ภาพน้ำตกแม่สุรินทร์ จาก www.ezytrip.com
-----------------------------------------------------

ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-22 เม.ย.48 ชุมชนคนแม่ฮ่องสอนต้านแผนพัฒนาการท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ที่จะเข้าไปดำเนินการในพื้นที่บ้านห้วยฮี้ บนดอยปุย เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วม

"ตัวแทนของแต่ละชุมชนได้เสนอให้มีการชะลอโครงการเอาไว้ก่อน เพราะถือว่าชาวบ้านไม่ได้รับรู้และส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย หากจะดำเนินการก็ขอให้มีการทำประชาพิจารณ์คนทั้งตำบล รวมทั้งกลุ่มชาวบ้านที่จัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศก่อน และหากจะทำต่อไป ก็คงต้องมีการปรับแผนกันใหม่ เพราะดูจากแผนการพัฒนาท่องเที่ยวของอุทยานฯ แล้ว ยังดูขัดแย้งและไม่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่หลายอย่าง" นายไชยยา ประหยัดทรัพย์ นายก อ.บ.ต.ห้วยปูลิงกล่าว

เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ได้เชิญสมาชิกสภาจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต.ห้วยปูลิง และองค์กรพัฒนาเอกชน ที่จังหวัดได้แต่งตั้งให้เป็นคณะทำงานโครงการพัฒนาดอยปุย เพื่อหารือในแผนพัฒนาการท่องเที่ยวที่ อุทยานฯน้ำตกแม่สุรินทร์จัดทำขึ้น

ทั้งนี้แผนพัฒนาฯ ดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนจากทางจังหวัด โดยได้อนุมัติงบประมาณ จำนวน 3 ล้านบาท ให้อุทยานฯ เร่งดำเนินการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในเขตพื้นที่หมู่บ้านห้วยฮี้ ตั้งแต่เดือนเมษายน และให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2548

โดยทางอุทยานฯ มีแผนให้มีการปรับพื้นที่จุดกางเต็นท์ก่อสร้างอาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ห้องน้ำ ระบบประปาภูเขา จัดทำป้ายสื่อตามจุดท่องเที่ยว และจุดชมวิวในเขตพื้นที่ดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ชาวบ้านในเขต ต.ห้วยปูลิง คัดค้านแผนฯ ดังกล่าว เนื่องจากวิตกว่า จะกระทบกับการจัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งชุมชนได้ทำมาก่อนแล้ว อีกทั้งแผนพัฒนาท่องเที่ยวของอุทยานฯ ไม่ได้ให้ชุมชนเข้าไปมีส่วนร่วม

นายไชยยา กล่าวยอมรับว่า ทางจังหวัดได้มีการแต่งตั้งตัวแทนองค์กรท้องถิ่นจริง แต่ขั้นตอนการจัดทำแผนดังกล่าว ชุมชนไม่ได้มีส่วนร่วมแต่อย่างใด โดยทางอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์เป็นผู้จัดทำเองหมด

นายไชยยาไม่เห็นด้วยที่ทางอุทยานฯ จะเข้าไปสร้างอาคารสิ่งก่อสร้างที่เป็นวัตถุ ซึ่งต้องศึกษาต่อไปว่า ชาวบ้านจะได้อะไรจากการพัฒนาท่องเที่ยวแบบนี้ เพราะที่ผ่านมา ชาวบ้านได้จัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยเน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวิถีวัฒนธรรมของท้องถิ่น

ฉะนั้นจะต้องมีการควบคุมในเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยว ถ้าไม่เช่นนั้น ก็จะเกิดปัญหาความขัดแย้งกันหลายอย่าง ไม่ว่าปัญหาขยะ ปัญหาไฟป่า ซึ่งจะต้องมีข้อตกลงกันว่า จะต้องเป็นการท่องเที่ยวโดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและวิถีชีวิตชุมชน

นายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ ผู้ประสานงานเครือข่ายการจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำ จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ทางอุทยานฯ อย่านำเรื่องงบประมาณมาเป็นตัวตั้ง ไม่ควรรีบทำ เพราะหากดำเนินการไปแล้ว เกิดปัญหาผลกระทบตามมา ก็จะแก้ไขลำบาก ดังนั้น ควรให้ตัวแทนแต่ละชุมชนเข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น

ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า จะมีการเชิญตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งกลุ่มจัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ในพื้นที่ ต.ห้วยปูลิง มาทำประชาพิจารณ์กัน ประมาณต้นเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากนั้น ถึงจะมีการประชุมร่วมของคณะทำงาน กันอีกครั้ง เพื่อหาข้อสรุปเสนอไปยังจังหวัดต่อไป

องอาจ เดชา