ประชาไท—22 มิ.ย. 2549 จุนอิชิโร โคอิซูมิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2549 ว่าภารกิจในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในอิรักได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์และประสบความสำเร็จแล้ว โดยโฆษกสำนักงานกลาโหมญี่ปุ่นได้กล่าวเพิ่มเติมว่ากองทัพทหารญี่ปุ่นได้รับคำสั่งให้เตรียมถอนกำลังทันที

อย่างไรก็ตาม กองทัพอากาศของญี่ปุ่นจะยังคงอยู่ปฏิบัติภารกิจในอิรักต่อไปเพื่อภารกิจขนส่งอาหารและบุคลากรของกองกำลังพันธมิตรไปยังกรุงแบกแดด แม้ว่าจะถอนกำลังทหารภาคพื้นดินออกจากอิรักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่คาดว่าทหารชุดสุดท้ายจะเดินทางกลับบ้านเกิดได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้

ทั้งนี้ สื่อมวลชนญี่ปุ่นรายงานนายกรัฐมนตรีโคอิซูมิต้องประกาศท่าทีและกำหนดเวลาอย่างชัดเจนในเรื่องนี้ เพราะรู้ดีว่าการฝืนกระแสความต้องการของคนญี่ปุ่นเพื่อเอาใจรัฐบาลสหรัฐอเมริกาต่อไปอาจทำให้เสียคะแนนความนิยมในประเทศตน

นับตั้งแต่รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจส่งทหารที่ไม่ใช่หน่วยรบไปช่วยเหลือสหรัฐฯ ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรมในสงครามอิรักเมื่อเดือนธันวาคม 2546 ปฏิบัติการดังกล่าวถูกต่อต้านจากประชาชนจำนวนมาก ทำให้คะแนนนิยมของรัฐบาลและตัวนายโคอิซูมิเองตกต่ำลงไป

ผลสำรวจระบุว่า ชาวญี่ปุ่นมากกว่าร้อยละ 50 ต่อต้านการส่งทหารไปอิรัก และจำนวนมากกว่านี้วิตกกังวลด้านความปลอดภัยของกองทัพญี่ปุ่นในอิรัก และเกรงว่าการกระทำดังกล่าวจะช่วยให้เกิดความเป็นไปได้ที่จะทำให้ญี่ปุ่นตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของผู้ก่อการร้าย

ทางด้านผู้นำพรรคการเมืองฝ่ายค้านได้แสดงความกังวลเรื่องแผนการขยายระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศในอิรักต่อไปอีก โดยให้เหตุผลว่าการใความช่วยเหลือแก่สหรัฐฯ ต่อไป แม้จะเป็นเพียงการลำเลียงเสบียงอาหารก็นับว่าเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคงของญี่ปุ่นอยู่ดี

การที่ผู้นำญี่ปุ่นประกาศถอนกำลังทหารออกจากอิรักในครั้งนี้ ถูกมองว่าจะเป็นกระแสนำร่องที่ดีที่จะทำให้พันธมิตรทำสงครามอิรักรายอื่นของสหรัฐ เช่น อังกฤษ และออสเตรเลีย หันมาทบทวนจุดยืนของตนเสียใหม่