Skip to main content
sharethis

ในปี 2546 ประเทศไทยมีสัดส่วนการใช้น้ำมันเบนซินอยู่ที่ 7,635.1 ล้านลิตร สัดส่วนการใช้น้ำมันดีเซล 17,551 ล้านลิตร ซึ่งนับเป็นปริมาณที่สูงมากและน่าจะบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอัตราการใช้พลังงานของประเทศในระยะที่ผ่านมานั้นมากมหาศาลเพียงใด และจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับเพดานราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาปัจจุบันแตะที่ระดับมากกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์ เรล และยังอยู่ในภาวะผันผวนได้ตลอดเวลา เป็นปัจจัยกดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจต่อหลายๆประเทศที่พึ่งพาการน้ำเข้าน้ำมันรวมถึงประเทศไทย ซึ่งส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในระยะเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาพุ่งสูงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน และคาดว่าจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อไปอีก ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ คือ

1.แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันของโลกที่สูงขึ้น ปัจจุบันปริมาณความต้องการน้ำมันของโลกอยู่ที่ประมาณ 78.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เฉลี่ยในปี 2546) เป็นแนวโน้มความต้องการที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด จากอัตราการเจริญเติบโตร้อยละ 0.2 ต่อปีในปี 2545 เป็นร้อยละ 2.1 ในปี 2546 และคาดว่าความต้องการดังกล่าวยังคงสูงต่อเนื่องในปี 2547 ในอัตราร้อยละ 2.1 และในปีนี้ก็มีแนวโน้มความต้องการจะยิ่งสูงขึ้น

2.สถานการณ์ตรึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะเหตุการณ์ความรุนแรงทั้งในอิรักและปาเลสไตน์ ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กดดันให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ ราคาสัญญาน้ำมันล่วงหน้าได้ปรับตัวสูงตลอดเวลามากกว่าระดับ 33 ดอลลาร์/บาร์เรล

นอกจากนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นอีกมิติหนึ่งคือ ผลกระทบทางอ้อมที่อาจจะเกิดขึ้นจากค่าไฟฟ้าที่ต้องเพิ่มขึ้น โดยผ่านค่าไฟฟ้าผันแปร (Energy Adjustment Charge : Ft) ซึ่งราคาน้ำมันดีเซลที่เปลี่ยนแปลงไปทุก 1 บาท จะมีผลทำให้ค่าไฟฟ้าผันแปรเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันเท่ากับ 0.035 สตางค์ ซึ่งปัจจุบันค่าไฟฟ้าผันแปรมีค่าเท่ากับ 38.28 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งเกิดจากฐานการคำนวณของราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 9.33 บาท ดังนั้น หากแรงกดดันที่มีต่อราคาน้ำมันมีสูง ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ราคาค่าไฟฟ้าผันแปรเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

ผลกระทบอีกด้านหนึ่งก็คือ ผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจมหภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะเงินเฟ้อและอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า น้ำมันถือเป็นต้นทุนการผลิตที่สำคัญในภาคเศรษฐกิจจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการขนส่งและอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ จากระดับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ย่อมมีผลทำให้อัตราการเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศลดลง และมีผลทำให้อัตราเงินเฟ้อของประเทศโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ภาครัฐต้องวางแนวทางแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ที่ผ่านมารัฐบาลแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพงด้วยการใช้งบประมาณจากกองทุนน้ำมัน เข้ามาอุดหนุนและตรึงราคาน้ำมันไว้ด้วยเงินจำนานหลายหมื่นล้านบาท แต่ท้ายที่สุดก็จำเป็นต้องปรับราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มอีก 3 บาท เนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระได้อีกต่อไป ราคาน้ำมันดีเซลในวันนี้จึงเริ่มเข้าสู่กลไกความผันแปรของราคาตลาดเช่นเดียวกับราคาน้ำมันเบนซิน

ผลกระทบจากการปรับราคาน้ำมันดีเซลขึ้นอีก 3 บาทครั้งนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจทั้งระบบอย่างแน่นอน ซึ่งจะกระทบมากหรือน้อย คงขึ้นอยู่กับว่าใครหรือธุรกิจใดจะสามารถปรับตัวได้ทันท่วงทีกว่ากัน และแนวทางการแก้ปัญหาจากหนักให้เบาบางลงของภาครัฐ คงต้องแก้ให้ถูกจุดและเป็นระบบ เพราะเกมนี้คงมีผลต่อเนื่องในระยะยาว

เมล์เขียวกระอัก-ขอรัฐปรับค่าโดยสาร

นายสมชาย ทองคำคูณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด กล่าวว่า การปรับราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มอีก 3 บาท ทำให้ราคา ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 18.83 บาทต่อลิตร ซึ่งแน่นอนว่าต้นทุนเพิ่มขึ้น รถเมล์เขียวได้รับผลกระทบมาก ขณะนี้ทางบริษัทฯ ต้องใช้น้ำมันดีเซลเฉลี่ยประมาณ 700,000 ลิตรต่อเดือน

