ประชาไท -- 16 มี.ค. 48 "เราถูกทำให้รู้สึกว่ารวยขึ้น แต่ถ้าดูสัดส่วนระหว่างคนที่รวยเช่นครอบครัวของนายกฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นหมื่นล้าน ขณะที่แรงงานได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นวันละ 5 บาท" นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์ภาควิชานิติศาสตร์ คณะสังคมวิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวบนเวทีของสมัชชาคนจน ในการเสวนาเรื่อง "4 ปีซ้อม (สะบักสะบอม) 4 ปีซ้ำ(เติม)"

นายสมชายระบุว่า การดำเนินนโยบายของรัฐบาลทักษิณที่ผ่านมาในสมัยรัฐบาลที่แล้ว มีปัญหาหลัก ๆ อยู่ 4 ประการคือ ปัญหาเรื่องการกระจายอำนาจ ซึ่งนายสมชายกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีคงไม่รู้จักคำว่ากระจายอำนาจ เพราะรัฐบาลที่ผ่านมาออกกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการกระจายอำนาจเลย อีกทั้งที่บอกว่าจะสนับสนุนการปกครองส่วนท้องถิ่นโดยเพิ่มงบประมาณให้อีก 35 % นั้นก็ไม่บรรลุผล และเลือกที่จะลดเป้าหมายในการเพิ่มงบประมาณลงเหลือ 25 % แทนที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายเดิม

ปัญหาประการต่อมาคือรัฐบาลทักษิณ ไม่มีเรื่อง ความเสมอภาคและความเท่าเทียมอยู่ในนโยบายของรัฐบาล ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยถ่างออกจากกันมากขึ้นโดยนายสมชายได้ยกตัวอย่างกรณีรายได้ในตลาดหลักทรัพย์ของครอบครัวนายกรัฐมนตรีทีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนนับหมื่นล้านบาท ในขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้นเพียง 5 บาทเท่านั้น

ทั้งนี้ แม้ประชาชนจะรู้สึกว่าตนเองรวยขึ้นเนื่องจากมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ความจริงก็คือช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนจะถ่างออกจากกันมากขึ้น

ประการถัดมา แม้ว่ารัฐบาลจะนำเสนอนโยบายประชานิยม แต่สิ่งที่ปรากฏชัดก็คือ รัฐบาลจะส่งเสริมนโยบายประชานิยมแบบที่รัฐเป็นผู้จ่าย เช่น หลักประกันสุขภาพ

ทั้งนี้ นโยบายประชานิยมที่ธุรกิจเอกชนจะต้องรับภาระกลับไม่ได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาลที่ผ่านมา เช่นกรณีของการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งนายจ้างจะต้องเป็นผู้รับภาระ

ประการสุดท้าย การทำงานของรัฐบาลทักษิณที่ผ่านมา เป็นไปอย่างรวดเร็ว เด็ดขาด แต่ขาดการมีส่วนร่วมจากสังคม รัฐบาลทักษิณจึงมีปัญหาเรื่องความโปร่งใสในการดำเนินนโยบาย

นายสมชายกล่าวว่า แม้รัฐบาลทักษิณ 2 จะเป็นช่วงเริ่มต้น ซึ่งอาจจะมีคำอธิบายว่ารัฐบาลยังไม่ทันทำอะไรก็มาประท้วงกันแล้ว ซึ่งตนคิดว่า แท้จริงแล้วรัฐบาลที่แล้วกับรัฐบาลนี้ก็ไม่ต่างกันเพราะรัฐบาลทักษิณ ก็คือนายกฯทักษิณบวกลูกน้องนั่นเอง

นอกจากนี้ แม้ว่าไทยรักไทยจะได้คะแนนจากการเลือกตั้งจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับความชอบธรรมทุกเรื่องในการดำเนินนโยบาย เพราะประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง