ประชาไท-17 พ.ค. 48 "ชวนก็ไม่ช่วย ทักษิณก็ไม่เคยช่วย ประชาสงเคราะห์ให้สองแสน เชาวลิต ช่วยบ้าง แต่ก็ไม่พอใช้ เดี๋ยวนี้กรมประชาสงเคราะห์ก็ไม่เคยช่วย รัฐบอกจะดูแลคนแก่อายุ 50-60 ปี ก็ไม่เห็นเคยได้ อะไร" นางสังเวียน โพธิ์ม่วง มารดาของผู้สูญหายคนหนึ่งในเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 กล่าว

งาน "13 ปี พฤษภา ประชาธรรม" ที่ สวนสันติพร วันนี้(17 พ.ค.) ประธานจัดงาน ประกาศข้อเสนอหลัก 3 ประการ ต่อรัฐบาล เพื่อเรียกร้องการเยียวยาที่ถูกละเลยจากภาครัฐมากว่าทศวรรษ

นายจรัล ดิษฐาอภิชัย ประธานคณะกรรมการ จัดงาน 13 ปีพฤษภา ประชาธรรม ชี้ว่าที่ผ่านมารัฐเพียงให้การประชาสงเคราะห์อย่างทิ้งๆขว้าง อยากให้มีการเยียวยาอย่างเป็นรูปธรรมสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนั้น จึงเสนอเป็นหลักการใหญ่ 3 ข้อ เพื่อเรียกร้องให้รัฐปฏิบัติตามดังต่อไปนี้

ข้อแรกคือ รัฐควรมีหลักการว่า หากมีพลเมืองถูกเจ้าหน้าที่รัฐทำให้เสียชีวิต บาดเจ็บหรือสูญหายโดยเหตุผลทางการเมืองรัฐต้องชดใช้ในลักษณะการเยียวยาที่คล้ายกับการเยียวยาเหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ เช่นค่าทดแทน การศึกษา การสาธารณสุข ไม่ใช่เพียงการสังคมสงเคราะห์ ต้องเป็นการจัดการที่รับผิดชอบโดยรัฐ

ประการที่สอง รัฐควรชดเชย ต่อผู้เสียหายตามมติที่ ครม. เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 46 รับหลักการ ตามข้อเสนอ 7 ประการของคณะกรรมการอิสระเพื่อติดตามผู้สูญหายและช่วยเหลือผู้เสียหายจากเหตุการณ์ เดือน พฤษภาคม 2535 ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน แต่ผ่านมาหนึ่งปีกว่ามีการปฏิบัติเพียงข้อเดียวคือ การออกมาขอโทษของพลเอกธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

นอกจากนี้นายจรัลกล่าวต่อว่า ควรนำเหตุการณ์เดือน พ.ค. 35 บรรจุเป็นหลักสูตรแบบเรียนด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก

ประการสุดท้าย คือ ขอให้พลเอกสุจินดา คราประยูร ออกมาขอโทษต่อเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่สายเกินไป

ทั้งนี้ นายจรัลกล่าวว่า จะนำข้อเสนอทั้งสาม ยื่นเป็นหนังสือต่อสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง

ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง