Skip to main content
sharethis





การเมือง


 


"เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" เล็งตรวจสอบประชาธิปัตย์ ดอดเอี่ยวนักการเมืองถูกเพิกถอนสิทธิ


เดลินิวส์ - นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ว่า วันที่ 5 มกราคม จะยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุด (อสส.) และศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคหนึ่งวรรคสองและวรรคสาม ที่บัญญัติว่ากรณีอาจมีการได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้ อสส. ตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งให้เลิกการกระทำดังกล่าวได้ และหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้เลิกการกระทำดังกล่าวยังมีสิทธิสั่งยุบพรรคได้ ในกรณีการตั้ง ครม.ชุดปัจจุบัน ที่บางพรรคแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งหนุนพรรคประชาธิปัตย์ อีกฝ่ายหนุนพรรคเพื่อไทย


 


นอกจากนี้ ข่าวที่ออกมาวันที่ 2-15 ธันวาคม ช่วงการตั้งรัฐบาลผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ติดต่อกลุ่มการเมืองหรือนักการเมืองบางคนที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไปแล้ว ทั้งบ้านเลขที่ 111 และบ้านเลขที่ 109 และยังมีการออกมาบอกว่าติดต่อก่อนคดียุบพรรคพลังประชาชนด้วย ประกอบกับเมื่อกลับไปดูคำปราศรัยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก่อนเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 ที่สนามหลวง ได้ระบุว่าจะไม่จับมือกับพรรคที่ประชาธิปัตย์เคยอภิปรายเรื่องทุจริตเชิงนโยบาย ไม่รู้ว่านายอภิสิทธิ์จำได้หรือไม่ หรือที่นายสุเทพพูดในคราวจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ว่า "ไม่มีเขาเราก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล" ที่สื่อนัยอะไรบางอย่าง เป็นต้น นอกจากนี้ยังจะประกอบกับเรื่องการเลือกตั้งซ่อม 29 คน 26 เขต ที่บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ มีพฤติการณ์ในทำนองตกลงกันว่า เขตนั้นจะส่งเขตนี้ไม่ส่ง ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สุจริตเที่ยงธรรม อย่างพรรคประชาธิปัตย์จะส่ง 9 คน ซึ่งเมื่อเทียบกับเลือกตั้งปี 2550 ต่างกันชัดเจน เพราะคราวนั้นส่งเกือบครบทุกเขต ซึ่งจะรวบรวมเอกสาร คำสัมภาษณ์ ข้อกฎหมายต่างๆ ในช่วงหยุดปีใหม่นี้ และอาจต้องรอดูพฤติการณ์อื่นอีกเล็กน้อย ก่อนจะยื่นเรื่องต่อ ออส.และศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา


 


นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การตรวจสอบสามารถทำได้ ถือเป็นหน้าที่ของ ส.ส. และ ส.ว. เป็นกระบวนการในการตรวจสอบ ซึ่งรัฐบาลได้พูดชัดว่าแนวทางในการทำงาน 1 ใน 9 ข้อคือการยอมรับการตรวจสอบ


 


 


หลังปีใหม่ยังทัน มท.2 ค้านรบ.แถลงนโยบายวันหยุด


ไทยรัฐ - วานนี้ (29 ธ.ค.) นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาว่ายังไม่สามารถตกลงกับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อเปิดทางให้กับ ส.ส.เข้ารับฟังการแถลงนโยบายรัฐบาล จึงเชื่อว่าอาจต้องเลื่อนการแถลงนโยบายออกไปก่อน เพราะระหว่างนี้สมาชิกอาจไม่ปลอดภัย ทั้งนี้ มองว่าการขัดขวางการแถลงนโยบายจะเป็นอุปสรรคของรัฐบาลในการบริหารงาน จะทำให้บ้านเมืองเกิดปัญหา จึงขอความเห็นใจจากกลุ่มผู้ชุมนุมให้เห็นแก่ประชาชนส่วนใหญ่และประเทศชาติ


