ฮ่องกง -2 ธ.ค. 47 คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย ออกแถลงการณ์คัดค้านแนวคิดการออกพรก.ความมั่นคง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยแถลงการณ์ระบุว่า ขณะนี้รัฐบาลไทยกำลังคิดที่จะออกกฎหมายเพื่อความมั่นคงภายใน โดยการอนุญาตให้มีการกุมขังเป็นระยะเวลายาวนาน และไม่ต้องผ่านกระบวนการทางศาล

คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย (AHRC) เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ตั้งขึ้นในฮ่องกงเมื่อปี 2527 โดยทำงานในเรื่องการตรวจสอบและการรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนในระดับภูมิภาคเอเชีย

"หากมีการบัญญัติกฎหมายนี้จริง ประเทศไทยก็จะเผชิญกับวิกฤติ กฎหมายนี้จะทำให้สถานการณ์ด้านความปลอดภัยที่กำลังเลวร้ายต้องเผชิญกับความวิกฤติที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น และยังเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานภายใต้รัฐธรรมนูญไทยและกฎหมายสากลด้วย จากประสบการณ์ทางลบของหลายประเทศที่ได้ใช้กฎหมายนี้รวมถึงประเทศในเอเชีย หากนำกฎหมายนี้มาใช้จะไม่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการแบ่งแยกดินแดน แต่จะเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับปัญหา" แถลงการณ์ ระบุ

แถลงการณ์ระบุ อีกว่า ผู้นำทางการเมืองที่ต้องการควบคุมอำนาจมักจะใช้วิธีการออกกฎหมายในลักษณะนี้ ประเทศต้นแบบกฎหมายของไทยคือสิงคโปร์และมาเลเซีย เป็นที่ทราบดีว่ามีผู้นำที่ใช้อำนาจเผด็จการ นายกรัฐมนตรีสามารถที่จะสั่งกักขังผู้ใดก็ได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการศาลเป็นเวลาสามปี แต่สามารถขยายระยะเวลาได้โดยไม่มีกำหนด เป็นผลให้เกิดระบบการเมืองแบบพรรคเดียว พื้นที่ของนักการเมืองฝ่ายค้านมีน้อยมาก การผลัดเปลี่ยนพรรคการเมืองเข้ามาบริหารประเทศก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้

ในด้านการบังคับใช้กฎหมายก็จะพบกับปัญหาอุปสรรค เพราะคาดว่าจะมีปฏิกิริยาที่รุนแรงจากหลายกลุ่ม บางกลุ่มอาจจะหันมาใช้ความรุนแรง การสังหารหมู่และการหายตัวไปของคนในภาคใต้ได้ก่อให้เกิดการแตกแยกทางสังคม ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ทหารเข้ามาควบคุมสถานการณ์เป็นการสร้างความชอบธรรมต่อการใช้ความรุนแรงภายใต้เหตุผลของการป้องกันตนเอง เพราะขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ที่ทำการทารุณกรรมและละเมิดสิทธิของผู้ต้องหาเสียเอง

ประเทศไทยได้แสดงจุดยืนของการเป็นผู้นำด้านการเคารพสิทธิมนุษยชนคือ การลงนามเป็นภาคีใน กติกาสากลระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางพลเมืองและทางการเมือง ซึ่งกฎหมายความมั่นคงภายในที่จะเกิดขึ้นนี้ไม่สอดคล้องกับกติกาสากลดังกล่าวที่ไทยได้เข้าเป็นภาคี และกฎหมายระหว่างประเทศอื่นๆ ซึ่งจะทำให้สถานภาพของประเทศไทยต่อชุมชนนานาชาติตกต่ำลงทันที

ความคิดที่จะออกกฎหมายความมั่นคงภายในนั้นเป็นความคิดที่ส่งผลด้านลบต่อทั้งประเทศ
ผู้รักความเป็นธรรม ผู้ทำงานด้านประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนควรแสดงความไม่เห็นชอบกับแนวคิดนี้ตั้งแต่เริ่มต้น เพราะหากไม่ทำตั้งแต่บัดนี้ อาจต้องทำงานอย่างหนักเป็นสิบๆ ปี
เพื่อแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

ท้ายแถลงการณ์ คณะกรรมาธิการสิทธิฯ เรียกร้องให้รัฐบาลไทย พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ โดยเฉพาะผลร้ายอันใหญ่หลวงที่จะตามมา และในที่สุดขอให้ล้มเลิกความตั้งใจ และคนไทยทุกคนควรร่วมมือกันอย่างแข็งขันเพื่อต่อต้านกฎหมายที่ถอยหลังเข้าคลองฉบับนี้ และหาความช่วยเหลือจากชุมชนนานาชาติเพื่อสร้างความมั่นใจว่ากฎหมายเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น

ประชาไทรายงาน