ประชาไท-5 ตค. 47 ดร. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ กล่าวในการเสวนาเรื่อง "อำนาจ กกต. กับสื่อในแง่มุมกฎหมาย" ณ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ถึงการห้ามสื่อมวลชนทำโพลในช่วงก่อนการเลือกตั้งว่าเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้เนื่องจากการทำโพลนั้นได้รับการคุ้มครองตามมาตรา 42 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าประชาชนมีเสรีภาพทางวิชาการ ส่วนการห้ามประกาศโพลนั้น ถือว่าเป็นการขัดกับมาตรา 39 ของรัฐธรรมนูญซึ่งระบุถึงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน

แม้ว่าทางกกต. จะอ้างมาตรา 29 ที่มีข้อยกเว้นให้จำกัดสิทธิของประชาชนได้ แต่ในมาตราเดียวกันก็ระบุไว้ว่าให้จำกัดสิทธิเท่าที่จำเป็น โดยจะกระทบกระเทือนต่อสาระสำคัญของสิทธิและเสรีภาพมิได้ ซึ่ง ดร. ปริญญามองว่าการห้ามทำโพลอย่างสิ้นเชิงนั้นเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งน่าจะใช้การจำกัดช่วงเวลาในการทำโพล อย่างที่หลายๆ ประเทศทำกัน

ดร. ปริญญายังแสดงความเห็นว่าประกาศห้ามทำโพลของกกต. นั้นไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และประชาชนก็ไม่จำเป็นต้องทำตามประกาศที่ขัดกับหลักรัฐธรรมนูญ ซึ่งสื่อมวลชนสามารถยื่นคำร้องผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา เพื่อส่งต่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา หรือไม่เช่นนั้นก็ทำโพลกันตามปกติจนกว่าจะมีการกล่าวโทษโดยกกต. แล้วจึงใช้มาตรา 264 ของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเช่นกัน

รศ. ดร. กมลชัย รัตนสกาววงศ์ ผู้อำนวยการดุษฎีบัณฑิตศึกษาทางนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตกล่าวว่าอำนาจของ กกต. ในการออกกฎระเบียบต่างๆ ในการเลือกตั้งนั้น ในมาตรา145 ของรัฐธรรมนูญที่ระบุไว้ว่าให้ออกกฎระเบียบได้อันจำเป็นแก่การปฎิบัติ อันจะทำให้การเลือกตั้งดำเนินต่อไปได้ ซึ่งแม้จะมีการทำโพล แต่การเลือกตั้งก็ยังสามารถดำเนินได้ ถ้าจะห้ามการทำโพลจริงๆ ก็ต้องไปแก้กันที่ตัวพรบ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งมากกว่าการออกกฎระเบียบเอง

นายภัทระ คำพิทักษ์ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การทำโพลนั้นเป็นการแสดงถึงเสรีภาพของสื่อ แต่โพลก็ต้องมีการปรับปรุงตัวเองโดยการให้ความสำคัญต่อการระบุถึงกลุ่มเป้าหมายและห้วงเวลาในการทำโพล รวมถึงการไม่ประกาศ Exit Poll ก่อนปิดหีบเลือกตั้งด้วย

ภาณุวัฒน์ อภิวัฒนชัย
ประชาไทรายงาน