Skip to main content
sharethis

ศาสนธรรมเป็นหลักการพื้นฐานของประชารัฐ เพราะศาสนธรรมคือหลักการทางจิตที่กำหนดความหมายและคุณค่าในทางสังคม โดยเฉพาะความหมายและคุณค่าเกี่ยวกับความดีและความงาม ปราศจากหลักการเช่นนี้ การรวมตัวกันเป็นประชารัฐก็ไม่ให้คุณประโยชน์แก่ใครเลย เหตุดังนั้นจึงถือว่าผู้ปกครองต้องประพฤติธรรม หรือมีธรรมของผู้ปกครองกำกับการบริหารของตน เช่นการกล่าวเท็จเป็นการละเมิดธรรมของผู้ปกครองที่ร้ายแรง เพราะความชอบธรรมของอำนาจในการปกครองนั้นมาจากการยอมรับของประชาชน และการยอมรับไม่ได้มาจากบัตรเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมาจากคุณความดีบางประการที่ประชาชนยกย่องด้วย

ศาสนาทุกศาสนาต่างมีหลักธรรมเป็นกรอบกำหนดระบบคุณค่าในสังคม โดยมีกรอบของศาสนธรรมที่เป็นหลักกำหนดวิถีชีวิตของปัจเจกชนและคตินิยมของชุมชน

เรารวมตัวกันเป็นประชารัฐ โดยทุกคนยอมเสียสละเสรีภาพส่วนตัวบางส่วน เพื่อจรรโลงความเป็นประชารัฐเอาไว้ ก็เพราะเราทุกคนต่างมุ่งหวังจะได้บรรลุถึงคุณค่าที่ต่างคนต่างยึดถือว่าเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิต ไม่ว่าคุณค่านั้นจะสังกัดอยู่ในศาสนธรรมของศาสนาใดก็ตาม

ยิ่งกว่านี้ศาสนธรรมของทุกศาสนายังให้คุณค่าแก่สันติวิธี คุณธรรม และความเคารพต่อเพื่อนมนุษย์และสิ่งแวดล้อม อันเป็นหลักการพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตย และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ศาสนธรรมจึงเป็นหลักการสำคัญที่ขาดไม่ได้ของการวางนโยบายสาธารณะ ในขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องมือสำคัญที่ประชาชนจะใช้ในการตรวจสอบรัฐบาล นั่นก็คือนโยบายใดที่ขัดแย้งหรือต่อต้านศาสนธรรมไม่น่าจะมีผลดีต่อสาธารณชน

ประเด็นเกี่ยวกับนโยบายของพรรคการเมืองได้ถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง และเชื่อว่า นับจากนี้ไปการต่อสู้กันทางนโยบายจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

แต่จากประสบการณ์ ๓ ปีกว่าที่รัฐบาลพรรคไทยรักไทยได้บริหารประเทศมา ทำให้ได้ประจักษ์ว่า การเสนอนโยบายและการดำเนินนโยบายของรัฐโดยพรรคไทยรักไทย ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องศาสนธรรม ไม่ว่าจะเป็นอุดมธรรมหรือจริยธรรม ดังเช่นปล่อยให้เกิดการฆ่าตัดตอน โดยอ้างว่า เพื่อแก้ปัญหายาเสพติด กว่า ๒,๕๐๐ ชีวิตต้องสังเวยให้แก่การวางนโยบายสาธารณะที่เห็นชีวิตมนุษย์เป็นเหมือนผักปลา ท่าทีที่ไม่ให้คุณค่าแก่ชีวิตนั้นเอง ที่เป็นอันตรายต่อสังคมเสียยิ่งกว่าอื่นใดทั้งสิ้น ผลจากท่าทีแบบนี้ก็คือมีคนต้องสูญเสียชีวิตเพราะการดำเนินนโยบายสาธารณะที่ผิดพลาดตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับสถานการณ์ในภาคใต้ ซึ่งทำให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ต้องเสียชีวิตไปเป็นอันมาก จนมีผู้ประมาณว่าการปกครองของรัฐบาลไทยรักไทยทำให้คนไทยต้องเสียชีวิตประมาณปีละ ๑,๐๐๐ คน

