Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่หอประชุมกาสะลองคำ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จ.เชียงราย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เป็นเจ้าภาพจัดเวทีเสวนา เรื่อง "มุมมองต่างมิติต่อการจัดตั้ง นิคมอุตสาหกรรมเชียงแสน" ในงานเสวนาครั้งนี้ ได้มีมีตัวแทนนักวิชาการ ตัวแทนการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตัวแทนจากองค์กรหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นักเรียนนักศึกษา และประชาชนเข้าร่วมงานกันกว่า 1,000 คน โดยมีนายก่อเขต จันทรเลิศลักษณ์ บรรณาธิการบริหาร นสพ.คมชัดลึก เป็นผู้ดำเนินรายการ

โดยในช่วงบ่าย ได้มีคนลำพูน มาพูดถึงบทเรียนจากนิคมอุตสาหกรรมลำพูน ที่ได้ก่อปัญหาทั้งเรื่องคนงานได้รับสารพิษป่วยล้มตาย น้ำเน่าเสีย ดินเสื่อม และปัญหาทางสังคมตามมามากมาย จนทำให้ชุมชนดั้งเดิมล่มสลาย ชี้ให้คนเชียงแสนตื่นตัวและเตรียมพร้อมให้ดี ให้คำนึงถึงต้นทุนชีวิตและสังคม หากมีการสร้างนิคมฯเชียงแสน

นายเคารพ พินิจนาม ตัวแทนชาวบ้านคนลำพูน เปิดเผยว่า การสร้างนิคมอุตสาหกรรมลำพูน ในช่วงปี 2526-2528 นั้น ถือว่าเป็นยุคมืดดำ เพราะชาวบ้านคนลำพูนไม่ได้มีส่วนร่วมรับรู้ข้อมูลใดๆ เลย จู่ๆ ก็พุ่งเข้ามา ทำให้ทุกคนตั้งรับกันไม่ทัน

"ที่ผ่านมา นิคมฯลำพูน ได้สร้างปัญหาในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าปัญหาเรื่องนิคมฯ ลำพูนใช้น้ำจากเขื่อนแม่กวง จนเกิดการแย่งชิงน้ำจากชาวบ้านชาวนา มีการกว้านซื้อที่ดิน จากเคยทำนาทำไร่ เลี้ยงสัตว์ และหากินกับป่า ต้องเปลี่ยนไป เพราะที่ดินถูกเปลี่ยนมือ เป็นของนายทุนไปหมดสิ้น และที่ดินที่เหลือก็ทำการเพาะปลูกไม่ได้ เพราะสารพิษซึ่งเป็นโลหะหนักจากโรงงานไหลซึมผ่านเข้าไปในเนื้อดิน ทำให้ดินเสื่อมสภาพ " นายเคารพ กล่าว

นางรัชนี นิลจันทร์ กรรมการการจัดการสิ่งแวดล้อม จ.ลำพูน เผยว่า ตอนแรกทางนิคมอุตสาหกรรมลำพูน บอกว่าจะเป็นนิคมฯ ที่มีโรงงานแปรรูปการเกษตร และเครื่องหนัง แต่มาตอนหลังกลับกลายเป็นการผลิตชิ้นส่วนทางอิเลคทรอนิกส์แทน จนต่อมาในปี 2536-2537 คนงานในโรงงานนิคมฯ ลำพูน เริ่มป่วยด้วยโรคภูมิแพ้ และโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ และล้มตายโดยไม่ทราบสาเหตุ

ในขณะที่ นางรัชนี พูดอยู่นั้น นพ.วัชระ สนธิชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหริภุญไชย ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับนิคมอุตสาหกรรมลำพูน และยังเป็นคณะกรรมการความปลอดภัยนิคมอุตสาหกรรมลำพูน ได้ลุกขึ้นแย้งว่า สิ่งที่นางรัชนีพูดนั้น ไม่เป็นความจริง และนพ.วัชระ ได้กล่าวยืนยันรับรองว่า ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำการตรวจผู้ป่วยที่เป็นคนงานว่า ไม่พบสารตะกั่วในร่างกายเกินมาตราฐาน และไม่ได้เป็นอันตรายต่อชีวิต
และบอกว่า สาเหตุที่คนงานเสียชีวิตนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นโรคเอดส์ ไม่ได้ป่วยจากสารตะกั่ว

ทางด้านนางรัชนี ได้กล่าวโต้ว่า ที่ผ่านมา ตนได้นำผู้ป่วยไปตรวจกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง จำนวน 100 กว่าราย และตรวจพบว่า 60 ราย ได้รับสารพิษในร่างกายเกินมาตราฐานจริง ซึ่งมีเอกสารทางการแพทย์ยืนยันได้

"ซึ่งตอนนี้ คนป่วย คนทำงานในนิคมอุตสาหกรรมลำพูน ได้บอกว่า ต่างไม่มั่นใจ ไม่เชื่อถือในการตรวจรักษาพยาบาลจากแพทย์ของโรงพยาบาลหริภุญไชยกันแล้ว" นางรัชนี กล่าว

ในช่วงนั้น, เหตุการณ์เริ่มมีการถกเถียงกันรุนแรงและจะบานปลาย ตรงกับหัวข้อเรื่องการเสวนา
"มุมมองต่างมิติจริงๆ "ผู้ดำเนินรายการกล่าว ก่อนจะดึงมาพูดในประเด็นต่อไป

ต่อมา นายวีนัส ดวงดม ซึ่งเป็นผู้ป่วยจากการทำงานในนิคมอุตสาหกรรมลำพูน ได้เปิดเผยว่า ตนเคยทำงานโรงงานประกอบชิ้นส่วนมือถือ ในนิคมอุตสาหกรรมลำพูนมาก่อน แต่ต่อมา ได้ป่วยและเข้ารับการตรวจรักษาในโรงพยาบาล พบว่า ตนได้รับสารตะกั่ว สารอะลูมีนา จนสุดท้ายต้องออกจากนิคมฯ

"ภายในโรงงานในนิคมฯ ลำพูน จะเป็นห้องแอร์ ทำให้ทุกคนต้องสูดสารพิษจากสารตะกั่ว อะลูมีนา เข้าไปโดยไม่รู้ตัว ไม่ได้มีการใส่หน้ากาก มีเพียงผ้าปิดจมูกธรรมดาเท่านั้น นอกจากนั้น ภายในโรงงาน จะมีช่องระบายดูดอากาศออกไปทางปล่องควัน ปล่อยออกไปทั่วบริเวณรอบๆ นิคมอุตสาหกรรม จนเกิดควันพิษ ฝุ่นละอองลอยคลุ้งไปทั่ว มีการปล่อยน้ำเสียลงไป ในแม่น้ำกวง จนทำให้น้ำเน่าเสีย จนทุกวันนี้ ชาวบ้านแถบนั้น ไม่มีใครใช้อุปโภค บริโภค" นายวีนัส กล่าว ด้วยสีหน้าหม่นเศร้า

ตัวแทนชาวบ้านจาก จ.ลำพูน ยังกล่าวย้ำอีกว่า นิคมอุตสาหกรรมลำพูน ได้ทำลายวิถีชีวิต วัฒนธรรมดั้งเดิมหายไป เกิดสัง 2 กลุ่ม คือกลุ่มสังคมคนงาน กับสังคมชาวบ้าน จนกลายเป็นความแปลกแยก ทุกคนต่างอยู่อย่างคนแปลกหน้ากันและกัน

"เพราะฉะนั้น ชาวเชียงแสน ชาวเชียงราย จะต้องกลับมาทบทวนกันใหม่ว่า ระหว่างการพัฒนา การสร้างนิคมฯเชียงแสน กับต้นทุนชีวิต ต้นทุนทางสังคม ที่จะต้องสูญเสียไปนั้น มันจะคุ้มกันหรือไม่" นางรัชนี กล่าว