 


รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า  เท่าที่ประเมินสถานการณ์ในแต่ละจังหวัด เชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่เพิ่มมากกว่านี้ และยอมรับด้วยว่า ส.ส.รัฐบาล มีความพยายามใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวที่เคยมีกับพรรคฝ่ายค้านประสานความร่วมมือ ซึ่ง ส.ส.ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่จะสกัดกั้นการเข้าประชุม แต่หน้าที่หลักนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจา โดยเชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะใช้เวลาจนถึงวันที่ 30 ธันวาคมนี้ และรัฐบาลเองก็ไม่ควรแถลงนโยบายในวันที่ 31 ธันวาคม เพราะเป็นช่วงวันหยุด ดังนั้น เห็นว่าหลังปีใหม่ยังพอมีเวลา


 


สำหรับกรณีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นฟ้องนายบุญจง และนายชวรัตน์  ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ฐานสั่งงานข้าราชการให้ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมก่อนแถลงนโยบายรัฐบาลนั้น นายบุญจง กล่าวว่า เป็นสิทธิที่ฝ่ายค้านจะตรวจสอบ แต่ในฐานะผู้ถูกฟ้องก็ต้องชี้แจง และยืนยันได้ว่า สิ่งที่ทำไม่ผิดกฎหมายบ้านเมือง เพราะเป็นการกำชับเรื่องที่เป็นหน้าที่ของข้าราชการที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้ว


 


ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า  พรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาลได้หารือว่าจะดำเนินการ สองแนวทางคือ 1. วิธีการเจรจาซึ่งขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ไปเจรจาโดยแกนนำบางคนยอมที่จะเปิดทางแล้ว แต่บางคนยังไม่ยอมและจะเลื่อนการประชุมออกไปจนกว่าจะประชุมได้ 2. พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ได้มอบหมายให้นายชินวรณ์ บุญเกียรติ ประธานวิปรัฐบาลไปประสานงานกับนายวิทยา บูรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน และร.ต.อ.เฉลิม อยูบำรุง ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยเพื่อพูดคุยหาทางออก เพราะเราเห็นว่าพรรคเพื่อไทยกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมมีความใกล้ชิดและเกี่ยวข้องกัน ทั้งนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์


 


รมต.ประจำสำนักฯ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่าการเจรจาระหว่างพรรคการเมืองจะเป็นแนวทางหนึ่งที่ประสานกันได้ เพราะร.ต.อ.เฉลิม ได้บอกว่าเตรียมผู้อภิปรายไว้อย่างน้อย 70 คน ดังนั้นรัฐบาลจึงพร้อมให้อภิปรายอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถเปิดประชุมรัฐสภาได้ และจากการตรวจสอบจนถึงขณะนี้ยังไม่ปลอดภัยที่จะให้ส.ส.เดินเข้าไปยังอาคารรัฐสภาเพื่อเข้าประชุม เพราะไม่อยากให้เกิดการปะทะหรือความขัดแย้ง ทั้งนี้ในเบื้องต้นจะเลื่อนการประชุมออกไปก่อนประมาณ 3-4 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้อยู่ที่ดุลพินิจของประธานรัฐสภา


 


"เวลานี้เราต้องช่วยกันไม่ให้ความสุขของคนไทยลดลง วันนี้ความสุขเพิ่มขึ้นแล้ว ปีใหม่ใกล้จะมาถึงรัฐบาลก็อยากจะขอร้อง ผมขอกราบขอร้องพรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ประชาชนเสื้อแดงว่าขอให้เห็นกับประเทศ ขอให้ช่วยกันเมื่อมาชุมนุมแสดงออกถึงความต้องการแล้วก็ขอเวลาให้รัฐบาลแถลงนโยบาย เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทยมีความสุขเพื่อขึ้น และหากฝ่ายค้านต้องการวันที่อภิปรายเพิ่มขึ้นรัฐบาลก็ไม่มีปัญหา" นายสาทิตย์ กล่าว


 


 






คุณภาพชีวิต


 


