Skip to main content
sharethis

ประชาไท-9 มิ.ย. 48 นางธนนุช ตรีทิพยบุตร รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) กล่าวว่า ความคืบหน้าในการจัดทำบัตรสมาร์ทการ์ดในขณะนี้ ได้ข้อยุติแล้วระดับหนึ่ง และสามารถออกบัตรที่มีการใช้งานแบบมัลติแอพพลิเคชั่นได้ แต่ติดอยู่ตรงที่กรมการปกครองยังไม่เห็นชอบ ไม่สามารถอนุมัติจัดทำเป็นบัตรได้ อีกทั้งทางกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงไอซีทียังมีความคิดเห็นไม่ตรงกันในเรื่องการของการเก็บข้อมูลในส่วนของพื้นที่ 66 กิโลไบท์

วันนี้คณะอนุกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ ในคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการพลังงาน วุฒิสภา ได้เชิญกระทรวงไอซีทีเข้าชี้แจงถึงปัญหาที่ก่อให้เกิดความล่าช้าในการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนแบบมัลติแอพพลิเคชั่น หรือบัตรสมาร์ทการ์ด ที่สามารถใช้บัตรเดียวแทนบัตรประจำตัวประชาชน บัตรประกันสุขภาพ และบัตรประกันสังคม

"จากข้อกำหนดในร่างสัญญาระหว่างไอซีทีกับมหาดไทย เรื่องพื้นที่การเก็บข้อมูลของประชาชนในนั้น ทางเราและมหาดไทยได้ตกกันไว้ที่ 66 กิโลไบท์ แบ่งเป็นพื้นที่ของกระทรวงมหาดไทย 32 กิโลไบท์(ระบบจาวา เวอร์ชวล แมทชีน) และพื้นที่ของบริษัทที่รับจัดทำระบบสมาร์ทการ์ด 34 กิโลไบท์(ระบบเนทีฟ)และทางกระทรวงมหาดไทยต้องการเก็บข้อมูลพื้นฐานที่เป็นลายนิ้วมือทั้งนิ้วโป้งและนิ้วชี้ทำให้พื้นในส่วนของ 32 กิโลไบท์นั้นเต็ม แม้ว่าระบบการเก็บข้อมูลดังกล่าวจะเป็นการเก็บในชิปก็ตาม แต่ชิปที่ว่ามันเล็ก พื้นที่ก็เลยมีจำกัดเช่นกัน" นางธนนุชกล่าว

รองปลัดกระทรวงไอซีทีกล่าวต่ออีกว่า ปัญหาดังกล่าวทางไอซีเสนอว่าให้ย้ายข้อมูลของลายนิ้วมือนิ้วชี้ไปอยู่ในส่วนของบริษัทที่จัดทำ แต่ทางมหาดไทยเห็นว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้ข้อมูลของประชาชนถูกโจรกรรมข้อมูลได้ง่าย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วบัตรสมาร์ทการ์ดนี้ เป็นระบบที่มีความปลอดภัยสูงมาก และทางเจ้าหน้าของบริษัทเอสพีที่รับทำระบบดังกล่าวได้มาชี้แจงแล้วว่า แม้ในทางเทคนิคสามารถทำโจรกรรมได้จริง แต่ต้องใช้เวลาในการดาวน์โหลดนาน และต้องมีรหัสของการ์ด เมเนเจอร์ ซิสเต็มด้วย ซึ่งรหัสดังกล่าวนั้นจะมีอยู่ที่ผู้ที่คิดค้นระบบเพียงคนเดียว

นอกจากนี้นางธนนุชได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเรื่องของความล่าช้านั้นเป็นเพราะ ต้องประสานกันในเรื่องของการทำงาน ซึ่งกว่าจะเข้าใจก็ต้องใช้เวลานานมากว่า ระบบอย่างนี้มหาดไทยจะใช้ได้หรือใช้ไม่ได้อย่างไร และทางมหาดไทยก็ต้องการโปรแกรมใหม่มาเสริมอยู่ตลอดเวลา การทำงานก็จะทำกันไปแบบเรื่อยๆ และช่วยกันทำ ไม่ได้ทำเป็นลายลักษณ์อักษรเก็บไว้

ด้านนายสุรสิทธิ์ ฉัตรชัยเดช ประธานอนุกรรมาธิการฯ กล่าวว่า จากที่ได้ฟังเหตุผลของทั้งกระทรวงไอซีทีและกระทรวงมหาดไทยแล้วพบว่า มีการเข้าใจไปกันคนละจุด ต่างคนก็ต่างมีเหตุผลเป็นของตนเอง มุมมองของปัญหาของแต่ละฝ่ายต่างกัน สำหรับข้อเสนอในที่ประชุมเห็นว่าควรจะมีศูนย์
กลางในการรวบรวมข้อมูลในการทำงาน เหมือนกับศูนย์บัญชาการการรบ และในอาทิตย์หน้าคงต้องทำการเชิญศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เข้าชี้แจงเพื่อรวบรวมข้อมูลอีกรอบหนึ่ง

สิรินภา อิ่มศิริ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net