"และหากชาวเชียงแสน ชาวเชียงราย อยากรู้ว่า นรกมีจริง เหมือนอย่างผมตอนนี้ ก็ลองให้พวกเขาสร้างนิคมอุตสาหกรรมเชียงแสนดู" นายวีนัส ผู้ป่วยจากโรงงานนิคมอุตสาหกรรม กล่าวย้ำทิ้งไว้ในตอนท้าย…

หลังจากนั้น, นายสุพจน์ ล้อสีทอง ชาวบ้าน ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้ลุกขึ้นกล่าวว่า ที่ผ่านมา รัฐพยายามเอาข้อมูลที่ได้ทำเอง มาบอกว่ากว่า 90% เห็นด้วยกับการสร้างนิคมอุตสาหกรรมเชียงแสน แล้วทำไมชาวบ้านอีก 4 ตำบล จึงไม่ได้รับรู้เลยว่าจะมีการสร้างนิคมฯ

"ถ้าเป็นเช่นนี้ ตนคิดว่า ความเสียหายย่อมจะเกิดขึ้นได้ในพื้นที่เชียงแสนในอนาคต ตนดูข้อมูลของ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) นั้นน่าเชื่อ เพราะเห็นมีแต่ข้อดี และตนไม่มีความมั่นใจว่าจะควบคุมได้ในอนาคต" นายสุพจน์ กล่าว

นอกจากนั้น ยังมีการพูดถึง พื้นที่การสร้างนิคมฯ เชียงแสน บริเวณตำบลศรีดอนมูล จำนวน 3,000 กว่าไร่ และต่อไปในอนาคตอาจจะขยายกว้างออกไป เป็น 5,000 ไร่ หรือ 10,000 ไร่ ใครจะรับประกัน กรณีที่ กนอ.บอกว่า นิคมอุตสาหกรรม จะขุดบาดาล ผลิตน้ำใช้ในนิคมฯ อย่างพอเพียง แล้วชาวบ้านชาวนาที่อยู่นอกนิคมฯ จะเอาน้ำที่ไหนมาใช้ รับรองว่ามันจะต้องกระทบอย่างแน่นอน แม้กระทั่งน้ำแม่คำ ก็จะต้องถูกดูดแห้งหายไป

นายสุพจน์ ยังกล่าวอีกว่า ปัญหาทางสังคม กระทบแน่นอน ตอนนี้บ้านของตนเปิดประตูทิ้งไว้ตลอดเวลา แม้กระทั่งเข็มสักเล่มก็ไม่เคยหาย หากมีการสร้างนิคมฯ โจร ผู้ร้ายต้องเต็มบ้านเต็มเมือง ตนจะต้องหากุญแจสัก 5 ตัว มาปิดประตูบ้าน

"และชื่อเสียงของประเทศไทยจะต้องเสียหายอย่างแน่นอน เพราะสินค้าของจีนทุกวันนี้ พอใครเห็น "เมด อิน ไชน่า" ทุกคนต่างส่ายหน้าบอกว่า "โน" เพราะสินค้าไม่มีคุณภาพ แต่ถ้าเอาสินค้าจีนมาประทับตรา"เมด อิน ไทยแลนด์" ประเทศไทยย่อยยับแน่" นายสุพจน์ กล่าวในตอนท้าย

นั่นคือเสียงของความห่วงใย ของคนลำพูน ที่ผ่านการประสพปัญหาชะตากรรมที่ตนเองไม่ได้ก่อ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรมลำพูน และเป็นอีกเสียงความห่วงใยและความไม่เข้าใจในกระบวนการทำงานของรัฐ ที่กำลังคิดสร้างนิคมอุตสาหกรรมเชียงแสน ท่ามกลางคนคัดค้าน ไม่เห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่ กับกลุ่มคนที่ได้เข้าไปมีผลประโยชน์จากการดำเนินโครงการบางกลุ่ม ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายคน หลายฝ่ายหลายองค์กรหน่วยงาน ต่างให้ความสนใจและเฝ้าติดตาม ว่านิคมอุตสาหกรรมเชียงแสน จะเกิดขึ้นหรือไม่

องอาจ เดชา
ศูนย์ข่าวภาคเหนือรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net