Skip to main content
sharethis

ภาพจากสำนักข่าวเอพี
================

กรุงเทพฯ- 22 มี.ค.48 พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2548 มีการคุยกันนอกรอบเรื่องการยกร่างกฎหมายความมั่นคง เพื่อรองรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ แทนกฎหมายคอมมิวนิสต์ที่ยกเลิกไป แต่เป็นการพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ เรื่องนี้คงต้องหารือกันอีกหลายครั้ง

นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า สำหรับการแก้ไขกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น จะต้องดูว่ามีการทำสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศใด จากนั้นจึงจะออกกฎหมายภายในให้เป็นไปตามสนธิสัญญา มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย หากปรับปรุงส่วนนี้ คงปรับเพียงเล็กน้อย แค่ให้สอดรับกับกฎหมายอาญาของไทยเท่านั้น

นายสุรเกียรติ์ กล่าวว่า ส่วนการปรับปรุงกฎหมายเพื่อรองรับสถานการณ์การก่อการร้ายนั้น ในหลักการได้หารือกันในฝ่ายความมั่นคง และในคณะรัฐมนตรีมาแล้ว มีการมอบหมายให้ทุกส่วนทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศ ดูว่ากฎหมายของไทยครอบคลุมเพียงพอจะป้องกันการก่อการร้ายหรือไม่

นายสุรเกียรติ์ กล่าวว่า กรณีนี้จะต้องดูให้เกิดความสมดุลกัน ระหว่างการดูแลความสงบเรียบร้อย สิทธิมนุษยชน การปกป้องผู้บริสุทธิ์ ขณะเดียวกันก็สามารถดำเนินการกับผู้ก่อความไม่สงบอย่างมีประสิทธิภาพได้ด้วย

พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ได้หารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่า การยกร่างกฎหมายความมั่นคง เพื่อรองรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ แทนกฎหมายคอมมิวนิสต์ ต้องดูว่าหากต้องใช้กำลังทหารเข้าปฏิบัติการ จะเขียนกฎหมายรองรับอย่างไร เพราะในสหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ล้วนแต่มีกฎหมายแบบนี้อยู่ แต่ผู้ยกร่างจะต้องไม่ใช่ทหาร

"เมื่อยกเลิกกฎหมายคอมมิวนิสต์แล้ว ควรต้องมีกฎหมายอื่นเข้ามาแทน แต่คงไม่ใช่เรื่องของฝ่ายทหารอย่างเดียว ต้องกำหนดด้วยว่าสถานการณระดับไหนใครดูแล เช่น สถานการณ์ขั้นนี้ ต้องให้กระทรวงมหาดไทยดูแล แต่ถ้าสถานการณ์รุนแรง ถึงขั้นต้องใช้กำลังทหาร ควรจะมีกฎหมายอะไรมารองรับ" พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าว

ขณะเดียวกัน สถานีวิทยุบีบีซีภาคภาษาไทย ได้รายงานเมื่อเช้าวันที่ 22 มีนาคม 2548 ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามของไทย ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กำลังเร่งฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้มีความเข้าใจถึงแนวทางใหม่ ที่ระบุไว้ในกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาฉบับแก้ไข ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปลายปี 2547

กฎหมายใหม่มีจุดประสงค์ให้การสอบปากคำผู้ต้องสงสัย เป็นไปอย่างโปร่งใสมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาตำรวจใช้กำลังกับผู้ต้องสงสัย บีบคั้นให้ผู้ต้องสงสัยยอมรับสารภาพ ไม่ว่าจะผิดจริงหรือไม่

พลตำรวจโทมาโนช ไกรวงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 บอกบีบีซีขณะฝึกอบรมให้แก่พนักงานสอบสวนที่ปฏิบัติงานในภาคใต้ว่า กฎหมายใหม่เปิดโอกาสให้คนที่ผู้ต้องสงสัยไว้เนื้อเชื่อใจ เช่น ทนายความ หรือผู้นำศาสนา เข้าร่วมเป็นพยานในการสอบปากคำด้วย การอบรมครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า คนไม่ไว้ใจตำรวจ เพียงแต่ตำรวจไม่ต้องการให้มีข้อครหา เมื่อกฎหมายเปิดช่องให้แล้ว ตำรวจก็จะทำให้สมบูรณ์

นายธานิศ เกศวพิทักษ์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา หนึ่งในผู้อบรมกล่าวว่า คงต้องให้เวลาตำรวจปรับตัวสักพัก เพื่อรับกฎหมายใหม่ เพราะนี่คือการพลิกวิธีคิดแบบเดิมๆ

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net