Skip to main content
sharethis

 



 


เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 กรกฎาคม 2548 ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 209 ศาลจังหวัดสงขลา ได้นัดไต่สวนชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต 19 ศพ จากเหตุการณ์ปะทะกันเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 บริเวณหน่วยบริการประชาชนตลาดสะบ้าย้อย และร้านอาหารสวยนะ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา โดยพนักงานอัยการจังหวัดสงขลาได้เบิกตัวพยาน นางสวยน๊ะ กาเดร์ เจ้าของร้านอาหารสวยนะมาให้การต่อศาล โดยมีผู้คัดค้านซึ่งเป็นญาติผู้เสียชีวิตมาฟังการไต่สวน 15 คน และทนายความของผู้คัดค้านมาร่วมซักค้าน 5 คน


นางสวยน๊ะ ให้ปากคำต่อศาลว่า เวลาประมาณ 05.00 น. วันที่ 28 เมษายน 2547 ขณะที่ตนและหลานกับพนักงานร้านรวม 3 คน กำลังนอนหลับอยู่ในห้องทางด้านทิศตะวันออกของร้าน ได้ยินเสียงปืนขึ้น แต่ไม่ทราบว่าเป็นนัดที่เท่าใด จึงตื่นขึ้นมาเปิดประตูดูบริเวณนอกร้านด้านถนนชาญนุเคราะห์ พบกลุ่มชายวัยรุ่น 5 - 6 คน ยืนอยู่ สวมเสื้อยาวสีขาวแบบมุสลิม (ชุดดะวะอ์) และโพกศีรษะด้วยผ้าลายขาว - แดง ถืออาวุธมีดยาว และวัตถุคล้ายปืน ยืนหันหน้าเข้าหาหน่วยหน่วยบริการประชาชน ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางด้านทิศตะวันตกประมาณ 20 เมตร



นางสวยน๊ะ ให้ปากคำต่อว่า เมื่อเห็นดังนั้นตนก็ตกใจวิ่งกลับเข้าไปในห้องเช่นเดิม ระหว่างนั้น ตนบอกพนักงานของร้านให้กลับเข้าไปในร้าน เมื่อตนเข้าไปในร้านก็ได้ยินเสียงปืนขึ้นหลายนัด จึงหมอบลงที่พื้นกับพนักงานที่อยู่ร่วมห้อง ส่วนหลานอีกคนวิ่งเข้าไปอยู่ในห้องใกล้กัน จากนั้น ได้ยินเสียงปืนดังเป็นระยะ ระหว่างที่หลบอยู่ในห้องได้ยินเสียงพูดภาษายาวี แต่ตนไม่เข้าใจ ตามด้วยเสียงวิ่งและเสียงสิ่งของตกหล่น ต่อมา ได้ยินเสียงพูดว่า "ออกมาๆ" จากนั้น ได้ยินเสียงพูดว่า "สู้ตายๆ" และเสียงปืนคละเคล้ากัน แยกไม่ออกว่าเสียงดังมาจากฝ่ายใด นอกจากนี้ ยังได้ยินเสียงแตรรถยนต์ 3 ครั้ง



นางสวยน๊ะ ให้ปากคำต่อว่า กระทั่งเวลา 09.30 น. เหตุการณ์จึงสงบ ตำรวจได้นำตนออกมาจากห้อง แล้วพาไปนั่งที่บ้านพักของนายบุญเลิศ ภักดีรุจิรัตน์ อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนชาญนุเคราะห์ ประมาณครึ่งชั่วโมง


 


จากนั้น ได้นำตนเข้าไปตรวจดูความเสียหายภายในร้าน พบว่ามีคนตาย 15 ศพ ตรงบริเวณห้องพักนักร้อง โรงเรือนจัดเลี้ยงอาหาร และในห้องน้ำ นอกจากนี้ ยังพบกระเป๋าสะพาย เสื้อผ้าชุดดะวะห์คล้ายชุดที่กลุ่มวัยรุ่นที่พบครั้งแรกสวมใส่ ผ้าโพกศีรษะขาว - แดง ตกเกลื่อนอยู่ภายในร้าน พบมีดสั้นและมีดยาว ปืนลูกซองยาว 1 กระบอก ปืนลูกซองสั้น 1 กระบอก และลูกระเบิด 1 ลูก ตกอยู่ใกล้ๆ ศพ พบผ้าชุบน้ำมัน มีรอยไฟไหม้ ตกอยู่ที่พื้น รถยนต์กระบะในโรงจอดรถถูกทุบกระจกด้านคนขับ และถูกฟันด้วยมีดที่อุปกรณ์ล็อกพวงมาลัย ส่วนรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ข้างรถยนต์ มีกระดาษชำระอุดอยู่ที่หัวเทียน มีรอยถูกไฟไหม้