ตำรวจเผย 11 จุดเฝ้าระวังเป็นพิเศษช่วงปีใหม่


แนวหน้า - พล.ต.ต.วิบูรณ์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น. กล่าวถึงมาตรการดูแลรักษาความสงบในช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความร่วมมือจากกองทัพ และทางกรุงเทพมหานครเป็นอย่างดีโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่เทศกิจ ส่งกำลังทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันเคาท์ดาวน์ในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ เบื้องต้นมีจุดเผ้าระวัง 11 จุด โดยมี 9 จุดเดิมที่เคยถูกวางระเบิดเมื่อปลายปี 2549 และเพิ่มความเข้มในการตรวจสอบจุดล่อแหลมที่คาดว่าคนร้ายจะลงมือ เช่น กระถางต้นไม้ ตู้โทรศัพท์ ถังขยะ และจุดอื่นๆ ในปีนี้จะนำสุนัขตำรวจเข้ามาช่วย จำนวน 10 ตัว อีกทั้งจะขอความร่วมมือกับประชาชนที่เคยนำสุขนัขมาฝึกกับกองกำกับการสุนัขตำรวจ มาช่วยในการตรวจหาวัตถุต้องสงสัยด้วย


 


อย่างไรก็ตาม อยากฝากไปถึงประชาชนให้ช่วยกันสังเกตุสิงผิดปกติ และหากพบให้แจ้งเจ้าหน้าที่โดยทันที ในคืนเคาดาวน์ จะตั้งจุดกองรักษาการ จำนวน 3 จุด โดยรอบเซ็นทรัลเวิร์ด ซึ่งเป็นที่จัดงานใหญ่ที่สุดใน กทม. สำหรับจุดที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ อนุสาวร์รีชัยสมรภูมิ บ้านสี่เสาเทเวศร์ รอบพระตำหนักจิตรดา ห้างซีคอนแควร์ เมเจอร์รัชโยธิน ขนส่งหมอชิต ซอยนานา ห้างพาต้าปิ่นเกล้า เซ็นทรัลเวิลด์ ถนนข้าวสาร นอกจากนี้สั่งให้มีการตั้งด่านสกัดเส้นทางหลักที่เข้าเมือง ทั้งขาเข้าขาออกตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะเน้นตรวจหาอาวุธ และวัตถุระเบิดเป็นหลัก


 


 


เผย 'เจ้าพระยา' ขั้นวิกฤติหนัก สุดเสื่อมโทรม


เว็บไซต์ไทยรัฐ - เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงภาพรวมสถานการณ์มลพิษในรอบปี 2551 ว่า กรมควบคุมมลพิษได้ติดตามสถานการณ์มลพิษด้านคุณภาพน้ำผิวดิน คุณภาพน้ำชายฝั่ง ปัญหาอากาศและเสียงและด้านสารอันตรายและกากของเสีย ปรากฏว่าคุณภาพน้ำสายหลักอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น ร้อยละ 23 ถ้าเทียบกับ 3 ปีย้อนหลัง โดยเฉพาะแม่น้ำเสียว แม่น้ำตรัง ลำตะคอง ตอนบน น้ำชี น้ำพอง ลำปาวและแควใหญ่ อยู่ในเกณฑ์ดีและพอใช้ มีเพียงแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างที่เปลี่ยนจากเกณฑ์เสื่อมโทรมในปี 2550 มาเป็นเสื่อมโทรมมาก สาเหตุหลักเกิดจากน้ำทิ้งจากชุมชน  เนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านมากทม.ยังไม่ได้สร้างระบบบำบัดน้ำเสียเพิ่มเติม ทำให้บำบัดน้ำเสียได้แค่ 1 ล้าน ลบ.ม.ต่อวันเท่านั้น ทั้งนี้ กทม.มีแผนก่อสร้างโรงบำบัดอีก 3 จุดในเขตพื้นที่คลองเตย ธนบุรี และบางซื่อ โดยคาดว่าถ้าแล้วเสร็จจะทำให้อีก 3 ปี คุณภาพน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง น่าจะเปลี่ยนไปอยู่ในเกณฑ์พอใช้ได้