ขณะนี้สมาคมรถโดยสารแห่งประเทศไทยได้ยื่นหนังสือต่อรัฐบาลเพื่อเรียกร้องขอปรับราคาค่าโดยสารอีก 1 สตางค์/คน/กิโลเมตร ซึ่งเป็นอัตราที่เหมาะสมและสามารถอยู่รอดได้ ทั้งนี้ จะยังไม่ปรับลดจำนวนเที่ยววิ่งรถโดยสารในระยะนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากปริมาณการเดินทางยังคงเพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันมีจำนวนรถวิ่งอยู่จำนวน 200 เที่ยวต่อวัน ทั้งหมดคือต้นทุนภาระที่บริษัทฯต้องแบกไว้ ขณะที่เมื่อปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้ลงทุนซื้อรถใหม่จำนวน 30 คัน วงเงิน 50 ล้านบาท และภายในปี 2548 จะลงทุนเพิ่มอีก 5,000,000 - 6,000,000 บาทสำหรับการจำหน่ายตั๋วโดยสารออนไลน์
นายสิงห์คำ นันติ ประธานสหกรณ์นครลานนาเดินรถ จำกัด กล่าวว่า เข้าใจว่าการปรับราคาน้ำมันดีเซลในครั้งนี้อาจจะกระทบต่อธุรกิจหลายสาขา ซึ่งที่ผ่านมาเกือบ 2 ปีภาครัฐก็ใช้งบประมาณจำนวนมากเข้ามาตรึงราคาดีเซลไว้ ซึ่งจริงๆแล้วการปล่อยให้เป็นไปตามกลไกราคาของตลาดที่ผันแปรเป็นเรื่องที่เหมาะสม แนวทางของสหกรณ์นครลานนาเดินรถ จะยังไม่มีการปรับราคาค่าโดยสารรถสี่ล้อแดงขึ้นตามราคาดีเซลที่ปรับขึ้น จะยังคงราคาค่าโดยสารไว้ที่ 10 บาทสำหรับค่าโดยสารในตัวเมือง เพราะไม่อยากผลักภาระให้ผู้บริโภค แม้ว่าต้นทุนทั้งระบบจะสูงขึ้นถึง 20% แต่ก็สามารถแบกรับภาระได้อยู่ และจะไม่ออกมาเคลื่อนไหวใดๆ อีกด้านหนึ่งกลับมองว่าจะใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส เพื่อดึงดูดให้ประชาชนหันมาใช้บริการรถโดยสารสาธารณะเพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกันสหกรณ์ฯ จะพยายามรณรงค์ให้กลุ่มสมาชิกสหกรณ์ฯ หันมาใช้น้ำมันไบโอดีเซลแทน ปัจจุบันมีสมาชิกฯ ใช้แล้วกว่า 1,000 คัน ราคาอยู่ที่ลิตรละ 18.33 บาท ซึ่งถูกกว่าน้ำมันดีเซล อีกทั้งยังสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนที่ผลิตได้ภายในประเทศอีกด้วย

สำหรับในภาคธุรกิจท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ มองว่าผลกระทบด้านท่องเที่ยว ราคาน้ำมันจะมีผลกระทบต่อปริมาณของนักท่องเที่ยวคนไทย ที่ส่วนใหญ่นิยมเดินทางโดยรถส่วนบุคคล ประเด็นนี้อาจจะมีผลต่อการตัดสินใจเดินทางทางไกล และอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงการเดินทางไปสถานที่ที่ใกล้มากกว่าเดิม

ทำให้ประมาณการได้ว่าการท่องเที่ยว 60% ซึ่งเป็นตลาดคนไทยที่เที่ยวภายในประเทศ จะมีการขยายตัวที่ลดลงในปีนี้ เมื่อเทียบกับหลายปีปีที่ผ่านมาที่มีการขยายตัวของนักท่องเที่ยวคนไทยในเชียงใหม่ในสัดส่วนที่สูงมาก เนื่องจากมีปัจจัยสายการบินราคาถูกและหมีแพนด้า แต่ขณะนี้ทั้งสองปัจจัยไม่ใช่เรื่องใหม่ เมื่อสถานการณ์ราคาน้ำมันเป็นเช่นนี้ จึงยิ่งไม่มีแรงดึงดูดให้คนไทยเดินทางออกมาเที่ยวแน่นอน ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศคาดว่าในระยะสั้นจะมีผลกระทบน้อยมาก เนื่องจากระบบการท่องเที่ยวจะทำสัญญาข้ามปี จึงไม่ส่งผลกระทบด้านต้นทุนและมีการจองล่วงหน้าแล้ว