นางสวยน๊ะ ให้ปากคำอีกว่า บริเวณรถยนต์ มีรอยกระสุนปืนที่ประตูด้านคนขับทะลุประตูด้านซ้าย และมีรอยกระสุนที่กระโปรงรถ และมีรอยกระสุนปืนที่ตู้ลำโพงบนเวที และที่พื้นซิเมนต์ภายในร้านหลายแห่ง รวมทั้งมีรอยกระสุนที่ผนังซิเมนต์กั้นเป็นช่องสำหรับที่นั่งแขก ตามโต๊ะเก้าอี้หลายแห่ง ที่น้ำตกจำลองภายในร้าน และที่ผนังห้องน้ำ เป็นรอยทะลุ 1 - 2 รู ประเมินความเสียหายประมาณ 150,000 บาท  จากนั้น ตำรวจได้นำตนกับผู้เห็นเหตุการณ์อีก 2 คน ไปแยกกันสอบปากคำ



นางสวยน๊ะ ให้ปากคำด้วยว่า ตนรู้จักผู้ตาย 6 คน แต่จำชื่อไม่ได้ เนื่องจากผู้ตายเคยมาเล่นฟุตบอล ที่โรงเรียนบ้านมุนี ตำบลนาจะแหน อำเภอสะบ้าย้อย ซึ่งตนเคยเป็นครูสอนหนังสืออยู่ก่อนลาออกจาก


ราชการเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งหมดไม่เคยมาอุดหนุนร้านของตน ตนได้รับคำบอกเล่าจากนักร้องของร้านว่า ในวันเกิดเหตุผู้ตายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาชน ผู้ตายบอกกับนักร้องว่า ให้ออกไปจากบริเวณดังกล่าวเพราะอันตราย และระหว่างเกิดเหตุไม่มีผู้ตายคนใดเรียกให้ตนช่วย ร้านมีทางออกเพียง 2 ทาง อยู่ทางด้านถนนชาญนุเคราะห์ ไม่มีทางออกทางอื่น เจ้าพนักงานของหน่วยบริการประชาชน และสถานีตำรวจภูธรอำเภอสะบ้าย้อย ที่เคยเข้ามาใช้บริการในร้านรู้ดี ทั้งนี้ ตนเคยได้ยินชาวบ้านพูดกันว่า ผู้ตายในร้านถูกจ่อยิง


 


การไต่สวนดำเนินมาถึงเวลา 17.00 น. ทนายความญาติผู้ตายแถลงว่า ยังมีคำถามค้านอีกมาก จึงขออนุญาตเลื่อนการไต่สวน โดยไม่มีผู้ใดคัดค้าน ศาลพิเคราะห์เห็นว่า มีเหตุสมควร จึงอนุญาตให้เลื่อนไปนัดไต่สวนคำร้อง เวลา 09.00 - 16.30 น. วันที่ 8 สิงหาคม 2548 ระหว่างการไต่สวน ทนายความของญาติผู้ตายได้ส่งพยานเอกสาร 5 ฉบับ ประกอบด้วย รูปถ่ายผู้ตาย และสถานที่เกิดเหตุ



นางสวยน๊ะ เปิดเผยกับ "ประชาไทออนไลน์"หลังจากให้การต่อศาลว่า ขณะมีผู้ปล่อยข่าวว่า ตนและญาติ รวมทั้งพนักงานในร้านรับเงินคนละ 50,000 - 60,000 บาท จากตำรวจ ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยรับเงินจากใคร และไม่มีใครมาให้เงิน นอกจากค่าเสียหายภายในร้านจำนวน 150,000  บาท ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลามอบให้เท่านั้น ตนได้ขอให้ญาติผู้ตายช่วยทำความเข้าใจกับชาวบ้านอีกทางหนึ่งด้วย และขอยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่มีญาติผู้ตายคนใดมาข่มขู่หรือขอร้องไม่ให้ตนมาเป็นพยาน


ทั้งนี้ ในการไต่สวนนัดแรก เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2548 พนักงานอัยการได้ให้เหตุผลต่อศาล กรณีที่นางสวยน๊ะไม่มาให้การว่า เพราะป่วยเป็นโรคเครียด ประกอบกับมีญาติของผู้เสียชีวิตบางคนไปบอกนางสวยน๊ะไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดีนี้ เพราะจะทำให้ญาติผู้ตายไม่ได้รับเงินค่าชดเชย

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net