 


ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังเป็นห่วงว่าในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะเป็นสาเหตุให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนในการป้องกัน และจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและลดมลพิษในกระบวนการผลิตทั้งเรื่องของการบำบัดน้ำเสีย การกำจัดกากของเสียอันตรายอย่างถูกวิธี ซึ่งเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระบุรี ว่ามีการลักลอบแอบนำถังสารเคมีที่มีลักษณะสีดำ ข้นเหนียวและมีกลิ่นเหม็น จำนวน 200 ถัง ถังละ 200 ลิตร ไปทิ้งที่วัดหนองผักบุ้ง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี โดยทางหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินสารเคมี ของ คพ.ได้ลงไปในพื้นที่ เพื่อสอบสวนว่าเป็นสารอันตรายชนิดไหนแล้ว แต่ตอนนี้ได้ กันพื้นที่ห้ามประชาชนเข้าใกล้แล้ว รวมทั้งถ้าทราบราย ละเอียดแล้วจะตรวจสอบหาเจ้าของได้ไม่ยาก เนื่องจากได้ติดตั้งระบบจีพีเอส และจำแนกรายละเอียดการขนส่งสารในรถบรรทุกกากของเสียที่ออกจากพื้นที่ จ.ระยอง มาแล้วระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม กระทรวงอยากขอความร่วมมือผู้ประกอบการทุกแห่งว่า ถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว ก็อย่าลดต้นทุนในการจัดการสิ่งแวดล้อมเลย



 






ต่างประเทศ


 


อิสราเอลสั่งให้ผู้สื่อข่าวออกนอกพื้นที่ติดกับฉนวนกาซา


สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน วันนี้ (29 ธ.ค.) ว่า อิสราเอลออกคำสั่งให้บรรดาผู้สื่อข่าวออกนอกพื้นที่ที่ติดกับพรมแดนฉนวนกาซา ในวันนี้ ขณะที่การโจมตียังคงดำเนินต่อไปเป็นวันที่สาม โดยโฆษกกองทัพอิสราเอลอ้างว่า คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นเนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะได้รับการโจมตีตอบโต้ด้วยจรวดจากปาเลสไตน์  อิสราเอลได้ประกาศเขตกันชนห่างจากชายแดนฉนวนกาซา ราว 2-4 กม.


 


ด้านนายเอฮุด บารัก รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล  กล่าวว่า อิสราเอลกำลังทำสงครามกับกลุ่มฮามาส  ไม่ใช่ประชาชนในฉนวนกาซา และว่า ปฏิบัติการอาจขยายและลึกเท่าที่จำเป็น เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในฉนวนกาซา  อย่างไรก็ตาม นายบารัก กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งใหญ่ของอิสราเอลในครั้งนี้ เป็นการป้องกันตัว เนื่องจากมีการยิงจรวดมาจากฉนวนกาซา ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของกลุ่มฮามาส นับแต่เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว


 


ขณะที่ กลุ่มมุสลิมในอินโดนีเซีย กล่าวในวันนี้ว่า มีแผนจะเปิดรับอาสาสมัคร 1,000 คน ไปร่วมสู้รบในฉนวนกาซา เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลโจมตีทางอากาศ ทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปกว่า 300 คน โดยรัฐบาลอินโดนีเซียประสานเสียงกับนานาชาติ ประณามการโจมตีฉนวนกาซา ขณะที่มีประชาชนกว่า 1,000 คน  ร่วมชุมนุมบริเวณตอนกลางกรุงจาการ์ตา เพื่อต่อต้านการโจมตีทางอากาศต่อฉนวนกาซา


 


