Skip to main content
sharethis

เครือข่ายพิทักษ์เจตนารมณ์เดือนพฤษภา ซึ่งประกอบด้วยบุคคลที่เคยร่วมการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในเดือนพฤษภาคม 2535 ตลอดจนผู้รักประชาธิปไตยอันแลกมาด้วยเลือดเนื้อของ


วีรชน ออกแถลงการณ์ 6 ข้อ มีเนื้อความว่า


 


 


แถลงการณ์เครือข่ายพิทักษ์เจตนารมณ์เดือนพฤษภา


 


จากการชุมนุมของ นปช.และกลุ่มคนเสื้อแดงนับแสนคน เพื่อเรียกร้องให้ประธานองคมนตรีและองคมนตรีรวม 3 คน รวมถึงรัฐบาลลาออกจากตำแหน่ง ตลอดจนให้มีการปฏิรูปการเมือง แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับไม่ใส่ใจต่อการชุมนุมและข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม ทั้งยังดูถูกว่าเป็นข้อเรียกร้องที่สับสน จนทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจ และนำไปสู่การปิดถนนหลายจุดในกรุงเทพฯ ในวันที่ 9 ล่วงเลยมาจนถึงวันที่ 13 เป็นเงื่อนไขให้รัฐบาลออกพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน และนำกำลังทหารพร้อมอาวุธเข้าปะทะกับผู้ชุมนุมตามจุดต่างๆ ตลอดจนกดดันให้สลายการชุมนุมที่ดำเนินมาอย่างสันติบริเวณรอบทำเนียบฯ ในคืนวันที่ 14 จนทำให้แกนนำผู้ชุมนุมต้องตัดสินใจยุติการชุมนุมเพื่อเป็นการรักษาชีวิตของผู้ชุมนุม


 


เครือข่ายพิทักษ์เจตนารมณ์เดือนพฤษภา ซึ่งประกอบด้วยบุคคลที่เคยร่วมการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในเดือนพฤษภาคม 2535 ตลอดจนผู้รักประชาธิปไตยอันแลกมาด้วยเลือดเนื้อของ


วีรชนในครั้งนั้น เห็นว่าสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีสาเหตุมาจากความไม่เป็นประชาธิปไตยและการเลือกปฏิบัติของฝ่ายรัฐ จึงขอประกาศจุดยืนต่อสถานการณ์ในครั้งนี้ ดังนี้


 


1. ขอประณามท่าทีและการกระทำของรัฐบาลที่แสดงเจตนาในการปราบปรามประชาชนที่รัฐบาลถือว่าเป็น "ศัตรูทางการเมือง" และเป็น "ศัตรู" ของเหล่าอภิสิทธิ์ชน นับตั้งแต่การสร้างภาพให้คนเสื้อแดงเป็นกลุ่มล้มล้างสถาบันฯ การเมินเฉยต่อข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม การจับกุมแกนนำการประท้วงที่พัทยา โดยมิได้ปฏิบัติเช่นเดียวกับอีกฝ่ายที่ใช้ความรุนแรง การเรียกขานกลุ่มผู้ชุมนุมว่าเป็น "ศัตรูของชาติ" การใช้สื่อของรัฐปลุกปั่นว่าผู้ชุมนุมเป็นผู้ไม่หวังดี สร้างความเกลียดชังและการเผชิญหน้าระหว่างประชาชนด้วยกัน จนถึงการใช้กำลังทหารติดอาวุธเข้าปิดล้อมผู้ชุมนุมเพื่อกดดันให้ยุติการชุมนุม พฤติกรรมของรัฐบาลยกระดับให้สถานการณ์รุนแรงเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 6 ตุลา 19 ทั้งหมดนี้พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์เป็นได้เพียงตัวแทนของอภิสิทธิ์ชน ไม่ใช่รัฐบาลของคนทั้งประเทศอย่างที่กล่าวอ้าง


 


2. ขอประณามกองทัพที่เข้าร่วมการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงโดยใช้อาวุธจริง ผิดหลักสากล โดยไม่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาทางการเมืองอย่างที่ได้ปฏิบัติเมื่อครั้งการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ พฤติกรรมของกองทัพแสดงให้เห็นเจตนาในการปราบปรามประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตย และจุดยืนในการอยู่ข้างเหล่าอภิสิทธิ์ชน ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยและประชาชน


 


3. ขอประณามสื่อ ที่ทำตัวเป็นกระบอกเสียงให้รัฐอย่างไร้จรรยาบรรณในวิชาชีพ ไม่ยึดหลักความจริง ตกเป็นเครื่องมือของรัฐในการโฆษณาชวนเชื่อและสร้างความเกลียดชังระหว่างคนในชาติ ป้ายสีผู้ชุมนุมให้กลายเป็นผู้ร้ายโดยไม่นำเสนอข่าวสารให้รอบด้าน และสร้างภาวการณ์ให้ไปสู่ 6 ตุลา


 


4. คารวะและสดุดีการตัดสินใจของแกนนำ นปช. ที่ประกาศยุติการชุมนุม เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความรับผิดชอบที่มีต่อชีวิตของประชาชนผู้เข้าร่วมการชุมนุม และความกล้าหาญในการแสดงความรับผิดชอบต่อการเคลื่อนไหวโดยการเข้ามอบตัว เป็นแบบอย่างของขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมที่ต้องเชิดชู


 


5. ขอเรียกร้องให้องค์กรต่างๆ ร่วมกันประณามรัฐบาล กองทัพ สื่อ และเหล่าอำมาตย์ที่หนุนหลังการปราบปรามประชาชน ขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันเผยแพร่ข้อมูลอีกด้านในทุกช่องทางเพื่อนำความจริงให้ปรากฏต่อสังคม ตลอดจนจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อรวบรวมข้อมูลผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต จากการใช้กำลังของทหารปราบปรามประชาชนที่เกิดขึ้น


 


6. ขอเรียกร้องให้ประชาชนที่มีจิตใจรักความเป็นธรรมร่วมกันประณาม และปฏิเสธความชอบธรรมของรัฐบาล กองทัพ สื่อ และเหล่าอำมาตย์ ด้วยวิธีการต่างๆ อย่างสันติ สร้างกระแสการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน เพื่อให้ประชาธิปไตยดำเนินต่อไปอย่างเอื้อประโยชน์ต่อประชาชนทุกคนอย่างแท้จริง


 


                                                            เครือข่ายพิทักษ์เจตนารมณ์เดือนพฤษภา


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net