ผู้บริหารการศึกษาทั่วเหนือ เตรียมนำข้อปัญหาพัฒนาระบบการศึกษาเหนือเสนอนายกฯ แม้ว ชี้เด็กเหนืออัตราเรียนต่อน้อย แถมพื้นที่เมืองกับชนบทไม่เท่าเทียม

นาย อุดม แปลงพิศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 1 กล่าวว่า ในวันที่ 10-11 มิถุนายนนี้ พฺตท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมด้วย คณะ รมต.กระทรวงศึกษาธิการ มีกำหนดการเดินทางมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะมาเปิดอาคารเรียนโรงเรียนขนาดเล็กรูปแบบใหม่โรงเรียนบ้านปางแดง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่

ซึ่งอาคารเรียนดังกล่าวเป็นอาคารเรียนตัวอย่างหรืออาคารเรียนต้นแบบ ในการปฏิบัติการทางการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ ประกอบด้วยห้องปฏิบัติการทางภาษา ห้องปฏิบัติการคอมพิว
เตอร์ ห้องสมุด ห้องพยาบาล และห้องเรียนนักเรียนชั้นอนุบาล และประถมศึกษา และเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อแก้ปัญหาการศึกษาใน 16 จังหวัดภาคเหนือ และยังจะเป็นประธานเปิดการประชุม ปฏิบัติการเรื่อง "การพัฒนาครูและผู้บริหารสถานศึกษายุคใหม่" ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนดจัดขึ้น ในวันที่ 10 - 11 มิถุนายน 2548ณ ห้องป่าสักหลวง โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว

ในการประชุมนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะได้นำเสนอ 5 เรื่องสำคัญ คือ การพัฒนาองค์กร การพัฒนาครูและผู้บริหาร การพัฒนาสื่อการเรียนการสอน การพัฒนาคอมพิวเตอร์ การพัฒนาผู้เรียน เพื่อให้กลุ่มผู้เข้ารับฟังได้นำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาสถานศึกษาของตนต่อไป

ทั้งนี้ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาขนาด ใหญ่ กลาง เล็ก และตัวแทนนักเรียน ครู กรรมการสถานศึกษา และผู้ปกครองนักเรียน ที่มาจากแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา 16 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 150 คนจะได้นำเสนอข้อปัญหาให้ด้านการศึกษาให้ภาครัฐได้รับทราบ ซึ่งประเด็นของภาคเหนือคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 20 ประเด็น โดยเรื่องที่สำคัญคือ ประมาณ 20 กว่าหัวข้อที่ได้ทำการสำรวจมาแล้ว โดยมีประเด็นของการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ห่างไกล ให้มีอัตราการเรียนต่อของนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากมีอัตราเรียนต่อของนักเรียนที่ลดน้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับนักเรียนในเมืองซึ่งมีอยู่เกินอัตรา และส่งเสริมให้มีการพัฒนาโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล ให้มีประสิทธิภาพเท่าเทียมกับโรงเรียนในเมืองอีกด้วย

"ในภาคเราอัตราการเรียนต่อน้อยกว่าที่อื่น คุณภาพของประชากรน้อยกว่าภาคกลาง ทั้งนี้อัตราการเรียนต่อของเด็กในระดับอนุบาลได้ 100 % ในระดับประถมกับมัธยมทั้งหมดในจังหวัดเชียงใหม่ได้ประมาณ 60 % เท่านั้น แต่ในเฉพาะอำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่นั้นได้เกิน100 % หมายความว่ามีเด็กต่างพื้นที่เข้ามาเรียนในเมือง เช่น ตามทะเบียนราษฎร์นั้นมีนักเรียนอยู่ 100 คน แต่พอเข้าโรงเรียนแล้วมีนักเรียนอยู่ 150 คนแสดงว่ามีนักเรียนจากอำเภอรอบนอก เช่น อำเภอฝาง อำเภอไชยปราการ อำเภอแม่อาย อำเภอหางดง อำเภอสะเมิง ได้เข้ามาเรียนในเขตเมืองเพิ่มขึ้น

และในกรณีที่เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ไม่มีได้รับการศึกษาต่อนั้น ส่วนใหญ่เป็นชาวเขา อยู่ตามรอยตะเข็บชายแดน ไม่มีทะเบียนราษฎร์ และเป็นเด็กที่เป็นลูกของกรรมกรก่อสร้าง ทำให้ต้องติดตามพ่อแม่ ไปยังที่ต่าง ๆ ตามงานนั้นๆ เช่นต้องย้ายที่อยู่ไปทำงานก่อสร้าง ไม่เป็นหลักแหล่ง เป็นระยะเวลาช่วง 5 เดือน พอหมดงานก็ต้องย้ายที่อยู่อีก ทำให้เด็กไม่ได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง จึงต้องมีการแก้ปัญหาโดยการเพิ่มศูนย์การศึกษาให้เด็ก โดยรวบรวมเด็กให้มาเรียน ให้เด็กได้มีการศึกษาอย่างต่อเนื่อง มีระบบการส่งต่อเด็ก ติดตามผลการศึกษาของเด็กอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เด็กขาดโอกาสในการศึกษา" นายอุดมกล่าว