แกนนำกลุ่มมุสลิม เปิดเผยว่า จะเริ่มเปิดรับอาสาสมัครในอีก 2-3 วันข้างหน้า จากนั้นจะส่งพวกเขาไปเข้าค่ายฝึก เพื่อเตรียมตัวก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ในสนามรบ จนกว่าจะสามารถเอาชนะอิสราเอลได้ ก่อนหน้านี้ ทางกลุ่มเคยส่งอาสาสมัครไปร่วมรบในอิรัก และอัฟกานิสถานมาแล้ว


 


ด้าน พล.อ.โจโก ซานโตโซ ผู้บัญชาการทหารอินโดนีเซีย  กล่าวว่า กลุ่มมุสลิมดังกล่าวจะต้องหารือกับรัฐบาลก่อน เนื่องจากไม่ใช่เรื่องง่าย ประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุดโดโยโน  กล่าวย้ำประณามการโจมตีของอิสราเอล และว่า อินโดนีเซียจะให้เงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม นอกเหนือไปจากความช่วยเหลือทางการแพทย์ 181,000 ดอลลาร์สหรัฐ


 


 


ส.ส.ฝ่ายค้านมาเลเซียถอนคำพูด ปากดีเรื่องแต่งงานผู้ติดเชื้อเอชไอวี


แนวหน้า - กัวลาลัมเปอร์ - นายโมฮัมหมัด นีซาร์ จามาลุดดิน สส. อาวุโสของพรรคปาส ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านในมาเลเซียถอนคำพูดเรื่องไม่ควรให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีแต่งงาน หลังจากถูกกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อผู้ป่วยเอดส์วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก


 


โดยหนังสือพิมพ์นิวซันเดย์ไทมส์ รายงานอ้างคำกล่าวของ นายนีซาร์ ซึ่งเป็นมุขมนตรีรัฐเประ ทางตอนเหนือของประเทศ ว่า ผู้ติดเชื้อเอชไอวีควรได้รับอนุญาตให้แต่งงานและมีลูกได้ แต่ควรแยกผู้ติดเชื้อไว้ในตึกพิเศษเมื่อเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และควรกำหนดให้ต้องสามารถพิสูจน์ต่อว่าที่คู่สมรสว่ากำลังรับการรักษาตัวอยู่


 


นายนีซาร์ ปรับท่าทีลงหลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อนหนังสือพิมพ์นิวสเตรทไทมส์ ตีพิมพ์คำกล่าวของเขาว่า เป็นความผิดมหันต์หากอนุญาตให้ผู้ป่วยหนักอย่างผู้ติดเชื้อเอชไอวีแต่งงาน เพราะทารกในครรภ์จะติดเชื้อด้วย ถือว่าไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งต่อทารก ก่อนหน้านี้รองนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค กล่าวว่า คู่รักชาวมุสลิมทุกคู่ควรตรวจหาเชื้อเอชไอวีก่อนแต่งงาน เพราะขณะนี้มีเพียงบางรัฐที่กำหนดเรื่องนี้ ด้าน นางไอรีน เฟอร์นานเดซ ผู้อำนวยการกลุ่มสตรีเตนางานิตา เห็นว่า น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งที่รัฐบาลยังมีทัศนะเช่นนี้ ทั้งที่มีการให้ความรู้เรื่องเอดส์และเอชไอวีมาหลายปี


 


สถิติของสหประชาชาติ คาดว่า ในมาเลเซียมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีแล้ว ไม่ต่ำกว่า 82,500 คน นับตั้งแต่เริ่มเก็บสถิติเมื่อปี 2529 มีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยที่ยังมีชีวิตอยู่ประมาณ 80,000 คน ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่มีแนวโน้มลดลง ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขเผยว่า ปีที่แล้วพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5,400 คน ลดลงจากปีก่อนหน้านี้ที่มี 6,900 คน และคาดว่าปีนี้จะลดลงเหลือไม่ถึง 3,500 คน แต่จำนวนสตรีที่ติดเชื้อจากสามีกลับเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5 ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดเมื่อปี 2540 เป็นร้อยละ 16 เมื่อปีที่แล้ว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net