต โดยการจัดตั้งกลุ่มกระทิงแดง นวพล หรือลูกเสือชาวบ้าน ที่เข้ามาทำลายกลุ่มนิสิตนักศึกษา ซึ่งถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการจงใจที่จะทำให้เกิด


 


"ผมเชื่อว่า อีกไม่นานนักจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ภาคประชาชนจะได้เก็บเกี่ยวอะไรกับประวัติศาสตร์ เพราะสภาพการปกครองในระบอบทักษิณ คนตุลาที่อยู่ในรัฐบาล และอ้างว่าเป็นกลุ่มก้าวหน้า เขากำลังเผยแพร่ทฤษฎีฉวยโอกาสเอียงซ้าย กำลังนำพาให้เป็นสังคมทุนนิยม ดังนั้น ผมเห็นว่าสังคมไทยกำลังอยู่ในภาวะปรับตัว เพราะเศรษฐกิจในระบอบทักษิณมีการขยายตัวอย่างสลับซับซ้อนมากขึ้น เศรษฐกิจแบบศักดินาหมดไป ไม่หลงเหลือ กลายเป็นทุนนิยมหมดแล้ว และเขากำลังความเผยแพร่ให้กับพี่น้องประชาชนเข้ามาเป็นทับหลังของพรรคไทยรักไทย ซึ่งถือเป็นการกระทำที่กำลังแพร่พิษร้าย ในทฤษฎีที่สามานย์ หลอกลวงสหายกันเอง" นายอมร กล่าว


 


นายอมร กล่าวอีกว่า ตนขอฝากไปยังนายแพทย์พรหมินทร์ ที่ถือว่าลูกที่ดีของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ได้อยู่กับผู้เฒ่าในพรรค เป็นถึงสหายนำในพรรค ได้รับโอกาสมีการมองภาพที่ดี แต่วันนี้นายแพทย์พรหมินทร์กำลังทำให้วีรภาพของตัวเองที่เป็นนักต่อสู้ นักปฏิวัติ เป็นอดีต พคท.ที่วีรภาพหมดไปกับการกระทำและวิธีคิด และที่นายแพทย์พรหมินทร์ บอกผ่านสื่อว่า กำลังต้องการจะโยนคืนบ้าง ขอถามว่า ต้องการโยนคืนอะไร ตนยังไม่หวังว่า จะเป็นการใช้ความรุนแรงแบบเซ็นทรัล เวิลด์ หรือหากเป็นแบบนั้นตนก็พร้อมยอมรับความรุนแรง หรือต้องการกล่าวหาเพื่อแบ่งแยกพวก สร้างความเกลียดชังในประชาชน


 


"ผมคิดว่า หมอมิ้ง กำลังใส่หมวกให้กับคนตุลาฝั่งพันธมิตรฯ บอกว่า พวกเรากำลังปลุกเร้าคนที่ไม่เคารพกฎกมาย และอธิบายว่า การเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตย หมอมิ้งคงลืมหลักการของพรรคคอมมิวนิสต์ ที่เขียนว่าเสียงส่วนน้อยสามารถสงวนความคิดเห็นได้ เพราะเสียงส่วนน้อยขณะนี้ คงจะแค่ 8-9 ล้านคน ดังนั้น หากหมอมิ้งอยากโยนอะไรมาก็โยนมา แต่ขอร้องอย่าไปทำลายประชาชนที่บริสุทธิ์ ถ้าบอกว่าแกนนำพันธมิตรฯวุ่นวาย เช่น กรณีแผนผังที่เขียนให้นักข่าวมา ถือว่าผิดมหันต์ เพราะ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล หรือคุณคำนูญ สิทธิสมาน เขาไม่เคยเข้าป่าครับ และที่บอกว่าคนเดือนตุลาสูญเสียญาติพี่น้อง จริงๆ แล้วมีแต่เสียมิตรร่วมรบเท่านั้น ขณะนี้ผมเสียใจว่าหมอมิ้งกำลังจะทำอะไรต่อ เพราะจิ้งจกของพรรคไทยรักไทย มาบอกผมว่า เขาต้องให้บทเรียนพวกนี้มันบ้าง และขณะนี้พรรคไทยรักไทย ก็ไม่มีทางออกอื่น" อดีตเลขาธิการศูนย์กลางนักเรียนแห่งประเทศไทย ปี 2519 กล่าว


 


เลขาธิการศูนย์กลางนักเรียนแห่งประเทศไทย ปี 2519 กล่าวด้วยว่า ตนกล้าฟันธงว่า พรรคไทยรักไทยไม่อยากให้มีการเลือกตั้งวันที่ 15 ต.ค.นี้ เพราะมีการประเมินแล้วว่า หลังเลือกตั้งหากพรรคไทยรักไทยชนะจะบริหารประเทศไม่ได้ จึงพยายามจะสร้างสถานการณ์ อย่างภาพการวางระเบิดที่เกิดขึ้น ในสังคมไทยไม่เคยมี และผมเชื่อว่า หากคุณทำแบบนี้ ของจริงจะตามมา จะเป็นของจริงจากฝ่ายไหนไม่ทราบ แต่เมื่อถึงวันนั้น หากคุณจะสถาปนาเพื่อให้มีสังคมไทยในภาคพิเศษ อย่าหวังว่าคุณจะอยู่ได้" เลขาธิการศูนย์กลางนักเรียนแห่งประเทศไทย ปี 2519


 


นายอมร กล่าวด้วยว่า หากวันแรกที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.บริหารราชการฉุกเฉิน หรืออำนาจใดจริง สิ่งที่เกิดขึ้น คือ พลังมวลชนที่ไม่ได้นัดหมายจะเกิดในท้องถนน การเผชิญหน้าจะเกิดขึ้น ดังนั้น ตนจึงขอร้องรัฐบาลอย่าใช้วิธีการนี้ เพราะจะเป็นการถอยข้าง หาก พ.ต.ท.ทักษิณ จากไปตอนนี้คงไม่สาย แต่หากบอกว่าเป็นสิทธิทางการเมือง พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องทบทวนพฤติกรรม ว่า ในรอบห้าปีเขามีความเหมาะสมหรือไม่ว่าเป็นตัวแทนประชาชนที่อาสาให้ลงจากการเมือง


 


"ถ้าถึงวันนี้คุณทักษิณไม่หยุดเราจะทำอย่างไร ผมเสนอว่า วันนี้เราต้องย้อนบทเรียนเดือนตุลา คือ หากภาคประชาชนไม่เข้มแข็ง ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ก็จะเกิดอำนาจใหม่ ที่เข้ามาฉวยโอกาส เอาดอกผล เช่น กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเอาดอกเอาผลเราไป หรือกรณี 14 ตุลา เขาก็ขีดวงให้ทำลายเรา ผมหวังว่า พันธมิตรฯ หรือองค์กรเครือข่ายต่างๆ ที่สะสมกำลัง ผมอยากจะเห็นให้มีการดำรงอยู่ต่อในฐานะที่เป็นองค์กรภาคประชาชน ที่จะปฏิบัติฟื้นฟูประเทศใหม่ จะไม่ให้ใครกลุ่มไหน หรือกรณีที่ช้างชนช้าง เราจะไม่ให้ช้างตัวไหนมาเอาผลประโยชน์ในลำพัง ท่ามกลางเปลี่ยนแปลงครั้งต่อไป เราจะทำยังไงให้พวกเราสูญเสียน้อยที่สุด" เลขาธิการศูนย์กลางนักเรียนแห่งประเทศไทย ปี 2519


 


………………………………………………


ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net