ประชาไท -- 30 มี.ค. 48 "ไม่ว่าจะพูดด้วยเหตุผลอะไร ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะแก้ปัญหาได้เลย เพราะเหตุผลของการแปรรูปไม่ได้อยู่ที่ประสิทธิภาพ แต่อยู่ที่มูลค่าตลาด (market capital
ization)" นายโสภณ สุภาพงษ์ สว. กรุงเทพฯ อดีตผู้บริหารบริษัทน้ำมันบางจาก กล่าวในการสัมมนา "วิเคราะห์ความเสี่ยงการแปรรูป กฟผ. และข้อเสนอจากภาคประชาสังคม" ซึ่งจัดขึ้นโดย สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค เครือข่ายพลังงานยั่งยืนแห่งประเทศไทย และอนุกรรมการด้านพลังงานและอุตสาหกรรม คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

ขณะที่ผู้ร่วมสัมมนาจากองค์กรผู้บริโภค และองค์กรพัฒนาเอกชนด้านพลังงานพยายามเสนอหลัก การและเหตุผลถึงความไม่สมเหตุสมผลที่จะแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) จากรัฐวิสาหกิจไปสู่บริษัทมหาชน เนื่องจากไม่ทำให้ กฟผ. มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีแนวโน้มว่า ผู้บริโภคจะต้องเสี่ยงกับการจ่ายค่าไฟราคาแพงโดยปราศจากการคุ้มครอง

นายโสภณ เสนอในทางกลับกันว่า ประเด็นเรื่องความสมเหตุสมผล หรือเรื่องประสิทธิภาพ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่จะใช้ต่อสู้กันเพราะสาระสำคัญของการแปรรูป กฟผ. ไม่ใช่เพื่อประสิทธิภาพ แต่เป็นเรื่องของการเพิ่มมูลค่าในตลาดหุ้น เนื่องจากรัฐบาลให้ความสำคัญกับมูลค่าในตลาดหุ้นมาก กว่า

ทั้งนี้ นายโสภณ ได้ตั้งข้อสังเกตด้วยว่านักการเมืองของไทยถือหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์จำนวนถึง 42 เปอร์เซ็นต์ของตลาด ซึ่งเป็นแนวโน้มของการคอร์รัปชั่น

"ประเทศที่มีการคอร์รัปชั่นสูงที่สุดในโลกคือรัสเซีย ซึ่งมีนักการเมืองเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ สำหรับประเทศไทย นักการเมืองถือหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ 42 เปอร์เซ็นต์"

ด้านนางสาวสายรุ้ง ทองปลอน จากสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค กล่าวว่าเป็นเรื่องน่าละอายหากผู้คิดนโยบายแปรรูป กฟผ. มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายการเติบโตในตลาดหลักทรัพย์ เพราะไม่ใช่แนวทางที่จะทำให้ประชาชนทุกคนอยู่ดีมีสุข และกิจการไฟฟ้าก็ถือเป็นกิจการสาธารณะที่จำเป็น

"รัฐบาลต้องไม่นำนโยบายพัฒนาตลาดหลักทรัพย์มาเป็นเหตุผลในการแปรรูป กฟผ. เพราะแค่พูดก็น่าเป็นเรื่องที่น่าละอายใจกับคนที่กำหนดนโยบายด้วยซ้ำ ว่าทำไมถึงคิดแค่ให้ตลาดหลักทรัพย์โต ซึ่งไม่ใช่คำตอบสำหรับประเทศไทยในการจะทำให้ทุกคนอยู่ดีมีสุข"

พิณผกา งามสม