เช่นเดียวกับผู้ประกอบการค้ายานยนต์ในจังหวัดเชียงใหม่สะท้อนว่าส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบมาก ทั้งราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ดอกเบี้ยขึ้น ส่งผลต่อการจัดสินใจซื้อรถยนต์ในช่วงนี้ ทำให้ภาพรวมของตลาดยอดขายตกไปประมาณ 20% ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาหลายบริษัทจะกระตุ้นให้บริษัทแม่ออกแคมเปญใหม่ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อให้กลับคืนมา
ขณะที่ภาคธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า ราคาพลังงานที่แพงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ ค่าใช้จ่าย 60% เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งผลกระทบของห้างฯ ส่วนใหญ่มี 2 ส่วนคือต้นทุนสินค้าและต้นทุนการดำเนินธุรกิจ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาราคาสินค้าเพิ่มขึ้นแล้ว อีกส่วนคือต้นทุนเรื่องเงินเดือนและพลังงานไฟฟ้า การลดการใช้พลังงานจะทำให้การทำธุรกิจมีต้นทุนลดลง

หอการค้าฯเร่งรณรงค์ประยัดพลังงาน
เตรียมจี้รัฐลงทุนระบบขนส่งมวลชน

นายณรงค์ ตนานุวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องนั้น คงต้องมองถึงการแก้ปัญหาในระยะยาว มิใช่แก้โดยการให้ภาครัฐใช้งบประมาณตรึงราคาน้ำมันไว้เหมือนเช่นที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าราคาดีเซลที่ปรับเพิ่มขึ้นอีก 3 บาทครั้งนี้ภาคธุรกิจทั้งระบบ รวมถึงประชาชนได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน รวมถึงผลกระทบจากราคาน้ำมันเบนซินด้วย การแก้ปัญหาจำเป็นต้องมองระยะยาว ต้องเน้นแก้ที่ต้นเหตุคือการลดการใช้พลังงาน การลดการใช้รถส่วนตัวให้น้อยลง และรณรงค์ประหยัดพลังงาน การเร่งนำพลังงานทดแทนมาใช้ หรือการใช้พลังงานแสงอาทิตย์

ในส่วนของหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ได้เตรียมแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยจะเน้นหนักเรื่องการรณรงค์การอนุรักษ์และลดการใช้พลังงานให้น้อยลง ควรมีการคิดเรื่องพลังงานทดแทน ซึ่งจะรณรงค์ผ่านสื่อของหอการค้าคือ วารสารหอการค้าฯที่ออกเผยแพร่เป็นประจำทุกเดือนให้กับสมาชิกจำนวนกว่า 700 คน รวมทั้งการรณรงค์ผ่านสื่อวิทยุที่หอการค้าฯ ได้เข้าไปจัดทำรายการ เพราะเชื่อว่าการแก้ปัญหาและรับมือกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในอนาคต ขึ้นอยู่การบริหารจัดการพลังงานที่ถูกต้องและเหมาะสม

ขณะเดียวกัน หอการค้าเชียงใหม่ จะเดินหน้าผลักดันโครงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนจังหวัดเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตามแผนของ สนข.มีโครงการที่จะพัฒนาระบบขนส่งในจังหวัดเชียงใหม่ในหลายรูปแบบให้เกิดขึ้นทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทั้งรถเมล์ รถไฟฟ้า หรือรถราง ที่ควรได้รับการทบทวนให้เกิดการลงทุนโดยเร็วที่สุด เพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นการลดการใช้พลังงานได้มากขึ้นในอนาคต

นายธีระวัฒน์ พอใจ กรรมการผู้จัดการบริษัท ที ที ที แคนเดิล จำกัด ผู้ผลิตเทียนหอมส่งออกกล่าวว่า จากการประเมินต้นทุนจากราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้นประมาณ 5% ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ต้องขนส่งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเทียนหอมคือ พาราฟิน โดยขนส่งตรงจากกรุงเทพฯผ่านบริษัทขนส่งสินค้า ซึ่งราคาค่าขนส่งกำลังจะปรับขึ้น และเชื่อว่าอีกไม่นานนี้ราคาวัตถุดิบจะปรับขึ้นตามราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจะไม่แก้ปัญหาด้วยการปรับราคาขายสินค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากมองว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 5% ยังสามารถแบกรับได้อยู่ แต่แนวทางที่เหมาะสมน่าจะปรับในเรื่องการบริหารจัดการการใช้พลังงานภายในองค์กรมากกว่า เพราะเกือบทุกขั้นตอนใช้พลังงานทั้งสิ้น ขณะเดียวกันจะเน้นให้มีการเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้น แต่ในสัดส่วนที่แรงงานจะทำได้ เนื่องจากเป็นงานแฮนด์เมด ซึ่งการเพิ่มกำลังการผลิตจะช่วยทำให้สามารถขายสินค้าได้มากขึ้น เพื่อนำมาทดแทนในส่วนที่ต้นทุนเพิ่มขึ้น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net