เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2548 ที่โรงแรมพาวิลเลี่ยน อำเภอเมืองสงขลา มีการประชุมสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากนั้นที่ประชุมได้ร่วมกันออกแถลงการณ์สนับสนุนการออกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอ้างว่า พระราชกำหนดฉบับดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยิ่ง เพราะจะทำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐเข้มแข็งมากขึ้น พร้อมกับขอให้รัฐบาลนำพระราชกำหนดมาบังคับใช้ในพื้นที่โดยเร็ว ถึงแม้รัฐจะบังคับใช้ก่อนเพียง 7 มาตรการ แต่ถ้าอีก 9 มาตรการที่เหลือ หากนำมาบังคับใช้แล้ว มีประโยชน์และก่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยและสันติสุขในพื้นที่ สมาพันธ์ครูฯ ก็เรียกร้องให้รีบนำมาบังคับใช้โดยเร็วเช่นกัน
นอกจากนี้ ที่ประชุมสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังได้มีมติให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ขอให้รัฐยุติแนวคิดย้ายข้าราชการครู หรือข้าราชการหน่วยอื่นออกนอกพื้นที่ เพราะจะส่งผลต่อขวัญกำลังใจของคนที่ยังอยู่ในพื้นที่ ขอให้รัฐบาลประกาศให้ชัดเจนว่าใคร กลุ่มไหนเป็นผู้ก่อเหตุ และเรียกร้องให้ยกเลิกคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ เพราะไม่มีประโยชน์ต่อการแก้ปัญหา และสิ้นเปลืองงบประมาณ
นายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ขณะนี้ครูในพื้นที่อยู่ในความหวาดผวา เพราะไม่ทราบว่าเมื่อออกจากบ้านแล้วตอนเย็นจะได้กลับมาอีกหรือไม่ ก่อนจะออกไปสอนต้องร่ำลาลูกเมีย ไปโรงเรียนเหมือนไปสงคราม ไปสอนที่โรงเรียนก็ต้องไปเป็นเวลาตามกำหนดการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายทหาร เพราะหากไม่ไปพร้อมกับชุดรักษาความปลอดภัย หากมีอะไรเกิดขึ้น จะกลายเป็นว่าครูไม่มีวินัยในการเดินทาง ครูกลายเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มก่อความไม่สงบ
วันเดียวกัน มีผู้เขียนจดหมายข่มขู่ส่งไปยังผู้อำนวยการโรงเรียน 8 แห่ง ในอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านนิคม 3 โรงเรียนบ้านควนติหมุน โรงเรียนบ้านท่าม่วง โรงเรียนบ้านคลองประดู่ โรงเรียนบ้านคลองขุด โรงเรียนบ้านตุหยง โรงเรียนบ้านเกาะแลหนัง และโรงเรียนบ้านบ่อเตย โดยหน้าซองจดหมายประทับตราไปรษณีย์อำเภอเทพา เนื้อความเขียนด้วยลายมือระบุว่า "ให้ครูไทยพุทธทุกคนออกไปจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด" เจ้าหน้าที่ได้เก็บจดหมายทั้งหมดไปตรวจสอบแล้ว แต่ยังระบุไม่ได้ว่าเป็นการข่มขู่หรือของจริง
หลังเกิดเหตุนาย
นาย
ขณะเดียวกัน วันที่ 30 กรกฎาคม 2548 สมัชชาจังหวัดสงขลาเพื่อปฏิรูปการเมือง ร่วมกับคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย และนักการเมืองท้องถิ่น จัดสัมมนา "73 ปีแผ่นดินไทย ใครเป็นใหญ่ในแผ่นดิน" ที่จังหวัดสงขลา เพื่อเปิดเวทีให้ทุกฝ่ายร่วมแสดงความคิดเห็นต่อพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยก่อนหน้านี้ สมัชชาจังหวัดสงขลาเพื่อปฏิรูปการเมืองได้ใช้รายการวิทยุ เปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นแล้วพบว่า เสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับพระราชกำหนดฉบับนี้
เวลา 11.50 น. วันเดียวกัน ขณะที่นาย
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
- พ.ร.ก.แผลงฤทธิ์บุกค้นปอเนาะรายวัน
- พ.ร.ก.ฉุกเฉินในสายตานักกฎหมายนานาชาติ - รายงาน
- สื่อต่างชาติหวั่นสถานการณ์ใต้แย่ลง
- รัฐใช้ ม. 12 คุมตัว 5 นร.ปอเนาะอิสลามศึกษาสอบเครียด
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)