รัฐบาลไทยรักไทยส่งเสริมอบายมุข โดยอ้างว่าเพื่อนำเงินที่ได้มาไปช่วยเหลืออุดหนุนการศึกษาของคนยากจน และด้วยการอ้างเช่นนี้ ทำให้สังคมสับสนกับระบบคุณค่าในสังคม อุดมธรรมทางศาสนาไม่มีความหมายต่อชีวิตและชุมชน สัจธรรมทางศาสนาไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้ของประชาชน จริยธรรมของศาสนาต่างๆ ก็ถูกเมินเฉย เพราะเกิดกระแสค่านิยมใหม่จากการกล่อมเกลาของรัฐที่มุ่งผลประโยชน์ทางการเมืองเฉพาะหน้าในสนามแข่งขัน เพื่อแย่งชิงอำนาจรัฐ

กระแสค่านิยมใหม่ที่เห็นความมั่งคั่งร่ำรวยเป็นสรณะเช่นนี้แหละที่เป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่ง เพราะทำให้ผู้คนหลงใหลว่า การมีเงินเป็นคุณค่าในตัวเอง ไม่ว่าจะได้เงินมาจากความหมั่นเพียร เสี่ยงโชค หรือแม้แต่คดโกงก็ไม่มีความแตกต่างกัน ทั้งนี้นับว่าสอดคล้องกับนโยบายด้านอื่นๆ ของไทยรักไทยที่แก้ปัญหาต่างๆ โดยการหว่านเงินลงไป ไม่สนใจว่าจะเป็นการพัฒนาศักยภาพของผู้คนได้เต็มขีดความสามารถของเขาหรือไม่ เราจะมีประชากรที่ไร้คุณค่าซึ่งเคยยึดถือกันมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ ไม่ว่าจะเป็นการประหยัดอดออม ความบากบั่นหมั่นเพียร ความซื่อสัตย์ การบังคับควบคุมใจของตัวเอง หรือการมีสันโดษ

ด้วยเหตุดังนั้น เราจึงหวังว่า รัฐบาลใหม่ที่จะมาจากการเลือกตั้ง จะต้องเป็นรัฐบาลที่ให้ความเคารพต่อศาสนธรรมอย่างจริงใจ นโยบายพัฒนาต้องไม่มีความหมายแคบๆ แต่เพียงมีเงินมากๆ เท่านั้น หากต้องหมายถึงคุณภาพของผู้คนที่สูงขึ้น ทั้งในทางวัตถุและในทางจิตใจ นโยบายสาธารณะใดๆ ควรจะมีความสอดคล้องกับหลักศาสนธรรม อย่างน้อยก็อธิบายได้ด้วยหลักศาสนธรรม ไม่ใช่อาศัยแต่ดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ หรือตัวเลขการขยายตัวของจีดีพีเท่านั้น

ในขณะเดียวกันเราก็ใคร่เรียกร้องให้สังคมใช้ศาสนธรรมในการตรวจสอบและกำกับนโยบายของรัฐมากขึ้น อย่าหลงไปกับตัวเลขทางเศรษฐกิจซึ่งส่วนใหญ่เป็นตัวเลขทางธุรกิจมากกว่าเศรษฐกิจด้วยซ้ำ เพราะเราไม่ใฝ่ฝันถึงสังคมที่มั่งคั่งแต่เร่าร้อนเป็นอนาคตของสังคมไทย

ประชาชนควรซักถามคาดคั้นผู้สมัครรับเลือกตั้งให้กระจ่างว่า นโยบายของพรรคของเขานั้นสอดคล้องกับหลักศาสนธรรมเป็นอันดีมากน้อยเพียงใด ผู้สมัครที่มองเห็นชีวิตตื้นเขินเพียงแต่สัญญาว่าจะทำให้ประชาชนร่ำรวยอย่างทันตาเห็น ไม่น่าจะมีคุณสมบัติดีพอที่จะเป็นผู้แทนของประชาชนซึ่งมองชีวิตได้ลุ่มลึกกว่านั้นมาก

ประชาไทรายงาน

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net