Skip to main content
sharethis

เชียงใหม่-24 มิ.ย.48 ตำรวจภาค 5 ประชุมเครียดคดีฆ่าพระ หลังจาก ผบช.ภาค 5 พร้อมคณะลงพื้นที่เกิดเหตุ ก่อนกลับมาประชุมด่วน พร้อมเผยทางสำนักปฏิบัติธรรมเคยมีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ตั้งแต่อดีต จำนวน 5 คดี แต่ก็ไม่ทิ้งประเด็นปมขัดแย้งบุกรุกพื้นที่ป่าของสำนักสงฆ์จำนวน 700 ไร่

ความคืบหน้าประเด็นสังหารพระสุพจน์ พระนักอนุรักษ์แห่งสำนักปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรม ต.สันทราย อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ จนกลายเป็นข่าวที่คนทั่วไปให้ความสนใจกันมาก เพราะถือว่าเป็นคดีที่สะเทือนขวัญของพุทธศาสนิกชนและกลุ่มนักอนุรักษ์ทรัพยากรทั่วประเทศ

ล่าสุดวันนี้ (24 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผบช.ภาค 5 ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว ประกอบด้วย พ.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา รองผบก.หน.ศูนย์สืบสวนสอบสวน ภาค 5 พ.ต.อ.ชำนาญ รวดเร็ว รองผบก.ภ. จ.เชียงใหม่ พ.ต.ท.ศราวุธ จันทรประเสริฐ ผกก.สส.ภาค 5 และ พ.ต.ท.ธนสาร พลายโถ ผกก. สภ.อ.ฝาง เข้าประชุมกันอย่างเคร่งเครียด หลังจากได้ลงไปในพื้นที่เกิดเหตุเมื่อวันก่อน

แหล่งข่าวในที่ประชุมระบุว่า ทางตำรวจภูธรภาค 5 กำลังมีการประชุมเพื่อเร่งสรุปสำนวนกันอย่างเคร่งเครียด และคาดว่าจะมีการปิดคดีในเร็วๆ นี้ เนื่องจากได้มีการสาวหาตัวผู้กระทำผิดได้แล้วในเบื้องต้น

พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผบช.ภาค 5 กล่าวว่า เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไปรวมทั้งกลุ่มนักอนุรักษ์ อย่างไรก็ตาม ตำรวจต้องทำงานกันอย่างรอบคอบ ทั้งนี้เบื้องต้นทราบว่า ทางสำนักปฏิบัติธรรมได้เคยมีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ตั้งแต่อดีต จำนวน 5 คดี แต่ก็ไม่ทิ้งประเด็นปมขัดแย้งบุกรุกพื้นที่ป่าของสำนักสงฆ์จำนวน 700 ไร่

ด้าน พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ ประธานกลุ่มเสขิยธรรม ได้กล่าวว่า เข้าใจว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่คงจะเร่งให้มีการปิดคดีโดยเร็ว เพื่อลดกระแสเพราะคนทั่วประเทศต่างให้ความสนใจ ยิ่งมีสัญญาณจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้เร่งจับหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ ไม่ให้ไว้หน้าใครใดๆ ทั้งสิ้น

รวมทั้งทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ และนายสุวัฒน์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็ลงไปในพื้นที่กันหมด ซึ่งหากทางตำรวจในท้องที่ไม่เร่งปิดคดี ก็จะทำให้เสียหน้า จึงถือว่าเป็นการช่วงชิงกัน โดยทราบมาว่า ขณะนี้มีการเตะแข้งเตะขาขัดกันอยู่

"การเร่งปิดคดี ก็คงเพื่อลดกระแส หลังจากนั้นก็คงเงียบหายไป ซึ่งอาจจะไม่เป็นผลดี หรือเป็นประโยชน์ ถ้าหากมีการจับได้เพียงมือฆ่า แต่ไม่สามารถสาวไปถึงต้นตอ ดังนั้นทำอย่างไร จึงจะรื้อถอนโครงสร้างอำนาจอิทธิพลในพื้นที่นั้นให้ได้ เพราะทุกวันนี้ กลุ่มอิทธิพลเหล่านี้กดขี่ชาวบ้านกันมามากพออยู่แล้ว" พระกิตติศักดิ์ กล่าว

พระกิตติศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากภาครัฐมีความจริงใจ เอาวิกฤตินี้เป็นโอกาส เข้ามารื้อโครงสร้างอำนาจอิทธิพลในพื้นที่ได้ ก็จะสามารถสร้างความชอบธรรมให้สังคมได้ประจักษ์ได้ หรือว่า มันมีผลประโยชน์บังตา หรือมีใครที่ใหญ่กว่า จึงมีความพยายามใช้เทคนิควิธีกลบเกลื่อน ซึ่งขณะนี้สังคมไทยเริ่มไม่เชื่อในโครงสร้างระบบตำรวจในระดับจังหวัดหรือระดับภาคกันแล้ว

สำหรับแนวทางสอบสวนคดีพระสุพจน์ ทางสำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 สันนิษฐานประเด็นการฆ่าไว้ 2 ประเด็นคือ คนร้ายที่ลักลอบตัดไม้ไผ่ไม่พอใจที่พระมาขัดขวาง เนื่องจากเมื่อวันที่13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีนายเก่ง ไม่ทราบนามสกุล ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงวัดเข้ามาขอพระผู้ตายทำการตัดไม้ไผ่จำนวน 2 ต้น เพื่อใช้ประโยชน์ ทางพระได้อนุญาต แต่หลังจากนั้นนายเก่งได้เข้ามาขอใหม่เพราะไม้ที่ตัดไม่ตรงใช้ประโยชน์ไม่ได้ คราวนี้ทางพระสุพจน์ไม่อนุญาต นายเก่งจึงเดินทางกลับไปแต่แล้วอาจจะมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนเข้ามาเพื่อสวมรอยเป็นนายเก่งเข้ามาตัดไม้ แต่สุนัขที่พระสุพจน์เลี้ยงไว้ได้เห่า จึงถูกคนร้ายใช้ขวานฟันได้รับบาดเจ็บ และพระสุพจน์ได้เข้ามาพบเห็นจึงทำการพูดคุย ว่ากล่าวถึงเรื่องดังกล่าว จนทำให้คนร้ายไม่พอใจใช้ขวานฟันพระสุพจน์จนเสียชีวิตดังกล่าว

ส่วนอีกประเด็นคือการจ้องฮุบที่ดินของวัด โดยก่อนหน้านี้ทางวัดทราบว่ามีนายมนูญ และนายณรงค์ การสะสม 2 พี่น้องได้ทำการอ้างตัวเป็นร้อยเอกนอกราชการ เข้ามาอ้างว่า เป็นเจ้าของพื้นที่ที่นายไพบูลย์ ไม่ทราบนามสกุล ได้รับมอบจากพระสุพจน์ให้เป็นที่อาศัยและมีการอุ้มนายไพบูลย์ไปซ้อม เพื่อให้นายไพบูลย์ยอมมอบที่ดินให้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net