เขต 5 เชียงใหม่วุ่น เมื่อมีวีดิโอภาพการนับคะแนนกรรมการทิ้งบัตรลงใต้โต๊ะและเขียนในบัตรเลือกตั้ง
ประธานกกตเขตชี้แจงเป็นการลงนามสลักหลังบัตรเสียยืนยันโปร่งใส "พงศ์ประยูร" ข้ามหัวกกต.เชียงใหม่
ร้องตรงกกต.กลางรับเรื่องแล้วเขต 5 เชียงใหม่พื้นที่อ.ดอยสะเก็ต สันกำแพง และกิ่ง อ.แม่ออนซึ่งถือเป็นพื้นที่ฮาร์ทแลนด์ของไทยรักไทยเพราะเป็นบ้านเกิดนายกฯมีปัญหาแล้ว เมื่อทีมงานของนายพงศ์ประยูร ราชอาภัย
ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์หอบหลักฐานมัดกรรมการนับคะแนนทำผิด พ.ร.บ.เลือกตั้ง เข้าร้องเรียนต่อกกต.กลาง เมื่อเช้าวันที่ 9 ก.พ. 2548 และพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานกกต.กลางได้รับเรื่องด้วยตนเองแล้ว

"เป็นเรื่องร้องเรียนการนับคะแนนของเขตเลือกตั้งที่ 5จ.เชียงใหม่ มีความไม่ชอบมาพากลโดยมีหลักฐานเป็นวิดีโอซีดีจับภาพการทุจริตตั้งแต่การแยกบัตรดีบัตรเสียก่อนที่จะนับคะแนนและไม่แสดงให้ผู้ที่เข้าไปสังเกตการณ์เห็น นอกจากนี้เจ้าหน้าที่เอาปากกาไปเขียนระหว่างนับบัตรเลือกตั้งและหลังจากนับคะแนนแล้ว ปรากฏว่าพบบัตรเลือกตั้งในตะกร้าเป็นจำนวนมากด้วย"

นายพงศ์ประยูรกล่าวเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อใกล้รุ่งของวันที่ 7 ก.พ.2548 เวลาที่บันทึกภาพในขณะนั้นราว ตี 2 ใกล้ ตี 3ผู้บันทึกภาพคือนางพรนี ราชอาภัย ภรรยาของนายพงศ์ประยูรนั่นเอง

"เราร้องต่อ กกต.กลาง 3 ประเด็นคือ1.ขั้นตอนก่อนการนับคะแนน เจ้าหน้าที่ไปเบิกบัตรมาจำนวน500 ใบเพื่อขานคะแนนขั้นตอนที่ถูกต้องคือกรรมการต้องคลี่ออก เพื่อขานคะแนนและโชว์ให้ผู้สังเกตการณ์ดู แต่เขากลับไม่ทำอย่างนั้น ได้บัตรมาคลี่บัตรไว้เป็นกองๆ เอาซุกไว้ต้ตะกร้าบ้าง ซุกทิ้งใต้โต๊ะบ้าง โดยไม่มีใครรู้ว่าเป็นบัตรอะไร พอทักท้วงกรรมการก็บอกว่าแยกไว้ก่อน เราเห็นว่าประท้วงไม่เป็นผลเลยถ่ายวีดิโอไว้ทุกขั้นตอนดีกว่า" นางพรนีเปิดเผยกับ "พลเมืองเหนือ"

ประเด็นต่อมาที่ทีมงานเขต 5 พรรคประชาธิปัตย์ร้องเรียนคือการเขียนบางสิ่งลงในบัตรโดยกรรมการ

"เราจับภาพกรรมการเขียนบางอย่างในบัตรและบนโต๊ะนับคะแนนนั้นมีปากกาอยู่ด้วย ก่อนการเลือกตั้งแม้กระทั่ว ส.ว.ยังออกมาท้วงติงไม่ให้กรรมการนับคะแนนใส่เสื้อแขนยาว พราะเกรงจะซ่อนปากกาอยู่ แต่นี่เขียนกันเห็นๆ เลย และบนโต๊ะก็มีปากกาวางอยู่ ซึ่งโอกาสทุจริตมีสูงมาก ส่วนที่ว่ากรรมการจะต้องเขียนเหตุผลเมื่อเจอบัตรเสีย ก็น่าจะวินิจฉัยให้ทราบก่อน"

ประเด็นที่ 3 คือการหลงเหลือบัตรอยู่เมื่อการนับคะแนนเสร็จสิ้น

"หลังจากนับคะแนนแล้ว ขนหีบบัตรไปแล้ว ประกาศคะแนนอย่างเป็นทางการ เราพบว่ามีบัตรบางใบหลงเหลืออยู่ในตะกร้า ทั้งๆ ที่ควรเก็บให้หมด เราถ่ายภาพไว้ก่อนจะมอบบัตรให้ประธานกรรมการนับคะแนนให้รู้ว่าบกพร่อง"

นางพรณียังกล่าวอีกว่า สภาพการนับคะแนนของเขต 5 ไม่ต่างจากตลาดสด ที่เต็มไปด้วยผู้คน จะทำอะไรก็ทำได้
ทักท้วงไม่เป็นผล คัดค้านไม่มีประโยชน์ และไม่เข้าใจว่าข้อมูลที่แจ้งมาให้ก่อนการนับคะแนนบอกว่าจะตั้งกระดานนับทั้งสิ้น 17 กระดาน แต่พอถึงเวลาจริงๆ ตั้งถึง 34 กระดาน และการนับทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบเขตมีถึง 68 กระดาน ซึ่งไม่รู้ว่ามีเจ้าหน้าที่เพิ่มมากจากไหน สอบถามก็ได้รับคำชี้แจงว่าเป็นสิทธิ์ของประธานกรรมการนับคะแนนจะพิจารณาให้เพิ่มกระดานได้ เมื่อเห็นว่าประท้วงไปก็ไม่มีประโยชน์เลยเก็บภาพไว้ก่อน
และเมื่อกลับมาดูเห็นความผิดปกติชัดเจน จึงมาร้องขอความเป็นธรรมจาก กกต.กลาง โดยนำเรื่องเข้าสู่ส่วนกลางเองเลยไม่ได้ไปร้องที่กกต.เชียงใหม่

นายสาคร สมหนุน ประธานคณะกรรมการนับคะแนนเขต 5 ให้สัมภาษณ์ "พลเมืองเหนือ" เมื่อเช้าวันที่ 10 ก.พ.
2548 หลังสื่อโทรทัศน์เผยแพร่ภาพนี้ไปทั่วประเทศว่า ยังไม่เห็นภาพดังกล่าว ทั้งนี้ในวันปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ทั้ง 406 คนมาจากนักศึกษามหาวิทยาลัยพายัพ เจ้าหน้าที่ อบต.ภูคาและอบต.สันกลาง ครูจากโรงเรียนมัธยมสันกำแพง โรงเรียนดอยสะเก็ต และโรงเรียนออนเหนือ ซึ่งในวันที่ 6 ก.พ.ก็ปฏิบัติงานไปด้วยความเรียบร้อย มีการประท้วงวินิจฉัยบัตรเป็นครั้งคราวบ้างซึ่งเป็นปกติของการขานคะแนนเลือกตั้งทั่วไปและระหว่างการนับมีความสับสนจนต้องนับซ้ำหลายรอบอยู่บ้าง แต่ยืนยันว่าปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใสและอบรมซักซ้อมความเข้าใจเจ้าหน้าที่ก่อนการปฏิบัติงานในวันที่ 2 ก.พ. 2548 ส่วนการเขียนที่บัตรนั้น กรณีเป็นบัตรเสียเจ้าหน้าที่จะต้องเซ็นต์กำกับไว้ด้วย

ด้านนายชัยยนต์ คำจม ประธานกกต.เขต 5 กล่าวว่าการเขียนข้อความลงบนบัตรเลือกตั้ง มีระเบียบว่าหากเป็นบัตรเสียกรรมการอย่างน้อย 3 คนจาก 5 คนต้องลงนามระบุสาเหตุที่บัตรเสียทุกครั้งด้วย เพราะมีถึง 10 สาเหตุของการเป็นบัตรเสีย

อย่างไรก็ตามการปฏิบัติงานที่ตนดูแลคือประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งนั้นมีหน้าที่กำกับดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยเรียบร้อยส่วนการนับคะแนนจะมีประธานกรรมการนับคะแนนดูแลอีกส่วนและขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานให้ชี้แจงจากกกต.จังหวัด

ทั้งนี้เขต 5 เชียงใหม่ถือเป็นเขตเลือกตั้งแรกของจังหวัดเชียงใหม่ที่ผลการนับคะแนนประกาศอย่างเป็นการ
โดยเสร็จสิ้นราว 9.00 น.ของวันที่ 7 ก.พ. 2548 โดยนายพรชัย อรรถปรียางกูร ส.ส.เก่าจากไทยรักไทยมีคะแนนสูงถึง 69,824 คะแนน ทิ้งห่างนายพงษ์ประยูร ราชอาภัย จากประชาธิปัตย์ซึ่งได้ 26,882 คะแนน ส่วนนายบรรจง ตะริโย จากมหาชนได้ 2,444 คะแนน และนายเกรียงกมล ศรีมา จากความหวังใหม่ได้ 1,007
คะแนน ส่วนคะแนนระบบบัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทยได้ 83,127 คะแนน ตามมาด้วยประชาธิปัตย์ 15,665 คะแนน และมหาชน 1,353 คะแนน

ล้อมกรอบ

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งพ.ศ. 2541

มาตรา 24 ห้ามมิให้กรรมการการเลือกตั้ง กรรมการการเลือกตั้ง ]ประจำจังหวัด ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดและอนุกรรมการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งแต่งตั้งกระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใดหรือกระทำการหรือละเว้นกระทำการโดยทุจริตหรือประพฤติมิชอบในการปฏิบัติหน้าที่

ในกรณีที่บุคคลตามวรรคหนึ่งกระทำตามหน้าที่โดยสุจริตย่อมได้รับความคุ้มครองไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งหรือทางอาญา

หมวด 3
บทกำหนดโทษ
_______

มาตรา 40 ผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง กรรมการการเลือกตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด กรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดคณะอนุกรรมการ

หรืออนุกรรมการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งแต่งตั้งในการปฏิบัติตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการขัดขวางการปฏิบัติงานตามวรรคหนึ่งได้กระทำโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 41 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 21 (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 42 กรรมการการเลือกตั้งกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดหรืออนุกรรมการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งแต่งตั้ง ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 24 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีและปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดสิบปี

ประชาไทรายงาน